ในมหานครใหญ่ทั่วโลก เช่น โตเกียว, ปารีส, ลอนดอน, นิวยอร์ก มีย่านธุรกิจการค้าที่เป็นทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ด้านความบันเทิง และการท่องเที่ยว ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือน และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มหาศาล สำหรับประเทศไทย “กรุงเทพฯ” ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ติดอันดับ 1 นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางมามากที่สุด และหนึ่งในย่านธุรกิจการค้า-การท่องเที่ยวสำคัญของมหานครแห่งนี้ คือ ย่านสุขุมวิท ซึ่งถือเป็น Midtown ของกรุงเทพฯ
ปัจจุบันใจกลางสุขุมวิทมี Mega Development อย่าง “EM DISTRICT” (เอ็มดิสทริค) พัฒนาโดยเดอะมอลล์ กรุ๊ป ด้วยความมุ่งมั่นต้องการยกระดับ “สุขุมวิท” ให้เป็น World-class Destination ทั้งด้านธุรกิจการค้า ช้อปปิ้ง ความบันเทิง และการท่องเที่ยว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
นับถอยหลังอีกไม่กี่วัน ในวันที่ 1 ธันวาคมที่จะถึงนี้ จะเป็นอีกหนึ่งบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของเดอะมอลล์ กรุ๊ปที่ตอกย้ำวิสัยทัศน์และพันธกิจในการยกระดับประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยว กับการเปิดโครงการ “เอ็มสเฟียร์” (EMSPHERE) ที่ช่วยเติมเต็ม “EM DISTRICT” ให้สมบูรณ์แบบ เพื่อพัฒนาสุขุมวิทให้เป็น “ย่านธุรกิจการค้า ความบันเทิง และการท่องเที่ยว” เทียบเท่ามหานครของโลก ที่จะสร้างปรากฏการณ์ “Calling the World” ความเร้าใจใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหลับใหล หรือ Sleepless Metropolis
“เดอะมอลล์ เริ่มต้นเมื่อ 42 ปีที่แล้ว เรามีวิสัยทัศน์และพันธกิจว่าสิ่งที่เราสร้างต้องเป็น World-class Phenomenon ด้วยการทำโครงการใหญ่เท่านั้น เพราะถ้าเราจะออกรบในสนาม ก็ต้องเป็นสนาม Formula One ต้องเป็น Wimbledon และต้องเป็นสนามที่เรา win ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่ต้อง win the World
เพราะโครงการที่เราสร้างขึ้น ต้องมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ได้ทำให้เฉพาะเดอะมอลล์ กรุ๊ป แต่เป้าหมายคือ ต้องการทำให้ประเทศไทย เป็น The Hub of Asean ให้ได้ นี่คือความตั้งใจของเรา”
คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ
เจาะลึกวิสัยทัศน์เดอะมอลล์ กรุ๊ป และไฮไลท์ “เอ็มสเฟียร์” ที่จะเติมเต็ม EM DISTRICT ในการพัฒนาใจกลางสุขุมวิทให้เป็นย่านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวที่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ ดึงผู้คนจากทั่วโลก
จากปฐมบท EM DISTRICT ที่เริ่มจากลักซืชัวรี่ รีเทล ครั้งแรกบนถนนสุขุมวิทเมื่อปี 2540 “ดิ เอ็มโพเรียม – ดิ เอ็มควอเทียร์” ขยายสู่ “เอ็มสเฟียร์” เติมเต็มความสมบูรณ์แบบย่านสุขุมวิท หากย้อนกลับไปเมื่อกว่า 30 – 40 ปีที่แล้ว ถนนสุขุมวิท ในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ห่างไกลจากย่านใจกลางเมือง (Downtown) และถือเป็น Residential Area เต็มไปด้วยที่อยู่อาศัย แต่ทุกวันนี้ “ใจกลางถนนสุขุมวิท”ได้รับการพัฒนาให้เป็นย่านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่มีความครบวงจรของความเป็น “ย่าน” ทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน การเกิดขึ้นของคอนโดมิเนียมมากมาย สวนสาธารณะ และสถานศึกษา
