สถานการณ์การแพร่ระบาด Coronavirus ในประเทศญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ทำท่าเหมือนว่าจะดีขึ้น โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ยืนยันชัดว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสในประเทศยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ในวันนี้ (7 เม.ย.63) รัฐบาล นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ตัดสินใจประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเป็นทางการ โดยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 7 เมือง ได้แก่ กรุงโตเกียว, โอซากา, ไซตามะ, คานากาว่า, ชิบะ, เฮียวโงะ และฟุกุโอกะ พื้นที่ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดเทียบกับเมืองอื่นๆ ในประเทศ
ทั้งนี้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. ไปจนถึง วันที่ 6 พ.ค.63 (เป็นระยะเวลา 1 เดือน) ซึ่งจะตรงกับช่วงสิ้นสุดช่วง ‘Golden Week’ หรือวันหยุดยาวของญี่ปุ่นพอดี
ในรายงานข่าว ระบุว่า รัฐบาลจะอนุญาตให้ผู้คนใน 7 เมืองที่กำหนด สามารถออกจากบ้านได้ ในกรณีที่อยู่ในข้อยกเว้นเท่านั้น เช่น จำเป็นต้องซื้ออาหาร, จำเป็นต้องซื้อยา-เวชภัณฑ์ และพบแพทย์ เป็นต้น
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ ทำไมรัฐบาลญี่ปุ่นถึงเลือกที่จะประกาศยกระดับเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินในช่วงดังกล่าวนั้น คำตอบก็เพราะว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ ช่วงเกือบจะปลายเดือนมี.ค. มีจำนวนที่คงที่ พูดได้ว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มในบางเมือง หรือในอีกหลายๆ เมืองมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในจำนวนที่ลดลงต่อเนื่อง
จนสถานการณ์การระบาดกลับมารุนแรงอีกครั้ง ในช่วง ‘ฤดูซากุระบาน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ชาวญี่ปุ่นรักที่สุดก็ว่าได้ ดังนั้น ในเมื่อทางการไม่ได้สั่งห้ามให้ประชาชนเข้าชมซากุระบานตั้งแต่แรก ท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 จึงทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากแห่กันเข้าชม และนั่งปิกนิคกันใต้ต้นซากุระ
จากวันที่ 24 มี.ค.63 ช่วงต้นฤดูกาล ที่มี่จำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมดในญี่ปุ่น ราวๆ 1,100 คน ขณะนี้จำนวนเพิ่มขึ้น ณ วันที่ 7 เม.ย. 63 จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสอยู่ที่ 3,817 คน ขณะที่รักษาหายขาดมีเพียง 592 คนเท่านั้น และเสียชีวิต 80 คน
โดยนายกฯ อาเบะ ได้พูดในระหว่างที่มีการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจ พูดว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน” เทศกาลต่างๆ หรือวันหยุดยาว มีส่วนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นยังคงเพิ่มขึ้น
สำหรับหัวหน้าคณะรัฐมนตรี ‘โยชิฮิเดะ สึกะ’ ได้พูดว่า มาตรการฉุกเฉินที่ประกาศใช้ครั้งนี้จะมีระยะเวลา 1 เดือน แต่ยังต้องประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่าจำเป็นต้องขยายกรอบเวลาเพิ่มขึ้น หรือ ประกาศใช้ในเมืองอื่นๆ ตามมาทีหลังหรือไม่
ที่มา : japantimes, japantimes