โฆษณาผ่าน Blog ในแบบของ Adapter

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

blogสิ่งที่ดึงดูดใจให้เหล่าเอเยนซี่เลือกในการลงโฆษณาในบล็อกเกอร์ คือ การที่บล็อกเกอร์มีสาวกประจำบล็อก นอกเหนือจากคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ดังนั้น บล็อกเกอร์ต้องมุ่งเขียนคอนเทนต์ในเรื่องเฉพาะเจาะจงที่ตนเองสนใจและพยายามสร้างคอนเทนต์ให้ดึงดูดผู้อ่านให้มากที่สุด เพื่อให้เอเยนซี่เห็นถึงพลังที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการโฆษณาสินค้าให้กับลูกค้าได้

อรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ Managing Director บริษัท Adapter จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันรูปแบบการโฆษณาออนไลน์ได้มีรูปแบบหลากหลาย ซึ่งบล็อกก็ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำโฆษณาออนไลน์ในปัจจุบัน และคาดว่าจะเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้จำนวนหนึ่งให้กับเหล่าบล็อกเกอร์ที่สร้างคอนเทนต์คุณภาพขึ้นมาในโลกอินเทอร์เน็ต

ตอนนี้เหล่าบล็อกเกอร์ที่ต้องการหารายได้จากอินเทอร์เน็ตจะได้จากกูเกิ้ล Adsence เป็นหลัก แต่ยังมีวิธีที่บล็อกเกอร์สามารถหารายได้จากการเขียนบล็อกได้อีก นั่นคือการเขียนบล็อกเกอร์ให้กับแบรนด์สินค้าซึ่งเรียกกลุ่มบล็อกเกอร์นี้ว่า Evangelist Blog ซึ่งเป็นกลุ่มบล็อกเกอร์ที่มีความชื่นชอบและคลั่งไคล้สินค้าของแบรนด์นั้นๆ

การเป็น Evangelist Blog

อรรถวุฒิกล่าวต่อว่า การที่จะคัดเลือกหา Evangelist ค่อนข้างหายาก เพราะต้องเป็นบล็อกเกอร์ที่มีความชื่นชอบในตัวสินค้าจริงๆ เพราะการทำโฆษณาในรูปแบบนี้จะให้บล็อกเกอร์มาแสร้งชื่นชอบตัวสินค้าไม่ได้ เพราะภาษาที่เขียนออกมาจะไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกคล้อยตามได้อย่างสนิทใจ

ปัจจุบันเอเยนซี่โฆษณาได้ใช้บล็อกในการทำโฆษณา 2 รูปแบบ คือ Evangelist และ Brand Blog ซึ่งจะทำการเขียนโดยผู้ผลิตสินค้าหรือเอเยนซี่ที่รับผิดชอบ โดยคอนเทนต์ที่อยู่ใน Brand Blog จะไม่เป็นทางการเท่ากับเว็บไซต์ Official ซึ่ง Brand Blog จะเป็นการนำเสนอคอนเทนต์ในแบบเป็นมิตรกับลูกค้ามากขึ้น เพราะเทรนด์ของผู้บริโภคจะชอบอ่านข้อมูลจากบล็อกจะมีมากกว่าได้รับข้อมูลโดยตรงจากเว็บไซต์สินค้า

ยกตัวอย่าง น้องแสตมป์ บล็อกเกอร์ในคอมมูนิตี้ของเว็บไซต์ เด็กดี ดอท คอม ที่เป็นผู้ที่ชื่นชอบโทรศัพท์มือถือโนเกีย ชอบถ่ายรูปผ่านโทรศัพท์มือถือและใช้เล่าเรื่องจากภาพถ่ายอัพเดทลงบล็อกเป็นประจำ และมีเพื่อนในสังคมติดตามอ่านบล็อกกลุ่มหนึ่ง ดังนั้น น้องแสตมป์จึงถูกเราเลือกให้เป็น Evangelist ให้กับโทรศัพท์มือถือโนเกีย โดยโนเกียจะให้โทรศัพท์มือถือให้น้องแสตมป์ใช้บอกเล่าไลฟ์สไตล์ผ่านโทรศัพท์มือถือโนเกีย โดยถ้ามีรุ่นใหม่ๆ ออกมาจะส่งมาให้น้องได้ใช้ถ่ายภาพลงบล็อกอย่างต่อเนื่อง

การเลือกโฆษณาลงเว็บไซต์หรือบล็อก

อรรถวุฒิกล่าวว่า ในการเลือกลงโฆษณาในบล็อก สิ่งแรกที่ต้องคำนึง คือ กลุ่มเป้าหมาย โดยสำรวจจากหมวดหมู่ของเว็บบล็อก ไม่ว่าจะเป็นหมวด การเงิน สัตว์เลี้ยง เทคโนโลยี หรือความงาม เป็นต้น หลังจากนั้นให้ดูว่าแต่ละบล็อกมีผู้เข้าชมและคอมเมนต์มากเท่าไร บล็อกเกอร์มีอิทธิพลต่อคนในคอมมูนิตี้มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้ประเมินได้ว่าหากให้บล็อกเกอร์คนนั้นเขียนถึงสินค้าของเราจะมีการตอบรับดีมากน้อยเพียงใดจากผู้อ่านต่อแบรนด์สินค้า

สำหรับเว็บไซต์มีเกณฑ์พิจารณาคล้ายกับบล็อกเช่นกัน นั่นคือ กลุ่มเป้าหมายของสินค้าคือใคร เนื่องจากบางครั้งสินค้าบางอย่างไม่ต้องการเว็บไซต์ที่เป็น Mass มากเกินไป เพราะต้องการเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

ยกตัวอย่าง เช่น หากจะลงโฆษณารถยนต์นิสสัน เทียน่า แทนที่จะไปลงเว็บไซต์ สนุก ดอท คอม ที่มีกลุ่มเป้าหมายประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่เราเลือกที่จะลงที่เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ ที่มีจำนวนเข้าชมเว็บไซต์น้อยกว่าสนุก ดอท คอม แต่มีกลุ่มเป้าหมายถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เอเยนซี่จะเลือกลงที่เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจมากกว่าเว็บไซต์ สนุก ดอท คอม เป็นต้น

ต่อจากนั้น เอเยนซี่ถึงจะมาดูจำนวนคนเข้าเว็บไซต์นั้นๆ ว่ามีคุณค่าเพียงพอกับการนำโฆษณาสินค้าไปลงหรือไม่ นอกจากนี้ อาจลงลึกไปถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายว่าชอบกิจกรรมอะไร เช่น กลุ่มเป้าหมายคือ นักธุรกิจ กิจกรรมที่ชอบน่าจะเป็นกีฬากอล์ฟ ดังนั้น เว็บไซต์ที่จะควรลงโฆษณาน่าจะเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกอล์ฟ เป็นต้น

ปัจจุบันมีคนเขียนบล็อกเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่มีบล็อกเกอร์ที่เขียนเรื่องเฉพาะและมีแฟนคลับที่ติดตามผลงานยังน้อยมาก เพราะคนส่วนใหญ่เขียนบล็อกเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องทั่วไปมากกว่าเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง ดังนั้น หากมีคนหันมาเขียนบล็อกเฉพาะด้านอย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น จะเป็นโอกาสที่ดีในการหารายได้จากการลงโฆษณาและเป็นทูลที่ดีต่อเอเยนซี่หรือนักการตลาดในการใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาสินค้า

เอเยนซี่จะเลือกบล็อก ที่มีคนติดตามอ่านมากกว่าพิจารณาคอนเทนต์และอันดับจากการ Search ซึ่งในอนาคตเอเยนซี่กังวลว่าหากคนเขียนบล็อกทำลิงค์ในบล็อกมากขึ้นจะไม่ดีต่อการทำ Search Marketing เพราะการ Search จะไม่มีคุณค่ากลายเป็นข้อมูลขยะไป ทำให้ไม่สามารถมาพิจารณาในการลงโฆษณาได้

อรรถวุฒิกล่าวว่า รูปแบบที่ทำโฆษณาที่มากที่สุดในต่างประเทศ คือ ประเภทคอนเทนต์ ซึ่งบล็อกเกอร์จะเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์ รูปแบบโฆษณาที่นิยมรองลงมาคือ Search และ Banner แต่สำหรับประเทศไทยรูปแบบที่นิยมทำโฆษณามากที่สุดคือ Banner รองลงมาคือ คอนเทนต์ และ Search เนื่องจากคนไทยชอบโฆษณาที่หวือหวา มีสีสันดึงดูดใจมากกว่า

อรรถวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับปีนี้กลุ่มลูกค้าที่ลงสื่อโฆษณาออนไลน์ยังคงเป็นกลุ่มเทเลคอม เทคโนโลยี และสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าปีหน้ากลุ่มเทเลคอมและเทคโนโลยีจะเพิ่มงบในการลงสื่อโฆษณาออนไลน์มากขึ้น และจะมีกลุ่มสินค้าที่จะเข้ามาลงโฆษณาออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงสินค้าที่ไม่คาดว่าจะมาโฆษณาบนสื่อออนไลน์ เช่น ยาคุมกำเนิด จะมีเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ลูกค้ากลุ่มการเงินและธนาคารจะเริ่มเข้ามาลงโฆษณาแข่งขันกันในโลกออนไลน์สูงขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น ธนาคารจึงต้องโปรโมทบริการให้กระตุ้นการใช้บริการออนไลน์ของธนาคารมากขึ้น

จากการเข้ามาของสินค้าในกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปมีการเข้าใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะมีการใช้อินเทอร์เน็ตในการหาข้อมูลในเรื่องที่สนใจมากขึ้น ดังนั้น วิธีการของนักการตลาดก็ต้องเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน ประกอบกับเจอพิษเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้นักการตลาดหันมาสนใจสื่อออนไลน์มากขึ้น

อัตราการลงโฆษณาสำหรับบล็อก

สำหรับอัตราลงโฆษณาของบล็อกนั้น จะไม่มีอัตราที่แน่นอนเหมือนกับเว็บไซต์ ในการพิจารณาค่าโฆษณาจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงโฆษณา ระยะเวลา และความยากง่ายของการเขียน ซึ่งค่าตอบแทนจะได้รับเป็นจำนวนเงินหรือโปรดักต์แล้วแต่จะตกลงกับบล็อกเกอร์

ตอนนี้เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ทั้งหมดของไทยอยู่ที่ 0.2 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 192 ล้านบาทของเม็ดเงินสื่อโฆษณาทั้งหมด แต่มองว่าตัวเลขนี้ยังไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริงทั้งหมด เพราะรายได้จากการโฆษณาออนไลน์ของ Adapter ก็เกินครึ่งของเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์แล้ว จึงมองว่าตัวเลขที่สำรวจกันมาได้คงไม่ได้นับรวมในส่วนของการทำ Marketing Development ช่องทางอื่นๆ เช่น การทำครีเอทีฟ การทำเว็บไซต์ เป็นต้น เพราะในส่วนเหล่านี้จะรวมในแคมเปญที่ทำโฆษณาให้ด้วย

อรรถวุฒิกล่าวว่า ตอนนี้เอเยนซี่กำลังมองหาเว็บไซต์หรือบล็อกที่เขียนเกี่ยวกับท่องเที่ยวแบบพรีเมี่ยม เพราะปัจจุบันมีการเขียนเว็บไซต์ในแนวแบกเป้ค่อนข้างเยอะ ตอนนี้เราต้องการเว็บไซต์ที่นำเสนอโรงแรม รีสอร์ต ในแบบฮิปโฮเทล หรือรูปแบบหรู มีสไตล์ แนวแปลกใหม่ที่น่าสนใจ ซึ่งหากมีคนทำเว็บไซต์หรือเขียนบล็อกด้านนี้จะมีโอกาสได้กลุ่มผู้อ่านในระดับพรีเมี่ยม และสร้างรายได้จากการโฆษณากับกลุ่มลูกค้าระดับนี้ได้เป็นอย่างดี

“หากใครที่คิดจะทำเว็บไซต์หรือบล็อกควรหาแนวทางที่ตัวเองถนัดและคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เจาะกลุ่มเฉพาะ คาดว่าจะมีโอกาสทางการตลาดที่ดีในการหาโฆษณาลงเว็บไซต์หรือบล็อก ที่สำคัญ ต้องหาวิธีที่ทำให้คนเข้าเว็บไซต์หรือบล็อกมากที่สุดด้วย การเขียนบล็อกไม่จำเป็นต้องเขียนเฉพาะเจาะจงแบรนด์ เพียงแค่เขียนในสิ่งที่ตนชื่นชอบเท่านั้น เชื่อว่าสักพักแบรนด์สินค้าจะวิ่งเข้ามาหาบล็อกเกอร์เอง เพราะว่าแบรนด์สินค้าต่างๆ ยังคงต้องการบล็อกเกอร์ที่เขียนเกี่ยวกับแบรนด์สินค้าค่อนข้างมาก” อรรถวุฒิ กล่าว

Source: Ecommerce Magazine


  •  
  •  
  •  
  •  
  •