Singapore Crawfish นวัตกรรมระดับโลกสู่โซลูชันสร้างรายได้ทางเลือกเกษตรกรไทย สร้างความยั่งยืนทางรายได้และระบบนิเวศ

  • 1.6K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

นอกจากประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายแล้ว เรื่องอาหารเป็นอีกสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และหนึ่งในอาหารที่คนทั่วโลกนิยมอย่างมากคือ “กุ้ง” โดยเฉพาะกุ้ง Crawfish ที่กำลังได้รับความนิยม ทำให้มีการส่งเสริมการเลี้ยงกุ้ง Crawfish เป็นจำนวนมาก นั่นจึงทำให้ Singapore Crawfish สนใจที่จะพัฒนาการเลี้ยงกุ้ง Crawfish เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกร และพัฒนาคุณภาพของกุ้ง Crawfish ให้ได้มาตรฐานสากล

 

ทำความรู้จัก Singapore Crawfish

สำหรับ Singapore Crawfish คือผู้บุกเบิกด้านโซลูชั่นการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 ที่ประเทศสิงค์โปร์ ปัจจุบัน Singapore Crawfish เป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรได้สูง และดำเนินธุรกิจตามรูปแบบแฟรนไชส์ ที่มุ่งเน้นไปที่ปัญหาหลักที่เกษตรกรต้องเผชิญ โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืนและความสามารถทำกำไรเพียงพอแก่การเลี้ยงชีพ ซึ่งเกษตรกรของไทยกำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ โดย Singapore Crawfish เป็นหนึ่งทางเลือกในการช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้น พร้อมทั้งดูแลสิ่งแวดล้อมผ่านการเพาะเลี้ยงกุ้ง Crawfish อย่างยั่งยืน

 

 

การเพาะเลี้ยงกุ้ง Crawfish ที่มีความยั่งยืน นอกจากจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับเกษตรกรแล้ว ยังช่วยอนุรักษ์ระบบนิเวศและการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น ลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ช่วยให้เกิดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและสุขภาพของแหล่งน้ำในบริเวณพื้นที่เลี้ยงกุ้งโดยรอบได้ รวมถึงยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น ทั้งการสร้างงานและรายได้ให้กับชุมชน รองรับความต้องการกุ้ง Crawfish ในทั้งระดับท้องถิ่นและระดับโลก

รวมทั้งยังรองรับปัญหาประชากรที่เพิ่มขึ้นของโลกและความต้องการอาหาร ซึ่งการเลี้ยงกุ้ง Crawfish โดยเกษตรกร ยังช่วยลดการจับสัตว์น้ำตามธรรมชาติเป็นหนึ่งในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ด้วยระบบการเลี้ยงกุ้ง Crawfish ที่เหมาะสมจะช่วยรักษาคุณภาพน้ำที่ดีก่อให้เกิดผลดีกับระบบนิเวศในน้ำ

 

4 เหตุผลทำไมต้องเลือก Singapore Crawfish

ในปี พ.ศ.2567 Singapore Crawfish ได้เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปลงทุนในแฟรนไชส์กุ้ง Crawfish เจ้าแรกในประเทศไทย ซึ่งแฟรนไชส์ต่อๆ ไปจะอยู่ภายใต้บริษัทแฟรนไชส์แห่งแรกนี้ สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ Singapore Crawfish กลายเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ประกอบไปด้วยจุดเด่นสำคัญ 4 ด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

 

 

  • เทคนิคการปลูกพืชเชิงผสมผสาน ด้วยรูปแบบการเพาะเลี้ยงกุ้ง Crawfish และปลาของ Singapore Crawfish คือการเลี้ยงผสมผสานเข้ากับนาข้าวแบบดั้งเดิมได้อย่างราบรื่น เกษตรกรที่ใช้เทคนิคนี้จะสามารถเพิ่มรายได้ได้ถึง 400% และลดใช้ปั๊มและอุปกรณ์ด้านการเติมอากาศในบ่อปลา ด้วยเทคนิคดังกล่าว Singapore Crawfish พร้อมรับซื้อกุ้ง Crawfish กลับคืน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการหาตลาดอีกต่อไป
  • ระบบการคลอดอัตโนมัติ (Auto Birthing System – ABS) ด้วยระบบแบบใหม่นี้จะช่วยผลิตกุ้ง Crawfish รุ่นใหม่ได้ โดยช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดพื้นที่และง่ายต่อการบํารุงรักษา ระบบ ABS ถือเป็นเทคโนโลยีที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร สามารถช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของกุ้ง Crawfish ได้
  • ระบบน้ำหมุนเวียนในตู้คอนเทนเนอร์ (Container Recirculating Aquaculture System – CRAS) เป็นนวัตกรรม “Plug and Play” ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหมุนเวียนแบบดั้งเดิม (RAS) โดย CRAS ไม่เพียงแต่ลดภาระค่าใช้จ่ายที่สูง ลดอุปสรรคทางการเคลื่อนย้าย แต่ยังสามารถใช้งานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง
  • แนวคิด WeWork โดยแนวคิดดังกล่าวเปิดตัวในปี 2565 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้าถึงอุตสาหกรรมโดยใช้พื้นที่ร่วมกัน ช่วยลดการใช้ที่ดินอย่างสิ้นเปลืองและเพิ่มการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเวลาเดียวกัน

 

 

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสร้างโรงฟักไข่กุ้ง Crawfish ที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดในประเทศไทย โดยขนาดของโรงเพาะฟักจะอยู่ที่ 10,000 ตารางเมตร หรือ 1 เฮกตาร์ และมีพื้นที่สำหรับเติบโตอยู่ที่ 1 ล้านตารางเมตรหรือ 100 เฮกตาร์

 

ตลาดกุ้งน้ำจืดทั่วโลกเติบโต

กุ้งน้ำจืดเป็นหนึ่งในวัตถุดิบอาหารที่ทั่วโลกมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดโอกาสทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรเพื่อเข้าสู่ตลาดกุ้งน้ำจืด ซึ่งจากข้อมูลของ Technavio คาดการณ์ว่าตลาดกุ้งน้ำจืดทั่วโลกจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 6.48% ตั้งแต่ปี 2565-2570 และคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าของตลาดได้ประมาณ 2,272.09 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ ประชากรในภูมิภาคเอเชียกำลังประสบกับความไม่มั่นคงด้านอาหารในระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยในปี 2564 มีผู้คนกว่า 1.05 พันล้านคนในเอเชียแปซิฟิกต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหาร ซึ่งสูงกว่าปี 2557 ที่มีปัญหาด้านอาหารเพียง 343.5 ล้านคนหรือเกือบ 50% หรือคิดเป็นประชากรราว 796.8 ล้านคน ที่ต้องต่อสู้กับสภาวะไม่มั่นคงทางอาหารนี้

แม้ประเทศไทยจะได้ชื่อเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่กลับพบอุปสรรคของเกษตรกรไทยคือความยากจน โดยเกือบ 40% ของเกษตรกรมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน ส่งผลให้มีรายได้เฉลี่ย 32,000 บาท นอกจากนี้พื้นที่การทำเกษตรมีอยู่อย่างจำกัด โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14.3 ไร่ รวมถึงแนวทางการทำฟาร์มเชิงเดี่ยวแบบดั้งเดิม เป็นข้อจำกัดศักยภาพในการสร้างรายได้

 

ทำไมต้องเลี้ยงกุ้ง Crawfish

หลายคนอาจสงสัยทำไมต้องเป็นกุ้ง Crawfish ทั้งที่มีกุ้งอีกจำนวนมากที่สามารถนำไปทำอาหารและสามารถหาได้จากแหล่งธรรมชาติ นั่นเพราะกุ้ง Crawfish มีข้อเด่นที่ทำให้ตลาดเกิดความต้องการสูง นอกเหนือจากที่จะได้รับฉายาว่าเป็น กุ้งมังกรน้ำจืด ไม่ว่าจะเป็น

 

 

– โปรตีนสูง ราคาไม่แพง จุดเด่นที่สำคัญของกุ้ง Crawfish คือราคาไม่แพง อีกทั้งยังมีโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็น ส่งผลให้กุ้ง Crawfish เป็นแหล่งโปรตีนที่มีความคุ้มค่า