ที่สำคัญความพร้อมระบบรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมสำคัญในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีน้ำเงิน อีกทั้งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทา (ระยะแรก: วัชรพล-ทองหล่อ, ระยะที่ 2: พระโขนง-พระราม 3, ระยะที่ 3: พระราม 3-ท่าพระ) เชื่อมต่อคนจากย่านรามอินทรา เข้าสู่ใจกลางสุขุมวิทได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ยิ่งทำให้ทำเลสุขุมวิท เป็นย่านการค้าคึกคักและขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะสามารถรองรับทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Expat และนักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่และใช้ชีวิตในย่านแห่งนี้
ทั้งนี้ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ยกระดับให้ “สุขุมวิท” กลายเป็นย่านการค้าหลักของกรุงเทพฯ เกิดขึ้นเมื่อครั้งการเปิดตัวโครงการ “ดิ เอ็มโพเรียม” (THE EMPORIUM) ในปี 1997 ถือเป็น Luxury Mall แห่งแรกในประเทศไทยที่เดอะมอลล์ กรุ๊ป สามารถดึง Luxury Brand ชั้นนำของโลกเข้ามาลงทุนเปิด Flagship Store ครั้งแรกในไทยได้สำเร็จ
แม้ช่วงเวลานั้น ประเทศต่างๆ ในแถบเอเชีย รวมทั้งไทย กำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งก็ตาม แต่ผลจากค่าเงินบาท ได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการดึง “นักท่องเที่ยวต่างประเทศ” เข้ามาท่องเที่ยวและช้อปปิ้งในไทยมากขึ้น จากก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย อยู่ที่ 7 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านคน ประกอบกับการเกิดขึ้นของศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ที่สามารถรองรับการช้อปปิ้งจากนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงได้
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ประเทศไทยกลายเป็นหมุดหมายปลายทางสำคัญของการท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นปฐมบทของ “EM DISTRICT” ที่ยกระดับสุขุมวิทให้เป็นหนึ่งในย่านธุรกิจการค้าสำคัญของกรุงเทพฯ
“EM DISTRICT เกิดขึ้นไม่ใช่ความบังเอิญ แต่มาจากวิสัยทัศน์ และพันธกิจของเรา วันนั้นประเทศไทยไม่มี Luxury Brand ใครที่จะซื้อสินค้แบรนด์หรู จะไปซื้อที่สิงคโปร์ ฮ่องกง ปารีส ในขณะที่เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดิมทีเราเน้นเปิดศูนย์การค้าชานเมือง ขยายไปรอบมุมเมืองของกรุงเทพฯ เมื่อเราทำศูนย์การค้ารอบมุมเมืองได้ดี และมีความพร้อมแล้ว เราวกเข้ามาทำเลในเมือง
ในอดีตสุขุมวิทเป็นย่านที่อยู่อาศัย ที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยความที่เรามี “Pioneering Spirit” เราจึงกล้าที่จะทำ High-end Luxury Retail แห่งแรกของประเทศไทย แม้เวลานั้นคนบอกเราว่าเปิด “ดิ เอ็มโพเรียม” มา เจ๊งแน่! เพราะเราเปิดในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 1997 พอดี
แต่ปรากฏว่าไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะยอดขายเราเติบโต 30% ทุกปี และ Luxury Brand ที่มาเปิดช้อปภายในศูนย์การค้าเรา ขายดี กลายเป็นว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง และการเปิด ดิ เอ็มโพเรียม ที่มี Luxury Brand ชั้นนำมากมาย ช่วยให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาประเทศไทยเพิ่มขึ้น” คุณศุภลักษณ์เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของ EM DISTRICT
หลังจาก ดิ เอ็มโพเรียม ประสบความสำเร็จ ต่อมาในปี 2015 เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้พัฒนาโครงการ “ดิ เอ็มควอเทียร์” (THE EMQUARTIER) ศูนย์การค้าแห่งที่สองของ EM DISTRICT โดยมีจุดเด่นคือ ในการผสมผสานลักซัวรี่ และไลฟ์สไตล์ อย่างลงตัว ที่ประกอบไปด้วย Flagship Store แฟชั่นแบรนด์ดังระดับโลก
ตามโรดแมปการพัฒนาย่าน EM DISTRICT นอกจาก ดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอเทียร์แล้ว ยังมีอีกหนึ่งอีกหนึ่งในไฮไลท์ที่สำคัญคือ ศูนย์การค้า “เอ็มสเฟียร์” (EMSPHERE) มูลค่าการลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ จะสร้างปรากฏการณ์ความเร้าใจใหม่ในย่านใจกลางสุขุมวิทอีกครั้ง เพื่อเติมเต็มความเป็นย่านธุรกิจการค้าของใจกลางสุขุมวิทให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
เมื่อผสานทั้ง 3 โครงการคือ ดิ เอ็มโพเรียม ที่วางตำแหน่งเป็น “Luxury Institute” หรือ “ความเป็นที่สุดแห่งความหรูหรา” และ ดิ เอ็มควอเทียร์ ที่วางตำแหน่งเป็น “Cutting Edge Luxury & Hybrid” หรือ “ความลักซ์ชัวรี่ที่เหนือระดับ มีความเป็นเอกลักษณ์ของไลฟ์สไตล์” และล่าสุดกับเอ็มสเฟียร์ เป็น “Future Retail ที่จะสร้างความเร้าใจให้กับกรุงเทพฯ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล” (Sleepless Metropolis) เข้าด้วยกัน ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของสังคมและเศรษฐกิจบริเวณใจกลางถนนสุขุมวิท กลายเป็นย่านการค้าที่มีความสำคัญของกรุงเทพมหานครและประเทศไทย เป็นคอมมูนิตี้ที่มีอัตลักษณ์ในการใช้ชีวิตที่มีเสน่ห์แตกต่างจากคอมมูนิตี้ย่านอื่นๆ
“ด้วยวิสัยทัศน์ และเป้าหมายในการยกระดับประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนและของโลก ประกอบกับยุทธศาสตร์ในการปักหมุดย่านการค้าสำคัญ และวางเป้าหมายในการพัฒนาย่านการค้า ไม่ใช่เพียงพัฒนาโครงการศูนย์การค้า สอดรับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยภาพรวม เช่นเดียวกับเมืองที่เป็นย่านการค้าสำคัญในโลก
“ในวันนี้ เรามีความพร้อมในการพัฒนาย่านการค้าใจกลางสุขุมวิท ให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ด้วยการเปิดตัว เอ็มสเฟียร์” จะเป็นความเร้าใจใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหลับใหล (Sleepless Metropolis) สร้าง Art District ที่ รวบรวมศิลปะแห่งการใช้ชีวิตในทุกไลฟ์สไตล์มาไว้ในที่เดียว (Art of Dining, Art of Fashion, Art of Creative) รวมถึงเป็น Entertainment Hub of Aseanและจะสร้างปรากฏการณ์ Bangkok Calling The World พร้อมด้วยอภิมหาปรากฏการณ์เฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 1 ธันวาคม นี้ ด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ฉลองร่วมกันทั้ง EM DISTRICT” คุณศุภลักษณ์ ขยายความเพิ่มเติมถึงความพร้อมในการเปิดให้บริการ เอ็มสเฟียร์
ปรากฏการณ์พิเศษ “เอ็มสเฟียร์” ผสานแนวคิด “Sleepless Metropolis – Entertainment Hub of Asia”
เมื่อเจาะลึกการพัฒนา “ดิ เอ็มสเฟียร์” (THE EMSPHERE) สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “Sleepless Metropolis” หรือ “เมืองที่ไม่เคยหลับใหล” สร้างประสบการณ์ความเร้าใจใหม่ของกรุงเทพฯ ให้กับลูกค้าทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ ป็นศูนย์กลางการ Hang out & Socialize บนทำเลที่ดีที่สุดของถนนสุขุมวิท รวบรวมเทรนด์และไลฟ์สไตล์กว่า 300 ร้านค้ามากกว่า 1,000 แบรนด์ มาไว้บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร กับ 2 อาคารที่เชื่อมต่อกัน
- ร้านอาหารชื่อดังระดับโลก ร้านดังทั้งกรุงเทพฯ และโซเชียลมีเดีย มาเปิดให้บริการในศูนย์การค้า (First Time in Shopping Complex) โดยมีบางร้านอาหารปิดดึกหลังเที่ยงคืน อาทิ SHAKE SHACK ร้านเบอร์เกอร์ดังจากอเมริกากับ คอนเซ็ปต์ใหม่บนถนนสุขุมวิท
- ครั้งแรกในเมืองไทย กับ Bread Street Kitchen & Bar ร้านอาหารบรรยากาศหรูหราสไตล์ All-Day Dining ที่เสิร์ฟเมนูสุดคลาสสิกของเชฟมิชลินชื่อดังระดับโลก อย่าง Gordon Ramsay, Street Pizza ร้านพิซซ่าแป้งซาวโดวจ์อันเป็นเอกลักษณ์โด่งดังไปทั่วโลก, OH MY GODMOTHER คาเฟ่และเบเกอรี่แห่งใหม่จากไอเบอรี่ กรุ๊ป ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่, NAIXUE ชานมไข่มุกหมื่นล้านจากจีนที่สายชาพลาดไม่ได้
- ครั้งแรกในศูนย์การค้ากับ INTARO ร้านไอศกรีม Gelato สัญชาติญี่ปุ่น ที่เป็นที่นิยมด้วนรสชาติความร่อยที่หลากหลาย, โรงกลั่นเนื้อ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อชื่อดังจากถนนทรงวาดที่เด่นในเรื่องของการพิธีพิถันในการปรุง มอบประสบการร์พิเศษที่แตกต่างจากที่อื่น, ZAO ร้านอาหารอีสานชื่อที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากอุบลราชธานี พร้อมเมนูพิเศษ เฉพาะสาขานี้ที่หาทานที่ไหนไม่ได้
- Fashion Destination แห่งใหม่ใจกลางเมือง ด้วยแบรนด์แฟชั่นชั้นนำกว่า 40 แบรนด์ กับคอนเซ็ปต์พิเศษที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย เช่น
– United Colors of Benetton แบรนด์ดังจากอิตาลีกับคอนเซ็ปต์ใหม่ที่โดดเด่นด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน และ ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
– UNITED ARROWS แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่ตอบโจทย์สไตล์มินิมอลอันร่วมสมัย
– CLUB21 LAB ที่มาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบของ Multi-Label Store รวบรวมทั้งสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์หลากหลายแบรนด์ดัง อาทิ Fear of God ESSENTIALS, TEAM WANG design, ANDERSSON BELL, REST& RECREATION, และ AECA
– นอกจากนี้ยังมีแบรนด์จากไทยดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก อาทิ VINN PATARARIN และ PIPATCHARA ที่จะดึงดูดกลุ่ม New Generation เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับโซนแฟชั่นได้อย่างลงตัว
- IKEA คอนเซ็ปต์ใหม่ “City-Centre Store” หรือ “สโตร์ใจกลางเมือง” ครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร
- UOB LIVE การผนึกกำลังระหว่างเดอะมอลล์ กรุ๊ป – AEG – UOB สร้าง World-class Arena ศูนย์กลางการจัดงานแห่งใหม่ที่ครบครันและล้ำสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ความจุ 6,000 ที่นั่ง รองรับการจัดคอนเสิร์ต กิจกรรมระดับโลก สนับสนุนแนวคิดการสร้างศูนย์กลางเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในระดับภูมิภาคอาเซียน (Hub of Entertainment)
- สถานที่โชว์เคสของสุดยอดนวัตกรรมยนตรกรรมที่เป็น Innovation ระดับโลก อาทิ Rolls-Royce, BMW รวมถึงความสมบูรณ์แบบของโชว์รูมยนตรกรรมชั้นนำอีกมากมาย อาทิ แลนด์โรเวอร์ (Landrover), ปอร์เช่ (Porsche), วอลโว่ (Volvo), ฮุนได (Hyundai), AION แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายเป็นอันดับ 3 ในประเทศจีน
- พื้นที่ Hang Out ใหม่กับศูนย์รวมความบันเทิงมากมาย อาทิ Sky Beach Club ดื่มด่ำบรรยากาศกรุงเทพฯ ที่ลูกค้าเข้ามาสนุก และ Hang-out ท่ามกลางวิวมุมสูงของเมือง ตอบโจทย์ Night Life ของกรุงเทพที่ไม่เคยหลับใหล และส่งเสริมงาน Art ของศิลปินไทยและดีไซเนอร์ไทย ทั้งภาพวาดตามผนัง-เพดาน และจุดต่างๆ ทั่วศูนย์การค้า ตลอดจนกิจกรรมเกี่ยวกับงานอาร์ต เพื่อผลักดันให้ EM DISTRICT เป็น “The Art District” ของกรุงเทพฯ
- นอกจากนี้ได้ติดตั้งจอ LED 3D ขนาดใหญ่ ทั้งโครงการดิ เอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ และ เอ็มสเฟียร์ เป็นการผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ และปรากฏการณ์ใหม่ของ Out of Home Ads ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ผ่านไปมาในย่านนี้
- ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา อุทยานเบจญสิริ สวนสาธารณะใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท พร้อมสร้างส่วนต่อขยาย Sky Walk ตกแต่งด้วยต้นไม้สองข้างทางเดิน เพื่อเชื่อมต่อ EM DISTRICT ทั้ง 3 โครงการเข้าด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ และความร่มรื่น เพื่อทำให้บรรยากาศใจกลางสุขุมวิท เต็มไปด้วยต้นไม้และธรรมชาติให้ผู้คนได้ผ่อนคลาย
- เฉลิมฉลองการเปิด เอ็มสเฟียร์ อภิมหาปรากฏการณ์เฉลิมฉลองทั้ง EM DISTRICT อย่างยิ่งใหญ่อย่างไม่รู้จบตลอดเดือนธันวาคมและต่อเนื่องถึงมกราคม 2024 ทั้งในส่วนของ เอ็มสเฟียร์ ดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ ด้วยพาเหรดดารา และศิลปินชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 100 ชีวิต นำโดยใหม่ ดาวิกา, ไบร์ท วชิรวิชญ์, วิน เมธวิน, บิวกิ้น พุฒิพงศ์, พีพี กฤษฏ์, ซี -นุนิว, ออฟ-กัน,นนกุล Pixxie, Trinity, จูเน่ เพลินพิชญา และอีกมากมาย พร้อมจัดโปรโมชันพิเศษร่วมเฉลิมฉลองตลอด 2 เดือนเต็ม ผนึกกำลังกับ 100 พันธมิตร มอบของรางวัลมูลค่ารวม 100 ล้านบาท กว่า 1,000 รางวัล ครอบคลุมทุกภาคส่วนธุรกิจ ตั้งแต่วันที่ 1ธันวาคม 2566 – 31 มกราคม 2567
3 เหตุผล “เอ็มสเฟียร์” สร้างปรากฏการณ์ Calling The World
เชื่อว่าการเกิดขึ้นของ “เอ็มสเฟียร์” ไม่ได้เป็นเพียงการเปิดตัวโครงการศูนย์การค้าใหม่ทั่วไป หากแต่เป็นการสร้างปรากฏการณ์ “Calling The World” หรือ ที่นี่ปรากฏการณ์ใหม่ที่โลกเรียกหา ที่จะดึงดูดผู้คนทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมา นั่นเพราะ
- ด้วยคอนเซ็ปต์ เอ็มสเฟียร์ ศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่ไม่เคยหลับใหล (Sleepless Metropolis) และองค์ประกอบภายในที่คัดสรรและรวบรวมมานำเสนอและสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น Dining, Shopping, Art และ Entertainment จะทำให้ที่นี่ไม่ใช่แค่เป็นสถานที่ให้ลูกค้ามาช้อปเท่านั้น แต่จะเป็นจุดดึงดูดทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวทุกคนได้มากิน มาเที่ยว มาเปรี้ยว มามันส์!
- สร้างมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยด้วยการไปสู่เป้าหมาย “Entertainment Hub of Asean” แม้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หรือ Sea Sand Sun ไม่ว่าจะเป็นทะเล น้ำตก ภูเขา ยังคงเป็นเสน่ห์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ดึงคนจากทั่วโลก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องสร้าง value added ที่นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตด้านรายได้ของการท่องเที่ยวไทยมากขึ้น ซึ่ง “Art & Entertainment” แขนงหนึ่งของ Creative Economy หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย เพราะเป็นแม่เหล็กดึงผู้คนได้มหาศาล อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริม และกระจายรายได้ไปยังภาคส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น
ดังนั้นการเกิดขึ้นของ เอ็มสเฟียร์ จะมีส่วนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ไปสู่การเป็น “Entertainment Hub of Asean” และช่วยรักษาตำแหน่งของกรุงเทพฯ เมืองอันดับ 1 ขอโลกที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมามากที่สุด
- พลัง Synergy “EM DISTRICT” ยกระดับย่านใจกลางสุขุมวิท สู่การเป็น World-class Destination เพราะการเกิดขึ้นของ เอ็มสเฟียร์ ได้เติมเต็มความสมบูรณ์แบบของ EM DISTRICT และทำให้ใจกลางสุขุมวิทเป็นย่านที่มีความครบวงจรยิ่งขึ้น ทั้งเป็นย่านการค้าการลงทุน – อาหารการกิน – การท่องเที่ยว และความบันเทิง ตลอด 24 ชั่วโมง กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ทำให้ทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์มาใช้ชีวิต พักผ่อน ช้อปปิ้ง เปิดรับเทรนด์ใหม่ และความบันเทิงต่างๆ ในย่านนี้ได้
“เดอะมอลล์ กรุ๊ป มี mission ไม่ใช่แค่สำหรับองค์กร แต่เป็น mission ที่เราทำให้กับประเทศชาติ เพราะฉะนั้นเมื่อรีเทลดี จะทำให้การลงทุนเข้ามา เอาคนมาเที่ยว มาใช้จ่าย เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนที่ไทย และดึงนักท่องเที่ยวมาประเทศไทยให้ได้ นี่คือ mission ใหญ่ของเรา” คุณศุภลักษณ์ สรุปทิ้งท้าย
และวันนี้ “เอ็มสเฟียร์” จะเป็นอีกหนึ่งสปอตไลท์ในการสร้างปรากฏการณ์ Calling The World ที่นี่ปรากฏการณ์ใหม่ที่โลกเรียกหา โดยล่าสุด เอ็มสเฟียร์ สามารถคว้ารางวัล จากงานประกาศรางวัลสุดยอดอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ที่เป็นงานประกาศรางวัลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จัดขึ้นอย่างยาวนานที่สุดของภูมิภาค โดยพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป บริษัทเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งศูนย์การค้า EMSPHERE สามารถคว้ารางวัล 2 รางวัลเกียรติยศ ได้แก่ รางวัล THE BEST RETAIL DEVELOPMENT ด้วยความโดดเด่นของโครงการในด้านแนวคิดการพัฒนาโครงการและการออกแบบที่มีลักษณะพิเศษ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในรูปแบบของ INDUSTRIAL STYLE ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคอุตสาหกรรม สร้างความยั่งยืนในอนาคต และรางวัล THE BEST RETAIL DEVELOPER ผู้พัฒนาโครงการค้าปลีกยอดเยี่ยม จากแนวคิดในการพัฒนาย่านการค้าเพื่อยกระดับกรุงเทพมหานคร ให้เป็นมหานครชั้นนำของโลก ซึ่งถือเป็นธุรกิจศูนย์การค้าแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลจากงานนี้ และถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของเอ็มสเฟียร์ที่สามารถได้รับรางวัลก่อนการเปิดให้บริการศูนย์การค้าในวันที่ 1 ธันวาคม 2566
บรรยายใต้ภาพ: การก่อสร้างดิ เอ็มสเฟียร์ ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อให้ตรงตามคอนเซ็ปต์Sleepless Metropolis, Art of Dining, Art of Fashion, Art of Creative และความเป็น Entertainment Hub of Asia บนใจกลางสุขุมวิท