ถนนบางนา–ตราด โซนกรุงเทพฯ ตะวันออก ถือเป็นทำเลที่ได้ชื่อว่า Hot & Sexy สุดๆ เพราะมีอัตราการเติบโตสูง ทั้งเรื่องจำนวนศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น ที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบ อาคาร-สำนักงาน รวมถึงระบบขนส่งรถไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนที่อาศัยอยู่โซนนี้ ทำให้โซนบางนากลายเป็นสนามการแข่งขันที่น่าสนใจในหลายธุรกิจ
ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกที่มีการแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน เหมือนกับที่ “เมกาบางนา” เป็นศูนย์การค้ารายแรกที่ปักธงในโซนกรุงเทพฯ ตะวันออกมาแล้วถึง 6 ปี วันนี้เราได้พูดคุยกับ คุณสิรินฉัตร แสงศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดศูนย์การค้าเมกาบางนาเพื่อหาคำตอบว่าอะไรที่ทำให้เมกาบางนาเป็นศูนย์การค้าสำหรับทุกคนในครอบครัว และแข็งแกร่งท่ามกลางสมรภูมิค้าปลีกที่ดุเดือดในทุกวันนี้
ค้าปลีกยังแข่งกันดุเดือดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือขยายตัวออกนอก CBD
คุณสิรินฉัตร เล่าถึงภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกตอนนี้ว่า ที่ผ่านมาก็แข่งขันกันสูงตลอด เนื่องด้วยในบ้านเรามี Shopping Center หลายแห่ง ทว่า วันนี้การแข่งขันไม่ได้กระจุกอยู่ในตัวเมืองอีกต่อไป มีการขยายตัวไปยังนอก CBD รวมถึงในต่างจังหวัด เช่น โซนบางนา เมื่อก่อนใครๆ ก็มองว่าไกล แต่เดี๋ยวนี้การขยายตัวของเมืองเริ่มกระจายออกรอบนอก คนเริ่มออกมาอยู่อาศัย ทำงานและใช้ชีวิตนอกเมืองมากขึ้น ทำให้โซนนี้ที่เคยถูกมองว่าไกล ในปัจจุบันมันถูกย่นระยะเข้ามาใกล้ขึ้น จึงมีพร้อมทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เข้ามารองรับและตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในแถบตะวันออกของกรุงเทพฯ หลายศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่มีอยู่ก็พยายามจะรองรับความต้องการของลูกค้าและตอบโจทย์ให้ครบทุกด้าน เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการ Renovate ให้ทันสมัยขึ้น หรือในอนาคตอันใกล้ก็มีหลายแห่งที่วางแผนทยอยมาเปิดใหม่ โดยเรามองว่าเป็นข้อดีที่มีผู้เล่นหลายรายเล็งเห็นการเติบโตของโซนนี้ และเข้ามาเติมเต็มและสร้างความเป็น Destination ของโซนกรุงเทพฯ ตะวันออกให้ชัดเจนขึ้น เสริมพื้นที่ให้เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง และเป็น Tourist Destination อีกแห่งของกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติดเข้าไปถึงในเมือง เรามองว่าเป็นเรื่องดีที่จะมีเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น และทุกคนต่างก็เข้ามาช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กันและกันทำให้โซนตะวันออกของกรุงเทพฯ คึกคักและเป็น Destination ของการมา Shopping อย่างแท้จริง
กลยุทธ์การเป็นศูนย์การค้าสำหรับครอบครัว
ในย่างก้าวสู่ปีที่ 6 เมกาบางนาไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองสู่การเป็นสถานที่ที่สร้าง Experience ให้ลูกค้า ที่เป็นมากกว่าแหล่งช้อปปิ้ง ทานอาหาร แต่ครบด้วยทุกองค์ประกอบของการใช้ชีวิต หนึ่งในจุดแข็งของเมกาบางนาคือ การเป็นพื้นที่ของครอบครัว เน้นการใช้ชีวิตและเวลาอย่างมีคุณภาพ และเติมเต็มความสุขให้กับลูกค้า โดยเป้าหมายหลักในอนาคต คือการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นศูนย์กลางของคอมมูนิตี้ เป็นเมืองขนาดย่อม ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟไสตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ภายใต้ชื่อโครงการ “เมกาซิตี้” โดยมีเมกาบางนาเป็นศูนย์กลางชุมชนที่ทันสมัย และเป็นเมืองที่คนสามารถทำงานและพักอาศัย รวมทั้งช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ทำกิจกรรมสันทนาการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย และใช้เวลากับครอบครัวอย่างคุ้มค่า โดยเราจะแบ่งการพัฒนาออกเป็นหลายเฟส ซึ่งในที่สุดแล้ว โครงการเมกาซิตี้จะเป็นศูนย์รวมแห่งประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย และสวนพักผ่อน บนพื้นที่ 400 ไร่ เราจะสามารถรองรับผู้ใช้บริการได้มากกว่า 250,000 คนต่อวัน ตามรูปแบบการพัฒนาแบบยั่งยืนในระดับเมือง
ซึ่งในปีนี้ เราจะเห็นความคืบหน้าของโครงการที่เริ่มผุดขึ้นมากมาย อาทิ The Marvel Experience Thailand แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ตามมาด้วยโรงเรียนประถมศึกษานานาชาติดิษยะศริน กรุงเทพ ในเครือ The American School of Bangkok ที่จะเปิดภาคเรียนแรกในเดือนสิงหาคมนี้, อีกทั้งเราเตรียมจะสร้าง Mega Park พื้นที่สีเขียวขนาด 7 ไร่ ซึ่งจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะมานั่งเล่น พักผ่อน ทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ รวมถึงพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นได้ และจะมีเครื่องเล่นต่างๆ ให้กับเด็กๆและทุกคนครอบครัวได้มาใช้เวลาดีดีร่วมกัน ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวปลายปีนี้ และยังมีMega HarborLand ที่เป็น Indoor Family Entertainment Complex ที่ใหญ่ที่สุดในกท. ซึ่งเตรียมจะเปิดในปี 2562 เช่นกัน
อีคอมเมิร์ซจะเข้ามาทำให้ธุรกิจรีเทลตายหรือไม่?
คนส่วนใหญ่มักบอกว่าธุรกิจออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซจะเข้ามา Disrupt ธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเรามองว่าออนไลน์เป็นตัวช่วยสำคัญในการส่งเสริมการขาย เราเชื่อว่าประสบการณ์ และขั้นตอนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจำนวนมากต้องเห็น สัมผัส หรือลองสินค้าจริงก่อนซื้อ ดังนั้น ศูนย์การค้าจึงเป็นสถานที่ที่ทำให้เกิดประสบการณ์ตรง จะบอกว่าจริงๆ แล้ว
“รีเทลยังไม่ตาย แต่รีเทลที่น่าเบื่อต่างหากที่จะตาย” ด้วยเหตุนี้ทำให้เมกาบางนาเดินหน้าจัดกิจกรรมและอีเวนท์
อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแปลกใหม่ และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เราอยากให้ลูกค้ารู้สึกว่ามาที่นี่แล้ว เขาได้เจอแต่สิ่งใหม่ๆ และประสบการณ์ดีดีเอากลับไป
Event Marketing กลยุทธ์หลักของเมกาบางนา
เมื่อไม่ต้องการเป็นศูนย์การค้าที่น่าเบื่อ เมกาบางนาจึงจัดอีเวนท์เกือบทุกเดือน ทุ่มงบการตลาดเพิ่มอีก 20% จากปีที่ผ่านมา ที่สำคัญทุกอีเวนท์ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้า และสนับสนุนยอดขายของร้านค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ประสบความสำเร็จในทุกครั้ง อาทิ เดือนมกราคม กับงานวันเด็ก “เมกา คิดส์เวิลด์ 2018”, เดือนเมษายน งานสงกรานต์ “เมกา สงกรานต์: ม่วนขนาด สาดสนุก…สุขสุดใจ ปี๋ใหม่เมือง”, เดือนสิงหาคมกับ Signature Event ช่วงวันแม่ในงาน “Mega Food Fun Fin”, ต้อนรับวันฮาโลวีนในเดือนตุลาคมด้วยงาน “มหกรรมเล่นกับผีที่เมกาบางนา”, สำหรับสายดูแลสุขภาพ ในเดือนพฤศจิกายน กับงาน “Mega Sport Arena” และส่งท้ายปีด้วย End-Year Sale และ Mega Countdown ที่ติด Top 10 ของสถานที่เค้าท์ดาวน์ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีคนสนใจมาร่วมงานกว่า 350,000 คน