การสร้างงานและความมั่นคงทางอาหาร นอกจากนี้เรื่องของประโยชน์ทางตรงจากกุ้ง Crawfish แล้ว การทำฟาร์มกุ้ง Crawfish ยังช่วยสร้างโอกาสจ้างงานในชุมชนที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำจืด และสามารถยกระดับความมั่นคงทางอาหารให้เพิ่มขึ้น

การปฏิวัติสู่การเลี้ยงหลายสายพันธุ์ อีกหนึ่งจุดเด่นของกุ้ง Crawfish คือสามารถเลี้ยงร่วมกับปลาไปพร้อมๆ กับการทำนา ก่อให้เกิดระบบนิเวศทางชีวภาพ โดยกุ้ง Crawfish จะช่วยควบคุมสัตว์รบกวนแบบธรรมชาติ ช่วยลดการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ทำให้น้ำสะอาดปลาสามารถอยู่ได้

การลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ กุ้ง Crawfish ยังช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยการประหยัดพลังงานผ่านการทำฟาร์มแบบผสมผสาน ลดการพึ่งพาสารเคมี รูปแบบการทำฟาร์มที่ยั่งยืนยังสอดรับกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมกับการรับประกันถึงความมั่นคงทางอาหาร

คาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อยู่ที่ประมาณ 12%-18% ต่อปี และภายใน 3-5 ปี Singapore Crawfish จะเข้าจดทะเบียนบริษัทในตลาด Nasdaq ของสหรัฐฯ โดยมี PE ขั้นต่ำ 20

 

สร้างพันธมิตรแก้ปัญหาเกษตรกร

Singapore Crawfish ยังได้รับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับรัฐบาลและเกษตรกรท้องถิ่นในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และกัมพูชา รวมถึงเตรียมสร้างความร่วมมือกับรัฐบาลไทยเพื่อนำนวัตกรรมด้านการเกษตรยุคใหม่เข้ามาช่วยส่งเสริมเกษตรกรไทย เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพิ่มขีดความสามารถของเกษตรกรไทย ในด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบยั่งยืน

นอกจากนี้นักลงทุนที่สนใจสามารถร่วมลงทุนกับ Singapore Crawfish เพื่อรับผลประโยชน์จากผลกำไรในระดับภูมิภาค โดยสามารถลงทุนเริ่มต้นในจำนวนเงิน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการสร้างโรงเพาะเลี้ยงหรือลงทุนใน Singapore Carwfish ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ถอดรหัส Singapore Crawfish

 

แม้ว่าแนวคิดการทำเกษตรแบบผสมผสานจะไม่ใชเรื่องใหม่ของคนไทย แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ Singapore Crawfish กำลังดำเนินการจะสามารถช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทย ผ่านการใช้นวัตกรรมที่ช่วยให้ผลผลิตกุ้ง Crawfish เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งหมายถึงรายได้เกษตรกรไทยที่จะเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้นด้วยแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแลดล้อมช่วยให้ผลผลิตมีความปลอดภัย

ผสานกับแนวคิดการทำเกษตรแบบผสมผสาน ส่งผลให้สามารถเลี้ยงกุ้ง Crawfish ไปพร้อมๆ กับการปลูกข้าวและเลี้ยงปลาในนา ช่วยให้เกษตรกรสามารถยังคงรายได้เดิมจากการปลูกข้าว และเสริมรายได้จากกุ้ง Crawfish ที่ตลาดมีความต้องการสูง และยังสามารถนำปลาที่เลี้ยงร่วมกับกุ้งไปขายเพื่อเสริมรายได้ด้วย ช่วยให้เกษตรกรสามารถมีรายได้จากหลายทาง

ยิ่งไปกว่านั้น Singapore Crawfish ยังมีการรับซื้อกุ้งคืนเมื่อโตเต็มวัย ช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องกังวลเรื่องการหาตลาด นอกจากนี้การเลี้ยงกุ้ง Crawfish ยังช่วยลดการจับกุ้งตามธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางธรรมชาติได้อีกด้วย ที่สำคัญนักลงทุนที่สนใจลงทุนทำฟาร์มเลี้ยงกุ้ง Crawfish ก็สามารถเลี้ยงได้โดยที่มีตลาดพร้อมรองรับ เป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ


  • 1.6K
  •  
  •  
  •  
  •