e-Commerce ธุรกิจที่นับวันจะมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งต้องยอมรับว่าเป็นเพราะอานิสงส์ของสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา ทำให้หลายคนได้ลองใช้และหลายคนใช้มากขึ้นจนกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ส่งผลให้ธุรกิจ e-Commerce ต้องพัฒนาระบบโดยเน้นที่ความรวดเร็วในการจัดส่ง ความถูกต้องสินค้าและความปลอดภัยในกระบวนการตั้งแต่การจัดเก็บ บรรจุจนถึงการจัดส่ง
Shopee แพลตฟอร์ม e-Commerce รายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน เดินหน้าพัฒนาระบบโลจิสติกส์ (Logistics) เตรียมความพร้อมสนับสนุนแบรนด์ธุรกิจและผู้ขาย (Seller) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งการเติบโตของ e-Commerce ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องการการจัดส่งที่รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีความปลอดภัยเมื่อซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
นายอีริค บุย หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ ช้อปปี้ ประเทศไทย ชี้ว่า ระบบโลจิสติกส์ที่มีคุณภาพและเชื่อถือคือส่วนสำคัญของการส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดี ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจร้านค้าออนไลน์ต่างๆ จึงจำเป็นต้องมีการจัดส่งสินค้าให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่งอยู่เสมอ ด้วย ecosystem ที่ครอบคลุมและพร้อมจะช่วยส่งเสริมธุรกิจให้แข็งแกร่งและครอบคลุม
นอกจากนี้ยังช่วยให้แบรนด์ธุรกิจและผู้ขาย (Seller) สามารถสมัครใช้บริการ ecosystem ที่เป็นบริการทางด้านโลจิสติกส์ที่ครบกระบวนการตั้งแต่การเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้า การบรรจุสินค้า (Packing) และระบบกระจายสินค้าไปถึงมือผู้บริโภค ช่วยให้แบรนด์ธุรกิจและผู้ขายสามารถสร้างแรงจูงใจลูกค้าได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น และสร้างการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
สำหรับคลังสินค้า (Warehouse) ในประเทศไทยถือเป็นคลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมด้วยระบบ Warehouse Management System (WMS) เพื่อรวบรวมข้อมูลและนำข้อมูลมาใช้ในการมอบคำแนะนำให้แก่ทีมงานผู้เชี่ยวชาญในคลังสินค้าเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานในการเลือกสินค้าและจัดส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ระบบ WMS ยังใช้ข้อมูลเพื่อคาดคะเนความต้องการของผู้ซื้อล่วงหน้าก่อนที่จะถึงช่วงที่ความต้องการจะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้แบรนด์ธุรกิจและผู้ขายสามารถจัดสรรสินค้าในคลังสินค้าและส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วเข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึง พร้อมประสานงานกับระบบขนส่งอย่าง ‘Shopee Xpress’ เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างความยืดหยุ่นในการมอบบริการการจัดส่งสินค้าได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้แบรนด์ธุรกิจและผู้ขายสามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ โดยเฉพาะในช่วงที่มียอดการสั่งซื้อสูงสุด
ทั้งนี้ผู้ให้บริการด้านการจัดส่งที่เป็นพันธมิตรกับ Shopee สามารถเชื่อมโยงระบบทั้งกับแพลตฟอร์ม Shopee และคลังสินค้า ช่วยให้แบรนด์ธุรกิจและผู้ขายสามารถบริหารและดูแลการจัดส่งสินค้าได้อย่างง่ายดาย การสร้าง ecosystem ที่ครบวงจร จึงเป็นการส่งเสริมให้แบรนด์ธุรกิจและผู้ขายสามารถสร้างการเติบโตในช่องทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างยั่งยืน
โดยแบรนด์ธุรกิจและผู้ขายในทั่วทั้งภูมิภาคที่ใช้บริการคลังสินค้า คาดว่าจะสามารถจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้นและจัดส่งสินค้าได้เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้แบรนด์ธุรกิจและผู้ขายสามารถจัดส่งสินค้าได้มากขึ้นในช่วงที่มียอดการสั่งซื้อสูง โดยเฉพาะ 5 หมวดหมู่สินค้าที่มีการใช้บริการคลังสินค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหมวดหมู่สินค้าแม่และเด็ก (Mom&Kids), หมวดหมู่ความงามและของใช้ส่วนตัว (Beauty&Personal), หมวดหมู่เครื่องใช้ในบ้านและตกแต่งบ้าน (Home&Living), หมวดหมู่อาหารและเครื่องดื่ม (Food&Beverage) และหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Health&Wellness)
ช่วงปลายปีถือเป็นช่วงที่มีความต้องการด้านการจับจ่ายสูงที่สุด เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการช้อปปิ้งและยังเป็นช่วงที่แพลตฟอร์ม e-Commerce จัดโปรแรงส่งท้ายปี ระบบ ecosystem ของ Shopee จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการช่วยให้ส่งมอบสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มขีดความสามารถธุรกิจให้ผู้ซื้อ ผู้ขายและแบรนด์ธุรกิจสามารถเข้าถึง e-Commerce ได้อย่างเต็มศักยภาพ
