ธุรกิจท่องเที่ยวแย่ไม่พอ น้ำแร่เอเวียงก็โดนผลกระทบไปด้วย เนื่องจากปกติเจาะกลุ่มลูกค้าท่องเที่ยวต่างประเทศ รายได้สิ้นปีนี้โตเพียง 10% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี!! ทำให้ปีหน้าต้องเบนเข็มขยายฐานลูกค้าคนไทยเพิ่มแทน พร้อมกันนี้ เอเวียงยังเตรียมออสเปย์รุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน “evian by Jean Paul Gaultier” ดึงดีไซเนอร์ระดับโลกล่อใจนักสะสม ปีหน้าตั้งเป้าโต 15-20%
แผนการตลาดในปีหน้านี้บริษัทจะขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 60% และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศ จาก 50% เหลือ 40% ทั้งนี้ เพื่อรองรับปัจจัยลบในปีหน้านี้ ซึ่งบริษัทกังวลว่านักท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของน้ำแร่เอเวียงจะลดลง โดยบริษัทจะขยายฐานลูกค้าคนไทยในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานอายุ 20-39 ปี ที่ใส่ใจสุขภาพและไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย
ทั้งนี้ บริษัทเน้นการทำ Below the line สัดส่วน 70% และ Above the line 30% เพื่อสร้างการรับรู้โดยตรงแก่กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะในแง่คุณค่าของน้ำแร่เอเวียงที่แตกต่างกันน้ำแร่อื่นๆ ทำให้สินค้ามีราคาสูง 5-6 เท่า เมื่อเทียบกับน้ำแร่ภายในประเทศ ซึ่งบริษัทจะชูจุดขายในแง่ของไลฟ์สไตล์ควบคู่กับฟังก์ชันนัลของน้ำแร่ พร้อมกันนี้ ยังได้เตรียมทำตลาดสเปย์น้ำแร่เอเวียงเชิงรุกในปีหน้านี้ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงเป็นตัวเลขสองหลัก โดยเฉพาะกลุ่มเมคอัพที่นิยมใช้ก่อนการแต่งหน้า
สำหรับตลาดน้ำแร่มูลค่า 2,000 ล้านบาท จากตลาดรวมน้ำดื่มมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันเอเวียงเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งมากกว่า 50% ในตลาดน้ำแร่นำเข้า ซึ่งมีมูลค่า 1 ใน 4 ของตลาดน้ำแร่ สำหรับผลประกอบการปีเติบโต 10% ก็น่าจะเป็นที่น่าพอใจแล้ว เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 15-20% โดยปีนี้นับว่าเป็นการเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 5 ปี สำหรับปีหน้านี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 15-20% แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดด้วย