Kasper Rorsted ซีอีโอ Adidas ระบุว่าผู้บริโภคจะบังคับให้อุตสาหกรรมแฟชั่น สร้างความยั่งยืนมากขึ้น และส่วนหนึ่งก็เพราะมาจากการตรวจสอบของผู้บริโภคผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะเป็นการบังคับให้อุตสาหกรรมแฟชั่นรับผิดชอบต่อการทำธุรกิจ
“ผมคิดว่าการตรวจสอบซีอีโอบริษัทใหญ่ หรือองค์กรต่างๆ นั้น มันสำคัญมากขึ้นทุกวันในปัจจุบัน เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะโซเชียลมีเดียกําลังนําความโปร่งใส รวมไปถึงข่าวสารต่างๆ หลั่งไหลมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” Rorsted กล่าวและว่า “มันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ขับเคลื่อนความรับผิดชอบ และขับเคลื่อนความโปร่งใส” และการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ จะบังคับให้อุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งผลิต 8-10% ของการเกิดคาร์บอนทั่วโลก ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และทำให้กลายเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
“นี่มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่ผลกระทบจากพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อมกำลังสร้างมลพิษไปทั่วโลก และในฐานะที่เราเป็นองค์กรที่ยืนหยัดเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เราต้องทำให้แน่ใจว่าปัญหานี้จะต้องได้รับการแก้ไข” Rorsted กล่าว และว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับทุกองค์กรที่จะสร้างนวัตกรรมและค้นหาโซลูชั่นที่จะจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่การทำลายอนาคต
สำหรับ Adidas ได้ก้าวไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนหลายต่อหลายโปรดักส์แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำ พลาสติกในมหาสมุทรมาทำเป็นรองเท้าสนีกเกอร์ มากไปกว่านั้นยังปฏิญาณว่าจะทําให้ผลิตภัณฑ์ 9 ใน 10 ชิ้น สร้างความยั่งยืนภายในปี 2025 นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ
Adidias ร่วมมือกับ Allbirds (แบรนด์รองเท้ารักษ์โลกชื่อดัง) เพื่อสร้างรองเท้าที่มีคาร์บอนฟุตพรินท์ระดับต่ำ ซึ่งนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสําหรับ Adidas ทั้งนี้ Allbirds ใช้วัสดุที่ดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น ขนแกะเมอริโน ขวดรีไซเคิลและกระดาษแข็ง รวมไปรองเท้าที่ทำจากน้ำมันละหุ่ง เป็นต้น
Rorsted ยังกล่าวชื่นชม Allbirds ว่า พวกเขาทำได้ดีมากในการนำองค์ประกอบมาสร้างเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรม ซึ่งเราสามารถนำองค์ความรู้เหล่านั้นมาร่วมกันได้จากความเชี่ยวชาญของเราและของเขา ซึ่งแน่นอนว่าความสำเร็จในการสร้างความยั่งยืนนั้นสำคัญกว่าการแข่งขันในธุรกิจ
ปลายฤดูร้อนนี้ Adidas จะปล่อยรองเท้า Stan Smith รุ่นคลาสสิก โดยใช้หนังที่ได้มาจากไมซีเลียม ซึ่งเป็นโครงสร้างรากเส้นใยของเห็ด ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภค
Rorsted ยังกล่าวด้วยว่า เราได้ทําการสํารวจเมื่อเร็วๆ นี้ว่า 70% ของผู้บริโภคของเราต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ที่สร้างความยั่งยืน ดังนั้น ผมคิดว่าในอนาคตผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้จะมีความต้องการมากขึ้นอย่างแน่นอน
Source: CNBC
