อ่านเกม “โค้กไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ อร่อยซ่า…ใช่กว่าเดิม?” ปรากฏการณ์อร่อยเกินคาดแบบ 360 องศา ที่กล้าให้ผู้บริโภคตัดสินเอง!

  • 8.3K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

เดอะโคคา-โคล่า คัมปะนี เพิ่งประกาศผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ว่าในยอดขายสุทธิที่เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีสินค้าอย่างโค้กไม่มีน้ำตาลหรือ Coca-Cola Zero Sugar เป็นหนึ่งในสินค้าใหม่ของพอร์ตที่ขายดีเทน้ำเทท่า นอกเหนือจากแบรนด์ในเครืออย่าง AHA, BodyArmor, smartwater และ Coca-Cola with Coffee

สำหรับประเทศไทย โคคา-โคล่าเป็นรายล่าสุดท่ามกลางแบรนด์จำนวนไม่มากที่กล้าโปรโมทสินค้าด้วยจุดเด่นที่การปรับปรุงสูตร โดยแจ้งเกิด “โค้ก ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่” ผ่านแคมเปญไม่ธรรมดาที่เน้นให้ผู้บริโภคได้ลองและตัดสินเองสะท้อนความมั่นใจของโคคา-โคล่าว่าแคมเปญนี้จะช่วยย้ำภาพแชมป์ของตัวเองในศึกน้ำอัดลมไร้น้ำตาล ไม่มีแคลเลอรี่ในช่วงหลายปีนับจากนี้

ในมุมคู่แข่ง แคมเปญ “โค้กสูตรใหม่ อร่อยซ่า…ใช่กว่าเดิม?” นี้ถือว่าน่าจับตา เพราะโค้กไม่มีน้ำตาลสูตรใหม่จะมาพร้อมดีไซน์แพ็กเกจใหม่ และจะมอบความอร่อยซ่าสดชื่นถูกใจผู้บริโภคมากขึ้นกว่าเดิม เปิดทางให้คอน้ำอัดลมสามารถสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยใหม่ของโค้กไม่มีน้ำตาล เป็นจุดยืนของโคคา-โคล่าที่ย่อมมีอิมแพคต่อการแข่งขันในตลาดภาพใหญ่อย่างแน่นอน

สำหรับผู้บริโภค คำท้าเรื่องสูตรใหม่ที่อร่อยยิ่งขึ้นแม้ไม่มีน้ำตาล เป็นการกระตุ้นชั้นยอดให้ทดลองชิมเพื่อพิสูจน์ถ้ายังไม่เชื่อ ยังมีการปรับโฉมใหม่ซึ่งจะช่วยรีเฟรชให้ดูทันสมัยและโดดเด่นกว่าเวอร์ชันเดิม

 

 

ย้ำภาพผู้นำ

โคคา-โคล่า ประเดิมเปิดตัวโค้กไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ โฉมใหม่ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตลอด 1 เดือน โค้กสูตรใหม่สามารถเรียกความสนใจจากตลาดได้มาก เพราะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาลของโคคา-โคล่า ด้วยอัตราการเติบโตเป็นอันดับหนึ่งมาหลายไตรมาส

นางสาวริชา ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว เล่าว่ากระแสนิยมการบริโภคเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลของผู้บริโภคชาวไทยวันนี้เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 21.2%* แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคต้องการเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อย แต่ไม่มีน้ำตาลและไม่มีแคลอรี

ความใหม่ของเครื่องดื่มรุ่นล่าสุดจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือสูตรใหม่และรูปโฉมใหม่ โคคา-โคล่าระบุว่า ในฐานะที่เป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มอัดลม จึงคิดค้นและพัฒนาเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้โค้กไม่มีน้ำตาลสูตรใหม่ เป็นเครื่องดื่มที่ผู้บริโภคสามารถดื่มด่ำความอร่อยซ่าสดชื่นมากยิ่งขึ้น แต่ไม่มีน้ำตาล และไม่มีแคลอรี ตอบโจทย์ความนิยมเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน

สำหรับดีไซน์แพ็กเกจ โค้กไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่จะมาในรูปโฉมที่ปรับใช้ในอีกหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นการปรับตามกลยุทธ์ “One Brand” ของบริษัท

ดีไซน์ใหม่จะเน้นรูปแบบที่เรียบง่ายและทันสมัย โดดเด่นสะดุดตา โดยยังคงสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ แต่เปลี่ยนโลโก้ Coca-Cola เป็นสีดำ ซึ่งเป็นสีตัวแทนของโค้กสูตรไม่มีน้ำตาลมาโดยตลอด ทำให้แยกออกง่ายมากขึ้น

โค้กไม่มีน้ำตาลจะเริ่มใช้ดีไซน์ใหม่นี้ก่อนที่โค้กรสชาติอื่น ทั้งโค้กรสชาติออริจินัล และโค้กไลท์ จะทยอยเปลี่ยนแพ็จเกจภายในปี 2564 นี้

 

 

กระตุ้นแบบ 360 องศา

เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำอีกขั้น โคคา-โคล่า ทำแคมเปญการตลาดในชื่อภาษาไทยว่า “โค้กสูตรใหม่ อร่อยซ่า…ใช่กว่าเดิม?” สิ่งที่เห็นได้ชัดจากแคมเปญคือความกล้าเชิญชวนให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองโค้ก ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ เรียกว่ากล้าที่จะเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคตัดสินเองว่า “โค้ก” สูตรใหม่ อร่อย..ซ่า ใช่กว่าเดิม จริงหรือเปล่า?

การท้าให้ลองทำผ่านกิจกรรมการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ การสื่อสารผ่านสื่อนอกบ้าน ณ แลนด์มาร์คใจกลางกรุงเทพฯ การสื่อสาร ณ จุดขายและในร้านค้า ตลอดจนการพูดคุยตอบโต้กันอย่างสร้างสรรค์บนสื่อโซเชียลมีเดียผ่านช่องทางของอินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงการปูพรมแจกสินค้าตัวอย่างกว่า 5.7 ล้านชิ้นทั่วประเทศตลอดปีนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสลองด้วยตัวเอง

การเปิดตัวโค้กไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ โฉมใหม่ ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด

ใครสนใจติดตามตารางกิจกรรมเร้าใจของแคมเปญ “โค้กสูตรใหม่ อร่อยซ่า…ใช่กว่าเดิม?” สามารถคลิกที่ https://www.facebook.com/cocacolaTH

 

 

แหล่งที่มา : *การคำนวณข้อมูลตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ของโคคา-โคล่า ส่วนหนึ่งอ้างอิงจากข้อมูลดัชนีค้าปลีกรายเดือน ที่รายงานโดย Nielsen สำหรับตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ในช่วงเวลา 12 เดือน สิ้นสุด ณ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นข้อมูลของตลาดในประเทศไทย


  • 8.3K
  •  
  •  
  •  
  •