หลังการเข้ามาของโลกดิจิทัล ส่งผลให้หลายธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และเล็กต่างได้รับผลกระทบจนต้องรับมือการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่ห้างค้าปลีกที่ใช้ราคามาเป็นตัวนำ ก็ยังได้รับผลกระทบจากโลกดิจิทัล ส่งผลให้ห้างค้าปลีกต้องขยับตัวเพื่อรับกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ เทสโก้ โลตัส ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของไทย จึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจใหม่ โดยเน้นไปที่ 3 เรื่องใหญ่ๆ ประกอบไปด้วย ความสะดวกสบาย (Convenience) ความคุ้มค่าและประสบการณ์(Value, Experience) และความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งทั้ง 3 เรื่องจะเชื่อมโยงถึงกับในเรื่องอาหารสด ซึ่งถือเป็นจุดที่ท้าทาย เนื่องจากสินค้าอาหารสดยังไม่มีการขายในรูปแบบออนไลน์มากนัก
ใกล้บ้านไม่ใช่ความสะดวกอีกต่อไป
ออนไลน์ ควบคู่กับ ออฟไลน์
สำหรับในเรื่องความสะดวกสบาย (Convenience)ทางโลตัสยอมรับว่า พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปจากเดิมที่ห้างอยู่ใกล้บ้านสามารถเดินไปซื้อได้ใช้เวลาไม่นาน ถือเป็นความสะดวกสบายในการช้อปปิ้ง แต่ปัจจุบันหลายคนมองความสะดวกสบายคือการช้อปปิ้งได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านระบบออนไลน์ นั่นทำให้โลตัสเตรียมกลยุทธ์ด้านความสะดวกสบาย ด้วยการปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นการช้อปปิ้งแบบ O2O หรือ Omni Channel
ซึ่งโลตัสจะใช้รูปแบบการขายออนไลน์กับสินค้าอาหารสดผ่านแอปพลิเคชั่น Lotusโดยโลตัสพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของโลตัสนิยมช้อปปิ้งในรูปแบบ Cross Format ทั้งห้างโลตัส โลตัสตลาดและ โลตัสเอ็กซ์เพรส สินค้าอาหารสดจะช่วยให้เชื่อมต่อรูปแบบ Omni Channel ลูกค้าสามารถมาดู จับและสัมผัสสินค้าได้ ก่อนตันสินใจซื้อหรือกลับไปซื้อบนระบบออนไลน์ นอกจากนี้โลตัสยังมีบริการส่งสินค้าถึงบ้าน หรือลูกค้าสามารถมารับสินค้าได้ที่ห้างเช่นเดียวัน ปัจจุบันสามารถซื้อสินค้าอาหารสดผ่านออนไลน์ได้ใน 4 พื้นที่ทั้ง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ตและพัทยา เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความมั่นใจการสั่งสินค้าอาหารสดผ่านทางออนไลน์
พร้อมกันนี้ยังเตรียมนำระบบ Club Card, e-Stampและ e-Coupon เข้าไปไว่ในแอปพลิเคชั่นด้วย โดยในปีที่ผ่านมาโลตัสขยายสาขารวมทั้งสิ้น 67 สาขา แบ่งเป็นห้างโลตัส (Hyper Market)13 สาขา โลตัสตลาด 1 สาขา และโลตัสเอ็กซ์เพรสอีก 53 สาขา ขณะที่ปีนี้มีแผนขยายพื้นที่ขายอีก 600,000 ตารางฟุตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 40%
คงคอนเซ็ปความคุ้มค่าเรื่องราคา
พร้อมเสริมประสบการณ์ช้อปสุดหรู
ขณะที่ในส่วนของความคุ้มค่าและประสบการณ์(Value, Experience) โลตัสจะยังคงเดินหน้าโปรแกรมRoll Back ให้ครอบคลุมตลอดทั้งปี ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้ความคุ้มค่าในการซื้อสินค้าที่มีคุณภาพในราคาประหยัด รวมไปถึงการพัฒนาสินค้าการเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อให้สามารถได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ นอกจากนี้โลตัสยังได้ปรับโฉมใหม่ที่สาขาสุขุมวิท 50ที่เรียกว่า Premium Fresh Food ในกลุ่มสินค้าอาหารสด เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งสไตล์พรีเมี่ยม และมีการเพิ่มรูปแบบใหม่นี้ในอีก 6 สาขา ปีนี้โลตัสยังมีแผนปรับปรุงให้เป็นรูปแบบใหม่นี้อีก 15 สาขา
เพื่อโลก เพื่อเกษตรกรไทย
กับโครงการเพื่อสังคม
ส่วนความยั่งยืน (Sustainability) โลตัสจะยังเน้นการทำงานเพื่อสังคม โดยเฉพาะกับกลุ่มเกษตรกรซึ่งโลตัสจะรับซื้อสินค้าเกษตรทั้งพื้ชผักและเนื้อสัตว์โดยตรงจากเกษตรกรกว่า 2 แสนตันหรือเพิ่มขึ้น 30% และยังเตรียมซื้อผลไม้อีกกว่า 7,000 ตันหรือเพิ่มขึ้น 50% พร้อมทั้งยังเตรียมเข้าไปให้ความรู้ในเรื่องของการบริหารจัดการ เพื่อให้เกษตรกรรับทราบถึงความต้องการของลูกค้าและความต้องการของห้าง รวมไปถึงโครงการเพื่อสังคมทางด้านอาหาร
โดยเฉพาะการบริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมด ยังไม่เสียแต่ยังมีคุณภาพดีภายใต้โครงการ“กินได้ ไม่ทิ้งกัน” ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจากขยะอาหารแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้มีอาหารคุณภาพดีรับประทาน