ช้อปมันส์ ช้อปฟรี กับ 10 ดาราดัง Mega shopaholic : Money Catch Up จัดทุกครั้ง “ปัง” ทุกปี
มาถึงช่วงกลางปี เป็นช่วงที่ไม่มีเทศกาลเฉลิมฉลองที่สำคัญ เป็นช่วงที่ศูนย์ต้องกระตุ้นอารมณ์หรือความต้องการจับจ่ายของผู้บริโภค แน่นอนว่าทุกคนต้องรอ Mid-Year Sale ที่เมกาบางนาจึงกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคผ่านแคมเปญการตลาด 2 ส่วนใหญ่ คือ แคมเปญโปรโมชั่น คือ “Mega Shopping Instinct” ร่วมกับพันธมิตร คือ บัตรเครดิตซิตี้ เอาใจนักช้อปด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 80% จากร้านค้าภายในศูนย์การค้า และกิจกรรมการตลาด คือ “เมกา ช้อปอะฮอลิค ตอน มันนี่ แคช อัพ” (Mega Shopaholic: Money Catch Up) ที่ Signature Event จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ตอกย้ำแนวคิดของเมกาบางนา ที่มุ่งมั่นสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับลูกค้าในทุกครั้งที่มาใช้บริการ ประสบความสำเร็จสูงสุดในทุกครั้ง จัดกี่ครั้ง “ปัง” ทุกครั้ง ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้า และสนับสนุนยอดขายของร้านค้าได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากผู้บริโภคต้องการประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เมกาบางนาจึงสร้าง Engagement กับผู้บริโภค ด้วยการได้ใกล้ชิดกับดาราที่ชื่นชอบ ในปีนี้จึงเปิดตัว 10 ดาราสุดฮอตเป็นแรงดึงดูดให้แคมเปญน่าสนใจขึ้น อาทิ บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุ, ดีเจนุ้ย, รัศมีแข, โอ๊ต ปราโมทย์, ตู่ ภพธร และ ว่าน ธนกฤต เป็นต้น โดยลูกค้าผู้โชคดีจะได้จับคู่กับดารา ทำกิจกรรมและช้อปฟรีไปด้วยกัน เพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท อาทิ กิจกรรม Money Catch Up: ภารกิจคว้าเงินช้อป ท้าทายความไวด้วยการคว้าเงินในตู้ลม สูงสุดถึงรอบละ 50,000 บาท และ กิจกรรม Black Friday: วิ่งช้อป… คว้าแชมป์ พิสูจน์ความสามัคคีของนักช้อปกับนักแสดงด้วยการผูกขาช้อปปิ้งด้วยกัน ที่ทั้งลุ้นและฮา กับการพิชิตภารกิจช้อปภายใต้เวลาที่กำหนด
ในปีที่ผ่านมา คุณสิรินฉัตร เผยว่า มีผู้ส่งคูปองร่วมสนุกกว่า 1 แสนใบ ปีนี้จึงตั้งเป้าไว้ที่ 150,000 -200,000 ใบ และคาดว่าจะเพิ่ม Traffic ให้เมกาบางนาได้ 5-10% จากฐานลูกค้าที่มาเมกาบางนาเฉลี่ย 3,500,000 คนต่อเดือน
อะไรที่ลูกค้าต้องการจะลงมือทำทันที
หากมองตั้งแต่ปีแรกจนถึงวันนี้ จะเห็นว่าเมกาบางนามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่สิ่งที่เราคำนึงถึงตลอดคือ Journey ของลูกค้า ตั้งแต่เรื่องการเดินทาง ไปจนถึงการคัดสรรร้านค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกคนในครอบครัว ทำให้เมกาบางนามีลูกค้าที่เป็น Loyalty เหนียวแน่นจำนวนมาก นอกจากนี้ คุณสิรินฉัตร กล่าวเสริมว่า เมกาบางนาให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของช่วงเวลาแห่งความสุข (Quality Time) เราต้องมั่นใจว่าทุกครั้งที่ลูกมาเมกาบางนาต้องได้รับประสบการณ์ดีกลับไป ไม่ว่าจะมาเพื่อช้อปปิ้ง ผ่อนคลาย หรือทำกิจกรรมต่างๆและได้รับการดูแลอย่างดีจากพนักงานทุกคน
ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเมกาบางนาในการสร้างความยั่งยืนด้วยตัวเองบนพื้นที่กว่า 400 ไร่ เพื่อยกระดับศูนย์การค้าเมกาบางนาให้เป็นศูนย์กลางของโครงการเมกาซิตี้ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นศูนย์การค้าสำหรับทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง