สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทุกคนต้องนึกถึงตอนนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องของการแพร่ระบาด ‘Corona virus’ จากจีนซึ่งเป็นประเทศต้นทาง หากให้ลองหยิบยกคำพูดสั้นๆ มาใช้อธิบายสถานการณ์นี้ได้ตรงที่สุด ก็คงต้องเป็นคำว่า “ของมันต้องมี” วลีเด็ดของ ‘สู่ขวัญ บูลกุล’ ที่สร้างปรากฏการณ์ในโลกโซเชียล
ทำไมต้อง “ของมันต้องมี” ? ก็เพราะทำให้นึกถึง ‘หน้ากาก N95’ ที่ตอนนี้เริ่มจะขาดตลาดในจีน และอีกหลายๆ ประเทศรวมทั้งประเทศไทยแล้ว หลังจากที่คนจีนในเมืองอู่ฮั่นกว้านซื้อไปจนเกือบหมดเป็นที่แรกๆ ตั้งแต่ที่มีคำประกาศเตือนว่าพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวล่าสุดได้สรุปจำนวนผู้ที่คาดว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส Corona ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในหลายๆ ประเทศ ยืนยัน ณ วันที่ 25 ม.ค.ว่ามีจำนวนรวมทั้งหมดทั่วโลกถึง 1,354 รายแล้ว โดยผู้ป่วยอาศัยอยู่ในจีนมากที่สุดที่ 1,320 ราย ส่วนประเทศอื่นที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าพบผู้ป่วยที่จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ไทย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เวียดนาม, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไต้หวัน, มาเก๊า, เนปาล, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส และ ออสเตรเลีย
-
หน้ากาก N95 ในจีนราคาพุ่ง 10 เท่า และเข้าสู่วิกฤตขาดตลาด
Dingdang Medicine Express แอปพลิเคชั่นยอดนิยมสำหรับการเดลิเวอรี่ผลิตภัณฑ์ยาในจีน ยืนยันว่า นับตั้งแต่ที่ผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงสาธารณสุขแห่งนครอู่ฮั่น ยืนยันว่า หน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะช่วยป้องกันเชื้อไวรัส Corona ได้ในระดับดี จากนั้นหน้ากาก N95 เกือบทุกแบรนด์ก็ขายดีเทน้ำเทท่า จนทำให้ตอนนี้เริ่มขาดตลาดในจีนแล้ว โดยเฉพาะหน้ากาก N95 ของ 3M ผู้ผลิตสัญชาติอเมริกัน ที่มีออเดอร์มากที่สุดและหมดไวที่สุด
Weibo โซเชียลมีเดียอันดับหนึ่งของจีน ได้เปิดเผยว่า ร้านค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์หัวหมอ กักตุนสินค้าหน้ากาก N95 เพื่ออัพราคาขาย จากราคาขายปกติอยู่ที่กล่องละ 99 หยวน (ราว 436 บาท) ตอนนี้ปรับขึ้นสูงเกือบ 1,000 หยวน (หรือราว 4,407 บาท) ซึ่งแม้ว่าราคาขายจะสูงลิ่วผิดปกติ แต่รายงานจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่นๆ ในจีน ได้แก่ Taobao, JD.com, Pinduoduo, Suning.com, และ Ele.me เผยว่า สินค้ากำลังจะหมดสต็อกแล้ว พร้อมคำเตือนประกาศห้ามใช้โอกาสที่ไวรัสแพร่ระบาดเพื่อทำกำไร และจำหน่ายสินค้าเกินราคาอย่างเด็ดขาด
-
ไม่ใช่แค่ ‘จีน’ หน้ากาก N95 ในเอเชียก็อาจขาดแคลน
‘ประเทศไทย’ ที่ก่อนหน้านี้กำลังเผชิญกับปัญหามลพิษฝุ่นควันอย่างหนักแบบข้ามปี เคราะห์ซ้ำกรรมซัดดันมาเจอวิกฤตไวรัส ‘Corona’ จากคลื่นนักท่องเที่ยวจีนที่แห่เข้ามาเพื่อเฉลิมเฉลองในวันตรุษจีน จนทำให้ตอนนี้พบผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงว่าอาจจะมีเชื้อไวรัสแล้ว ทั้งนี้ รายงานของ dailymail คาดการณ์ว่าไทยน่าจะเป็นหนึ่งในประเทศเอเชียที่หน้ากาก N95 จะเริ่มขาดตลาดเร็วๆ นี้ปัจจัยหลักๆ ก็เพราะปัญหามลพิษ PM2.5, การตื่นตัวของคนไทยจากเชื้อไวรัส Corona และ ไทยเป็น top destination ของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งอาจจะมากว้านซื้อที่นี่แทน
นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของ ‘เวียดนาม’ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสิงคโปร์ ที่ชี้ว่าหน้ากาก N95 สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้จากการติดต่อทางลมหายใจ หรือน้ำลายได้ เช่น จากการจาม จึงทำให้ประชาชนตื่นตัวกันค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาก็อาจมีส่วนทำให้หน้ากาก N95 โดยเฉพาะของ 3M ขาดตลาด หรือมีราคาสูงขึ้นในอนาคต
อย่างในสิงคโปร์จากราคาขายหน้ากาก N95 ปกติอยู่ที่ 3.95 ดอลลาร์สิงคโปร์/ชิ้น (ราว 90 บาท) อาจจะแพงขึ้นถึงชิ้นละ 20 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 452 บาท) ขณะที่ร้านค้าอย่าง Watsons, Guardian and Unity in Woodlands และ Toa Payoh ในสิงคโปร์ หน้ากาก N95 หมดสต็อกจนถึงวันที่ 27 ม.ค.นี้ และอาจต้องรอสินค้าอีกราว 2 สัปดาห์ได้
ตอนนี้ทั่วโลกต่างก็คาดหวังสูงมากที่จะเห็นการควบคุมเชื้อไวรัสของรัฐบาลจีนประสบความสำเร็จ หลังออกมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไฟเขียวอนุมัติการสร้างโรงพยาบาลพิเศษสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส Corona โดยเฉพาะ, การสั่งปิดเมืองอู่ฮั่นทั้งหมด และระงับบริษัททัวร์จีนนำเที่ยวต่างประเทศซึ่งคาดว่าคำสั่งนี้น่าจะมีระยะเวลาราวๆ 1-2 เดือนทีเดียว
ทั้งนี้ด้านกรมควบคุมโรคของไทย และข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) มีการเตือนประชาชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตัวเอง เพราะนอกจากการสวมใส่หน้ากากที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ สิ่งประพฤติขั้นพื้นฐานง่ายๆ เช่น ความถี่ในการล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ, เลี่ยงสถานที่แออัด, พยายามเลี่ยงคนที่มีอาการไอ จาม มีน้ำมูก รวมถึงมีไข้สูงเกิน 38 องศา ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดด้วยเช่นกัน
ที่มา : dailymail, chinadaily, startribune
