MD Sony มั่นใจในแบรนด์

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

logo_sony_2ไทสุเกะ นากานิชิ กรรมการผู้จัดการ Sony Thai ยังคงเชื่อมั่นในแนวทางการทำตลาดของแบรนด์โซนี่ตลอดระยะกว่า 20 ปีที่ผ่านมาว่า เป็นแนวทางที่ถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวเช่นนี้ ผู้บริโภคจะยิ่งให้ความสำคัญต่อแบรนด์ เพราะมีความระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย การตัดสินใจซื้อจึงใช้เวลาคิดมากขึ้น ดังนั้นสินค้าที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง มีคุณภาพจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ลูกค้ามองหาก่อน และทุกครั้งที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ โซนี่ก็จะใช้หลักนี้มาบริหารและสามารถอยู่รอดในทุกวิกฤติที่เกิดขึ้น

แม้ว่าที่ผ่านแบรนด์ญี่ปุ่นจะเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับเกาหลีไปค่อนข้างมาก แต่ผู้บริหารโซนี่กลับมองว่า คอนซูเมอร์ก็เป็นแบบนี้แหละ มีความแตกต่างกันในแต่ละเซกเม้นท์ ซึ่งหากมองในกลุ่มที่เล่นสงครามราคา ก็จะเป็นลูกค้าอีกระดับ แต่สำหรับโซนี่ไม่ได้เน้นในกลุ่มนี้มากนัก แต่จะใช้วิธีสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมกับยกตัวอย่างในสินค้า กล้องดิจิทัล ที่มีลูกเล่นและเทคโนโลยีมากมายในราคาที่ไม่สูงนัก ทำให้ลูกค้าคนไทยตอบรับกับสินค้านี้ค่อนข้างดี แต่สิ่งที่ต้องดำเนินต่อไปคือ กาหาสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นจุดที่โซนี่พยายามทำมาตลอด

ท่ามกลางวิกฤติแบบนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในองค์กรของโซนี่ก็คือ change หมายถึงความพยายามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้องค์กรดีขึ้น โดยไม่เน้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงองค์กร แต่เน้นในรูปแบบการทำงานมากกว่า เพราะจะทำให้ทุกคนมีความพร้อม และตื่นตัวที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจดี ทุกคนจะไม่รู้สึกกระตือรือร้นในการทำงาน แต่โอกาสนี้เป็นโอกาสที่ทุกคนต้องพัฒนาตัวเอง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ยอมรับการแข่งขันในไทยสุดหิน

ผู้บริหารยอมรับว่า ตั้งแต่เข้ามาบริหารที่ โซนี่ ไทย การแข่งขันในเมืองไทยมีความรุนแรงที่สุด จากที่เคยบริหารงานมา 6 ประเทศ มองว่า แต่ก็เชื่อว่า หากแบรนด์ไหนประสบความสำเร็จในเมืองไทย การไปบุกตลาดในประเทศอื่นก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะเมืองไทยเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งโซนี่มีฐานที่สำคัญและได้เปรียบในเรื่องของ brand image ที่นับว่าสูงมาก ดังนั้นจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีต่อไป

งบการตลาด

นายนากานิชิ กล่าวว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวขนาดไหน บริษัทจะไม่ลดงบในการทำตลาด โดยปีนี้จะใช้เท่ากับปีที่ผ่านมาคือ 1,200 ล้านบาท แต่ก็ยอมรับว่าเมื่อจบปีงบประมาณเดือนมีนาคมนี้ (เม.ย.51-มี.ค.52) รายได้ไม่โตตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วยตัวเลขสองหลัก สำหรับปีนี้คาดว่าจะทรงตัว แต่ก็จะพยายามทำให้รายได้ยังเติบโต ด้วยการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ 
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการประเมินกันว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้กลุ่มที่จะตกต่ำมากที่สุดคือกลุ่มเอวี ซึ่งโซนี่มีสินค้ากลุ่มนี้เป็นหลักในการทำตลาด แต่ผู้บริหารกลับมองว่า จะไม่เช่นนั้นเพราะแนวโน้มความต้องการโดยรวม ทั้ง แอลซีดี ทีวี กล้องดิจิทัล แคมคอร์ดเดอร์ และโน้ตบุ๊คยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE