Frasers Property เดินกลยุทธ์ 3P สู่การเป็นผู้ให้บริการ Real Estate as a Service

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เป็นเวลาหลายปีที่ธุรกิจอสังหาฯ รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แม้สถานการณ์จะเริ่มกลับเข้าสู่ปกติ แต่ก็เกิดสถานการณ์ใหม่ๆ ที่เรียกว่าท้าทายตลาดอสังหาฯ อย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างภาวะเงินเฟ้อ ธุรกิจอสังหาฯ จึงต้องมีการปรับตัวโดยเฉพาะการครอบคลุมการให้บริการแบบครบวงคจร รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเสริมการให้บริการได้อย่างมืออาชีพอีกด้วย

เหมือนอย่าง เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ที่เตรียมกลยุทธ์ 3P สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2566 โดยมีเป้าหมายสู่การเป็น Real Estate as a Service โดยเตรียมแผนสร้างความแตกต่างมากกว่าการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย เพื่อสอดรับเทรนด์และความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทั้งในปัจจุบันและอนาคต

 

นำเทคโนโลยีเสริมการให้บริการ

ด้าน คุณธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ชี้ว่า ภายใต้การดำเนินงานของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ นอกจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดแล้ว ยังต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับทุกคน โดยเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เตรียมแผนสู่การเป็น Real Estate as a Service ซึ่งหมายถึงการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยต่อยอดด้านนวัตกรรมการบริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน

โดยมีการผนึกกำลังด้านเทคโนโลยีและองค์ความรู้สมัยใหม่จากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ทั้งกลุ่ม Residence, Industrial และ Commercial โดยในด้านเทคโนโลยีการบริการ จะมีการส่งเสริมด้านความปลอดภัยอัจฉริยะผ่านระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) ในการเข้า-ออกพื้นที่ ระบบอำนวยความสะดวกในการควบคุมยานยนต์เข้า-ออกพื้นที่ ตลอดจนติดตามการจราจรและระดับมลภาวะภายในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

สร้างประสบการณ์ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจ

ที่สำคัญ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ยังพร้อมเป็นผู้นำด้านอาคารยั่งยืนที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานระดับสากล สำหรับในกลุ่ม Residence ได้เริ่มการให้บริการผ่านแอปฯ Home+ ซึ่งอำนวยความสะดวกทั้งในด้านการขายและบริการ รวมถึงมอบบริการเสริมต่างๆ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรเพื่อดูแลลูกบ้านให้ดียิ่งขึ้น สอดรับกับไลฟ์สไตล์และความต้องการในการอยู่อาศัย พร้อมส่งมอบนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ภายในบ้านซึ่งช่วยยกระดับการใช้ชีวิต

และเพื่อรองรับรูปแบบการใช้งานของคนสมัยใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง จึงได้เดินหน้านำนวัตกรรมการบริการในธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า (Commercial) ภายใต้แนวคิด Core & Flex ที่มีทั้งพื้นที่สำนักงานแบบมาตรฐาน และแบบยืดหยุ่น มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน โดยคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง แบ่งเป็นประเภทการบริการหรือระยะเวลาที่ต้องใช้งาน

อีกทั้งยังเตรียมผลักดันการให้บริการ Co-Warehousing ในกลุ่ม Industrial เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องใช้บริการรายครั้ง (Pay-Per-Use) หรือต้องการจัดเก็บสินค้าภายในคลังสินค้าตามจำนวนพาเลท (Pay-Per-Pallet) รวมถึงตอบสนองความต้องการใช้พื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีที่เป็นของส่วนกลางโดยจ่ายค่าบริการตามจำนวนการใช้งานจริง

 

กลยุทธ์ 3P ดูแลคน ดูแลโลก

เพื่อให้สามารถก้าวสู่การเป็น Real Estate as a Service ภายในปี 2025 จึงได้มีการกำหนดกลยุทธ์แผนการดำเนินงานภายใต้ 3P ได้แก่

People หรือการมุ่งดูแลพนักงานซึ่งเป็นหัวใจหลักในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร ควบคู่กับการสนับสนุนให้ทุกคนในองค์กรมีเส้นทางการเติบโตในอาชีพอย่างชัดเจน รวมถึงพร้อมดูแลด้านสวัสดิการที่เท่าเทียมและสอดรับกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เพื่อสร้างทีมงานที่เข้มแข็ง พร้อมด้วยความรู้ ความสามารถ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการเดินหน้าธุรกิจทั้งในปัจจุบันและการเติบโตในอนาคต โดยเป้าหมายสูงสุดของกลยุทธ์นี้ คือ การเป็นบริษัทที่ Employer of Choice

Planet หรือการดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นและคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance: ESG) และมุ่งสร้างความยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ ในทุกด้าน โดยปัจจุบันเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้เป็นบริษัทด้านอสังหาฯ ของไทยรายแรกที่ได้รับจัดอันดับมาตรฐานในระดับ A ด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนของบริษัทในหมวดหมู่ Southeast Asia Diversified Business ตามมาตรฐานของ GRESB (Global Real Estate Sustainability Benchmark) ซึ่งเป็นดัชนีด้านความยั่งยืนของภาคอสังหาริมทรัพย์

พร้อมเดินหน้าสู่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 6 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ 6 แสนต้นในปี 2025 เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050

 

ส่งมอบบริการตอกย้ำภาพลักษณ์

Purpose หรือการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพจาก เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า โดยเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นที่จดจำและเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านการดำเนินงานของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ โดยตั้งเป้าติดอันดับ Top 5 ของแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ของไทยภายในปี 2025

โดยในกลุ่ม Residence หรือที่อยู่อาศัย จะมีการพัฒนาบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม รวมทั้งสิ้น 10 แบรนด์ ซึ่งปีนี้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้จะเน้นขยายพอร์ตโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury และระดับ Super Luxury ราคา 60-120 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อและยังมีความต้องการที่อยู่อาศัย โดยไม่มีสถานการณ์ใดมากระทบ นำทัพด้วย 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ The Royal Residence (เดอะ โรยัล เรสซิเดนซ์), Alpina (อัลพีน่า) และ The GRAND (เดอะ แกรนด์)

นอกจากนี้ยังมีแผนบุกตลาดคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ราคา 3-5 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial) มีการเตรียมทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์และความชำนาญ พร้อมพื้นที่ภายใต้บริหารจัดการกว่า 3.4 ล้านตร.ม. ทั้งในประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม และเตรียมส่งมอบพื้นที่ให้ลูกค้าอีกกว่า 150,000 ตร.ม. ขณะที่ยังมีเมกะโปรเจกต์เมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บนพื้นที่ 4,600 ไร่ในจังหวัดสมุทรปราการ

และกลุ่ม Commercial ด้วยโครงการมิกซ์ยูสใจกลางเมืองอย่าง สามย่านมิตรทาวน์และสีลมเอจ, ธุรกิจโรงแรม และอาคารสำนักงานเกรดเอที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ย่าน CBD ด้วยการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยมส่งผลให้มีผู้เช่าและผู้ใช้บริการจำนวนมาก สามารถรักษาอัตราการเช่าเฉลี่ยของทั้งพอร์ตโฟลิโอสูงกว่า 90%

งานนี้ต้องจับตาดูการเติบโตของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โดยเฉพาะในกลุ่ม Industrial ที่เรียกว่าปีนี้เป็นปีของกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งในเรื่องของโครงการ EEC ที่กลับมาเป็นที่พูดถึงกันอีกครั้ง หรือพื้นที่ตามแนวโครงการรถไฟความเร็วสูงที่แว่วว่าจะกลับมาเจรจากับจีนอีกครั้ง ทำให้ในปีนี้พื้นที่ต่างๆ น่าจะมีการปรับราคาใหม่เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา