ไม่เปลี่ยนไม่ได้แล้ว ‘SC’ ประกาศ Transform สู่ Living Solutions Provider สู้ศึกยุค 4.0 และดันรายได้ทะลุ 6 หมื่นล้านในปี 63

  • 316
  •  
  •  
  •  
  •  

ก่อนหน้านี้เราได้เห็นดีเวลลอปเปอร์หลายรายประกาศ Transform ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุค 4.0 ล่าสุดถึงคิว บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กับการพลิกโฉมจาก Developer สู่ Living Solutions Provider ภายใต้ยุทธศาสตร์ ‘SC RE-INVENTION 2020’ ซึ่งเป็นโรดแมพ 3 ปี (พ.ศ.2561-2563) ที่ตอบโจทย์ใหญ่ทางธุรกิจนับจากนี้ นั่นคือ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและผลักดันรายได้รวมให้มากกว่า 60,000 ล้านบาทในปี 2563

“วันนี้โลกหมุนในจังหวะใหม่ในบริบทที่ไม่เหมือนเดิม มีดิจิทัลเข้ามา disrupt เหมือนหลายธุรกิจที่โดนมา เราอยู่ในธุรกิจอสังหาฯ ยังพอมีเวลาปรับและเปลี่ยนให้ทัน แต่ก็ไม่นานนัก เราถึงต้องรีบเปลี่ยน เพื่อให้เราเดินต่อได้และโตแบบยั่งยืน” ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เล่าถึงความท้าทายในการทำธุรกิจยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่มาของการประกาศโรดแมพในครั้งนี้

ชู 4 กลยุทธ์เพิ่มจังหวะรุกยุค 4.0

 

IMG_2831_resize

สำหรับการปรับให้ทันกับจังหวะและบริบทของโลกยุคใหม่  ‘SC RE-INVENTION 2020’  ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ทางเอสซี จะเดินต่อเนื่องไป 3 ปี ตั้งแต่ปี 2561 ไปจนถึงปี 2563 ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1. Re-Invention การเปลี่ยนแนวคิดและวิธีปฏิบัติจากDeveloper ที่นำเสนอโปรดักท์และบริการ สู่ Living Solutions Provider ที่จะนำเสนอแพลตฟอร์มและโซลูชั่น ซึ่งการเปลี่ยนดังกล่าวจะทำผ่าน 3D ประกอบด้วย DIGITIZE การปรับเปลี่ยนระบบการทำงานจาก analog เป็น digital เพื่อจะได้นำดาต้าทั้งในส่วนการทำงานแล ะinsights ของลูกค้า มาวิเคราะห์และพัฒนาไปใช้ประโยชน์ให้ดียิ่งขึ้น

ถัดมา คือ Design การออกแบบสินค้า บริการ และโซลูชั่น ที่เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจปัญหาในการใช้ชีวิตของลูกค้า ส่วน D สุดท้าย Develop การผสมผสานเทคโนโลยี นวัตกรรม และการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

2. Co-Creation โดยจากนี้ทางเอสซีจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ในระบบ ecosystem เพื่อพัฒนาและนำเสนอ Living solutions สำหรับสร้างและยกระดับคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยที่ดีให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น Health Tech , Home Solution และ การประหยัดพลังงาน ฯลฯ อย่างเช่น แอพพลิเคชั่น Rue Jai ที่พัฒนาขึ้นมาให้ตอบโจทย์ดังกล่าว และแอพพลิเคชั่นตัวนี้จะถูกทยอยนำไปใช้ในทุกโครงการของเอสซี

3. Quality first การให้ความสำคัญกับคุณภาพทั้งสินค้าและบริการ โดยเรื่องนี้จะดำเนินการใน 2 ส่วน คือ ก่อนส่งมอบบ้าน และบริการหลังการขาย โดยก่อนส่งมอบบ้านนั้น ได้มีการนำระบบและเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้อย่างเข้มข้น อาทิ การนำ BIM เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาสำหรับการออกแบบบ้าน ออกแบบอาคาร ด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมกระบวนการต่างๆ ให้สอดคล้องและถูกต้องมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีนี้จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการทั้งหมดของเอสซี ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การก่อสร้าง ไปถึงการตกแต่ง เพื่อควบคุมคุณภาพ ลดความผิดพลาดและลดต้นทุน

