กลายเป็นข่าวใหญ่วงการ K-Pop ประเทศเกาหลีใต้แล้วหลังจากบริษัท HYBE บริษัทเอเจนซี่อันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ต้นสังกัดวงบอยแบนด์ชื่อดังอย่าง BTS ประกาศบรรลุข้อตกลงเข้าซื้อหุ้น 14.8% ของบริษัท SM Entertainment บริษัทบันเทิงอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ มูลค่า 335 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,534 ล้านบาท เพื่อหวังจะมีสิทธิในการบริหาร SM Entertainment และครองส่วนแบ่งตลาดบันเทิงเกาหลีมูลค่ามหาศาลเอาไว้ได้ ทิ้งห่าง บริษัท JYP และ YG อันดับ 3 และ 4 ไปอีก
รายงานข่าวระบุว่า HYBE ประกาศเข้าซื้อหุ้น 14.8% จาก อี ซู มาน (Lee Soo Man) ผู้ก่อตั้ง SM Entertainment คิดเป็นมูลค่า 335 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนอกจากจะทำให้ HYBE กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในบริษัท SM แล้ว HYBE ยังมีแผนที่จะซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทเพื่อเพิ่มสัดส่วนหุ้นให้ถึง 25% เพื่อให้มีสิทธิในการบริหารและสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดอันดับ 1 ของวงการบันเทิงเกาหลี ที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ HYBE เพิ่มขึ้น 6% ขณะที่หุ้นของ SM Entertainment เพิ่มขึ้นกว่า 16% เช่นเดียวกับหุ้นของ JYP และ YG ก็ได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้ด้วยโดยหุ้นปรับตัวขึ้น 2.5% และ 3.5% ตามลำดับ
ทั้งนี้ HYBE นอกจากจะมี BTS อยู่ในสังกัดแล้วยังมีวง NewJeans เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังภายใต้สังกัด ADOR ซึ่งเป็นค่ายเพลงใหม่ในเครือ HYBE Corporation ที่เพิ่งติดอันดับบิลบอร์ด หลังเดบิวเพลง “Ditto” ได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น ขณะที่ SM Entertainment มีชื่อเสียงในฐานะผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีให้ก้าวไปสู่ระดับโลก มีศิลปินในสังกัดอย่าง Super Junior, Girls’ Generation และ Red Velvet เป็นต้น
ข่าวใหญ่การซื้อหุ้นบริษัท SM Entertainment ในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากบริษัท Kakao บริษัทอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ประกาศบรรลุข้อตกลงเข้าซื้อหุ้นในบริษัท SM Entertainment ด้วยสัดส่วน 9% ด้วยมูลค่า 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นส่งผลให้หุ้นของบริษัท Kakao พุ่งขึ้นในทันทีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
รายงานข่าวระบุด้วยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นสงครามชิงหุ้นกันระหว่าง อี ซู มาน ผู้ก่อตั้ง SM วัย 70 ปี ที่แม้จะเกษียณอายุการทำงานแล้วแต่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการบริหารในบริษัทด้วยหุ้นเดิมในมือ 18.5% กับหลานชายอย่าง อี ซึง ซู (Lee Sung Soo) ซีอีโอ คนปัจจุบันของ SM โดยอี ซึง ซู ต้องการปรับโครงสร้างเพื่อลดอิทธิพลของ อี ซู มาน ด้วยการดึง Kakao เข้ามาซื้อหุ้น ส่วน อี ซู มาน เองก็ตอบโต้ด้วยการดึงเอา HYBE เข้ามาร่วมวงด้วยในครั้งนี้โดยมีข้อตกลงบางอย่างอยู่เบื้องหลัง
ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าศึกในครอบครัวภายใต้การบริหาร SM จะจบลงอย่างไร และ HYBE จะได้สิทธิในการบริหาร SM Entertainment และครองอิทธิพลวงการ K-pop ทั้งในเกาหลีและในระดับโลกได้ไหมคงต้องติดตามกันต่อไป