หลังมีกระแส ‘ฟ้าผ่าที่ GMM25’ จนมีข่าวลือว่าเป็นการปลด ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริษัทสื่อธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มีเดีย ซึ่งรับหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ GMM25 และ Atime ล่าสุด ได้มีการแถลงเปิดใจอย่างเป็นทางการ ภายหลังการบวงสรวงละครเรื่องเงา และล่าทรชน ที่ตึกแกรมมี่
ฉอด-สายทิพย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ออกมาว่า ยืนยันว่ายังอยู่ แต่หลังจากที่เป็นข่าวสิ่งที่ได้เลยก็คือกำลังใจ และก็เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนอยากชวนไปร่วมงานด้วยเยอะมาก มีคนบอกว่าอ้าวจะไปจากตึกนี้แล้วเหรอ มีคนเสนองานเข้ามาเยอะมาก ก็ขอบคุณด้วยมากวันหลังจะไปรับใช้
ส่วนเรื่องตำแหน่งมีลดเพิ่มอย่างไรนั้น ฉอด-สายทิพย์ ตอบว่า เรามีการปรับโครงสร้างเพราะมีกลุ่มของอินเวสเตอร์ผู้ถือหุ้นเข้ามาด้วย ก็เลยมีการคุยกันในเรื่องปรับโครงสร้างต่างๆ และส่วนตัวเองหลังๆ ก็มีการใช้เวลาเยอะมากกับงานโอเปอร์เรชั่น คือต้องทำงานบริหารช่อง จนแทบจะเรียกได้ว่างานบริหารช่องเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลาเยอะ ใช้พลังเยอะมาก ในขณะเดียวกันเราตระหนักว่าความสำคัญที่สุดของธุรกิจบันเทิงในวันนี้คือเรื่องของคอนเทนต์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ในขณะที่ช่องก็ดีหรือแพล็ทฟอร์มต่างๆ ก็ดี มันมีมากมาย ความสำคัญที่สุดมันอยู่ที่การทำคอนเทนต์แล้วก็ไปสู่แพล็ทฟอร์มต่างๆ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ว่าไปอยู่ช่องใดช่องหนึ่งเท่านั้น
“เพราะฉะนั้นวันนี้บทบาทหน้าที่ของพี่นั้นคือการพัฒนาคอนเทนต์ ซึ่ง ไม่อยากให้ไปคิดเรื่องของตำแหน่งอะไรไปก่อนเลย เพราะตำแหน่งมันเป็นเรื่องหัวโขน แต่ภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบจริงๆ คือเรื่องการบริหารจัดการคอนเทนต์ ในการสร้างคอนเทนต์ดีๆ ในทุกๆ รูปแบบ ในทุกๆ แพล็ทฟอร์ม จริงๆ มันอยู่ระหว่างการฟอร์มบริษัทอยู่และยังไม่ได้บอกใครๆ แล้วบังเอิญมีข่าวไปซะก่อน”
ฉอด-สายทิพย์ ยังได้อธิบายถึงการถือหุ้นและตำแหน่งใหม่ของเธอว่า ได้ขยับขึ้น เป็นรอง ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
“สำหรับ GMM Channel Trading ซึ่งเป็น Holding Company ที่มีแกรมมี่ถือหุ้น 50% และทางกลุ่มสิริวัฒนภักดี 50% นั้น ก็มี คุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม เป็นประธานกรรมการ และ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี เป็นประธานกรรมการบริหาร ตอนนี้ตำแหน่ง พี่ฉอดคือ รองประธานกรรมการบริหาร คือเป็นรองคุณไพบูลย์ และจะดูแลในส่วนของนโยบายต่างๆ มากขึ้นกว่าที่ทำงานด้านโอเปอร์เรชั่นมานาน อันนี้คือการขยับปรับเปลี่ยนกันไป แต่ภาระอย่างที่ได้บอกคือเรื่องของคอนเทนต์ ทั้งละครและรายการ หรือคอนเทนต์ใดๆ ก็ดี ก็เป็นสิ่งที่ต้องหาวิธีในการพัฒนาสร้างคอนเทนต์ให้ได้มากที่สุดเพื่อไปสู่หลายๆ แพล็ทฟอร์ม”
เมื่อถามว่าในส่วนของเอไทม์ กับ GMM ยังดูอยู่หรือไม่ ฉอด-สายทิพย์ กล่าวว่า ตอนนี้ทั้ง Atime กับ GMM media ก็มีน้องๆ ที่เป็นคนเก่าคนแก่ที่ทำงานกันมานาน แล้วเราก็เลยรู้สึกว่ามันก็สมควรแก่เวลาที่เราต้องถอยออกมาสักทีหนึ่ง น้องๆ เขาจะได้เติบโต ไม่งั้นถ้าตนยังอยู่เขาก็ไม่โตสักที
“จริงๆ คนทำงานยังเหมือนเดิมทุกประการ ไม่มีการขยับปรับเปลี่ยนไปไหน มีพี่คนเดียวที่อาจจะถอยออกมาหน่อยหนึ่ง”
แต่กับข่าวที่เกิดขึ้นว่าโดนปลด ถามว่าตกใจไหม ฉอด ระบุว่า ก็ไม่ได้ตกใจอะไรเพราะอยู่ตรงนี้มานาน พวกข่าวสารอะไรแบบนี้ก็มีมาตลอด พอมีข่าวมันก็เลยไปกันใหญ่ ตามปกตินะ
ตำแหน่งใหญ่ขึ้น แต่คนมองว่าเป็นตำแหน่งแขวนหรือเปล่า ฉอด กล่าวอย่างหนักแน่นว่า จะแขวนหรือไม่แขวน เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ผลงานมากกว่า บางทีพูดกันไปแต่ไม่รู้จริงเท็จเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าโดนแขวนจริงๆ คงนั่งอยู่เฉยๆ และไม่มีงานอะไรออกมา แต่ตอนนี้ขอให้รอดูเพราะว่ามันจะมีงานออกมาอีกเยอะ รวมถึงละครที่ทำออก 2 ทุ่มก็ยังทำอยู่ตามปกติ งานเดิมๆ ที่ทำอยู่ก็จะทำต่อ หรือแม้แต่ คุณเอส-วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย ที่มีข่าวว่าถูกปลดเหมือนกันก็ยังต้องทำละครต่อไป
ด้านเอส วรฤทธิ์ บอกว่า “ถ้าถูกปลดก็คงจะว่างงานครับ ก็คงไม่มีงานทำ”
เมื่อถามว่ามีข่าวว่าทำละครแค่สิ้นปีนี้ ฉอด สายทิพย์ กล่าวว่า น่าจะเป็นการที่ละครที่ทำอยู่ก็ทำให้หมดสิ้นปีไป แต่ก็มีงานที่ทำเพิ่มขึ้นมาอีกด้วยนั่นคือรับงานปีหน้า ซึ่งก็มีทั้งละครและรายการต่างๆ ด้วย
มีกระแสข่าวว่า เล็ก-บุษบา ดาวเรือง มีข่าวว่าจะรับหน้าที่แทน ฉอด-สายทิพย์ กล่าวว่า “พี่เล็กเป็นซีอีโอกลาง ซึ่งเมื่อพี่ถอยออกมาอยู่ตรงนี้ ทำให้พี่เล็กก็ต้องรักษาการโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว”
ต่อข้อถามที่ว่า นโยบาย GMM จะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ฉอด-สายทิพย์ กล่าวว่า คือนโยบายของ GMM มันต้องมาจากบอร์ดอยู่แล้ว ซึ่งตนเองก็ยังนั่งอยู่ในบอร์ดด้วย แล้วก็รวมไปถึงกลุ่มผู้ลงทุนสิริวัฒนภักดีก็นั่งอยู่ในบอร์ดด้วยในฐานะผู้ถือหุ้น การทำงานของเราก็จะมีความเป็นโปรเฟสชั่นนัลเพราะเรามีเป้าหมายที่จะต้องไปต่ออีกเยอะเลย ดังนั้น การทำงานจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวเองหรือคนใดคนหนึ่งแล้ว แต่เป็นลักษณะการทำงานที่เป็นบอร์ด และเราก็ไม่ได้ไปไหน
“เรื่องความกดดันมันไม่ได้เกิดมาแค่ตรงนี้ มันเกิดมานานแล้ว เพราะว่าเราต้องทำงานกันอย่างแข็งแรงมากๆ เพราะธุรกิจตรงนี้ก็อย่างที่เห็นว่ามันมีการแข่งขันกันสูง แล้วก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เป็นตัวแปรที่เข้ามา เพราะฉะนั้นมันคงไม่ได้กดดันตรงแค่ว่าการสลับตำแหน่ง ซึ่งที่ผ่านมาในแกรมมี่ก็มีการสลับตำแหน่งที่ผ่านมาเยอะแยะ แต่อาจจะเป็นข่าวบ้างไม่เป็นข่าวบ้าง แต่คราวนี้พอเป็นพี่ก็ดันเป็นข่าวที่รุนแรงออกมา”
ฉอดสายทิพย์ยังบอกว่าได้คุยกับ ไพบูลย์ (อากู๋) แล้วว่า มันไม่ได้มีอะไรที่ผูกยึดติดกับชีวิตเรา สมมุติอย่าง Atime, Greenwave และ Club Friday ทุกคนก็ทราบดีว่าตนเองเป็นคนเริ่มต้น แต่การทำงานต่อไปมันอยู่กับพี่ไม่ได้ แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งตัวเองเสียชีวิตไป แล้วจะยังไง Atime, Greenwave ต้องตายไปด้วยเหรอ แบบนี้คงไม่ได้ มันก็ต้องมีคนที่รับช่วงต่ออยู่แล้ว แต่ว่าทุกคนก็จะจำได้ว่าพี่เป็นคนสร้าง Atime และ Greenwave คือทุกคนก็ต้องเห็นภาพอันนี้อยู่แล้ว เพราะว่าการทำงานมันต้องเดินหน้าต่อไป
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ที่ลุกออกมาแล้วงานที่ทำไว้อาจจะไม่ได้สานต่อหรือมีปัญหา ฉอด-สายทิพย์ กล่าวว่า ไม่เลย เพราะว่าเราก็ไม่ได้ไปไหน ก็ยังอยู่ที่ตึกนึ้ น้องๆ ทุกคนยังสามารถเข้ามาปรึกษาหารือได้ตลอด
ต่อข้อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าสิ่งที่ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนคือปัญหาเรตติ้ง ฉอด กล่าวว่า ปัญหาเรตติ้งมันเป็นมาตลอดอยู่แล้ว อย่างที่เคยพูดกับทุกคนว่าเราเป็นช่องเล็ก วิธีการลงทุนหรือวิธีการซีเล็คกลุ่ม พูดตั้งแต่ต้นว่าเรตติ้งเราอาจจะไม่ได้ growth มากนัก แต่เราก็ทำงานสร้างกระแสมาตลอด ทุกคนรู้จัก GMM25 และรู้จักงานของเราแล้ว มันเป็นคนละเรื่องกันกับเรื่องของเรตติ้ง และส่วนตัวก็เชื่อว่าไม่มีใครจะสามารถสร้างเรตติ้งได้ในเวลาอันรวดเร็ว มันเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เวลา
“ต้องยืนยันจริงๆ ทางกลุ่มสิริวัฒนภักดี กลุ่มผู้ถือหุ้นนี้ที่เข้ามาน่ารักมากจริงๆ เข้าใจว่ามีคนสงสัยว่าพอทางผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้เข้ามาเลยทำให้มีข่าวว่าพี่ต้องไป แต่ยืนยันว่าไม่มีอะไรตรงนี้จริงๆ เพราะพี่เองก็ต้องรับนโยบายทั้งจากคุณหนุ่ม (ฐาปน สิริวัฒนภักดี) และคุณไพบูลย์ อยู่แล้ว”
ส่วนกรณี ต๊ะ-นรากร ติยายน ฉอด-สายทิพย์ บอกไม่ขอพูดถึง แต่เราคิดว่าด้วยความที่คุณต๊ะเป็นนักข่าวก็คงจะแพร่กระจายออกไป เป็นเรื่องปกติที่ไม่ต้องฝากบอกอะไร
Copyright © MarketingOops.com