ส่วนบริการหลังการขาย คือ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้สร้างความพึงพอใจที่สุดสำหรับลูกค้า อย่างเช่น แอพพลิเคชั่น Rue Jai , Home service ที่ทางเอสซี ได้ร่วมมือกับ Fixzy สตาร์อัพที่พัฒนาเรื่องนี้มาเป็นผู้ให้บริการ ฯลฯ

capture-20180207-190516

4. Top-Line Growth การสร้างการเติบโตในส่วน top-line ทั้งยอดขายและรายได้ ด้วยการขยายโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง โดยแนวราบ จะเน้นรักษาฐานผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 8 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท  กับทาวน์โฮม 2-3 ล้านบาท

ขณะที่แนวสูง ทางเอสซี และ SCOPE บริษัทที่ทางเอสซีถือหุ้นอยู่ 90% จะช่วยกันขยายฐานในตลาดนี้ ซึ่งภายใน 3 ปี มีแผนพัฒนาโครงการใหม่รวมกันกว่า 10 โครงการ

ตั้งเป้า 3 ปีรายได้รวมทะลุ 6 หมื่นล้าน

“การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงของเราครั้งนี้ เชื่อว่า จะทำให้เราเติบโตยั่งยืนปีละ 20% ทุกปี และจะทำให้รายได้รวมใน 3 ปีที่เดินตามโรดแมพมากกว่า 60,000 ล้านบาทในปี 2563 หลัก ๆ จะมาจากบ้านหรูราคาเกิน 20 ล้านบาทที่เราเป็นเบอร์หนึ่งอยู่ รองลงมา มาจากการรุกตลาดบ้านเดี่ยวแนวราบราคา 2-5 ล้านบาท และคอนโดลักชัวรี่มากขึ้นด้วย”

capture-20180207-190258

สำหรับแผนธุรกิจปี 2561 ตั้งเป้ายอดขายและรายได้ไว้ที่ 17,000 ล้านบาทเท่ากัน โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 19 โครงการ มูลค่ารวม 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท และแนวสูง 2 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท รวมถึงมีงบสำหรับซื้อที่ดินเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท

โดยโครงการไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ โครงการย่านบางกระดี บนพื้นที่ 200 ไร่ และโครงการย่านกรุงเทพกรีฑา บนพื้นที่ 115 ไร่ ที่จะถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด Living Solutions Provider ในรูปแบบ Township ที่จะมีหลายโครงการในที่เดียวกัน

ส่วนที่ดินบริเวณหลังสวนประมาณเกือบ 2 ไร่ ที่ทางเอสซีชนะการประมูลด้วยการเสนอราคาสูงสุดที่ 2,800 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตารางวาละกว่า 3 ล้านบาทนั้น ทางณัฐพงศ์ บอกว่า จะพัฒนาเป็นโครงคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ โดยให้ทาง SCOPE เป็นผู้รับผิดชอบ แต่ไม่ยอมเปิดเผยถึงคอนเซปต์และราคาที่จะขาย

แม้การประกาศโรดแมพ เพื่อ Transform ของ เอสซี ที่พลิกบทบาทเป็นมากกว่าผู้พัฒนาอสังหาฯที่นำเสนอโปรดักท์และบริการ สู่การเป็น Living Solutions Provider ที่นำเสนอแพลตฟอร์มและโซลูชั่น จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ หรือเหนือความคาดหมาย

แต่ถือเป็นการตอกย้ำว่า การทำธุรกิจในยุค 4.0 การปรับและเปลี่ยนองค์กร โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญเพื่อให้ทันโลกและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนทิศทางการแข่งขันต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร และจะมีอะไรเข้ามาพลิกโฉมธุรกิจอสังหาฯอีก เป็นเรื่องน่าจับตามองไม่น้อย

Copyright© MarketingOops.com


  • 316
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE