มาชิตะ เกาะกระแสสุขภาพ และเดินเกมสร้างความต่างจากคู่แข่ง ประกาศปรับโปรดักท์ใหม่ โดยทุกตัวจะเป็นสูตร ‘0%ผงชูรส’ ลดโซเดียมลง 50% พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ‘พัคจีฮุน’ ไอดอลคนดังจากเกาหลี เพื่อท้าชิงเบอร์ 1 ในตลาดสาหร่ายที่มีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท
เมื่อพูดถึงตลาดขนมขบเคี้ยวในบ้านเราที่มีมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาทแล้ว ตลาดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ตลาดสาหร่าย อย่างปีที่ผ่านมามีการเติบโตประมาณ 5% คิดเป็นมูลค่าตลาดอยู่ราว 3,031 ล้านบาท โดยปัจจัยหนุนที่ทำให้ตลาดนี้โต หลัก ๆ คือ เทรนด์สุขภาพ ที่เป็นกระแสในคนทุกเพศ ทุกวัย เพราะผู้บริโภคเชื่อว่า เมื่อเทียบกับขนมขบเคี้ยวชนิดอื่น ๆ แล้ว การกินสาหร่ายดีต่อสุขภาพ และไม่ทำให้อ้วน
ปัจจุบันในตลาดนี้ เถ้าแก่น้อย ผู้บุกเบิกตลาดสาหร่ายมานาน 15 ปี ยังครองความเป็นเบอร์ 1 ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 66.9% รองลงมา ได้แก่ มาชิตะ มีมาร์เก็ตแชร์ 16.7% ตามด้วย ซีลิโกะ 3% และอื่น ๆ 13%
ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอลล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ของมาชิตะ ให้ความสำคัญกับคุณภาพของโปรดักท์และการสร้างความต่างทางการตลาด โดยในปีนี้ได้ออกโปรดักท์ใหม่ พร้อมปรับสูตรของทุกโปรดักท์เป็นสูตร ‘0% ผงชูรส’ และลดโซเดียมลง จากเดิมในสินค้า 300 มิลลิกรัม จะมีโซเดียม 15% แต่ตอนนี้อยู่ที่ 8%
“เทรนด์สุขภาพมาแรง ซึ่งเราได้ไปสำรวจ Consumer insight พบว่า ผู้บริโภคกินสาหร่ายเพราะคิดว่าดีต่อสุขภาพ ขณะเดียวกันก็กังวลในเรื่องเครื่องปรุง โดยเฉพาะผงชูรส เราถึงได้ปรับทุกโปรดักท์ทุกตัวของเราให้ไม่มีผงชูรส และลดโซเดียมลงเกือบครึ่ง เพื่อให้ผู้บริโภคสวิตช์แบรนด์มาหาเรา เพราะตอนนี้ยังไม่มีแบรนด์ใดทำเรื่องนี้ ขณะเดียวกันเราก็รีแพ็กเกจให้สดใส ทันสมัย ถูกตา ถูกใจกลุ่มเป้าหมายหลักของเรา คือ วัยมัธยม 12-18 ปี”
ส่วนการตลาดในปีนี้นั้น มาชิตะ ยังคงอาศัยพลัง K POP Fever ด้วยการนำไอดอลคนดังจากเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเป็นหมัดเด็ดในการบุกตลาด ด้วยเหตุผล 1. ต้องการสร้างความต่างจากผู้นำตลาดอย่างเถ้าแก่น้อย 2. ตอบโจทย์ของกลุ่มเป้าหมายหลัก ก็คือ คนอายุ 12-18 ปี 3. ย้ำภาพว่า มาชิตะเป็นสาหร่ายแท้จากเกาหลี
สำหรับหลักในการคัดเลือกนั้น หลัก ๆ ได้แก่ ต้องมีกระแสและโด่งดังในช่วงเวลานั้นๆ , บุคลิกต้องเข้าถึงได้ง่าย และมีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น โดยล่าสุดได้เปิดตัว ‘พัคจีฮุน’ (Park Jihoon) อดีตสมาชิกบอยแบนด์ WANNA ONE มารับหน้าที่พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ต่อจาก ‘วง NCT’ และ ‘คยูฮยอน’ หนึ่งในสมาชิก Super Junior กลุ่มบอยแบนด์เกาหลีชื่อดังจากค่ายยักษ์ SM Entertainment
บุกตลาดจีน เป็นฐานเพิ่มการโต
ไม่เพียงบุกตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่องเท่านั้น การขยายฐานสู่ต่างประเทศ เพื่อสร้างเป็นตลาดใหม่ เป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่ทางมาชิตะให้ความสำคัญ และแน่นอนตลาดที่ ธิติพร ให้ความสนใจ ก็คือ จีน ตลาดที่มีกำลังซื้อมหาศาส ซึ่งการบุกตลาดนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
- การส่งออก นำสินค้าไปขายในจีน ที่ได้เริ่มดำเนินการเมื่อกลางปีที่ผ่านมา นำไปวางขายทั้งเทรนดดิชั่นนอลเทรด โมเดิร์นเทรด และออนไลน์ พร้อมกับมีการทำตลาดอย่างจริงจัง ด้วยการดึง ‘ชานน สันตินธรกุล’ ที่โด่งดังจากภาพยนตร์ฉลาดเกมส์โกง และซีรีย์ฮอร์โมนส์ มาเป็นพรีเซนเตอร์เฉพาะในจีน เพราะชานนท์ เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนจีน
- นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวในไทย เพราะมีการเติบโตน่าสนใจ จากปีที่ผ่านมาสร้างยอดขายให้เพียง 4-5% แต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 30% ของยอดขายในประเทศทั้งหมด โดยวางแผนจะเพิ่มจุดจำหน่ายในแหล่งท่องเที่ยวที่คนจีนนิยมไปให้มากขึ้น
“ปีนี้ภาพรวมเราต้องการโตขึ้นทั้งยอดขายและมาร์เก็ตแชร์ โดยต้องการโต 20% มียอดขายอยู่ที่ 600 ล้านบาท ส่วนมาร์เก็ตแชร์จะเพิ่มจาก 16% เป็น 20% เราเองก็หวังจะเข้าใกล้เบอร์ 1 แต่ก็ถือว่า เป็นกำแพงที่สูงเหมือนกัน เพราะเขาเข้ามาก่อนเรานานมาก ตลาดจีนเอง เบอร์ 1 ก็ทำได้ดีและแข็งแกร่ง แต่เราก็ต้องการไป เพราะเป็นตลาดใหญ่ที่จะทำให้เราโตและขยับให้ใกล้เบอร์ 1 มากขึ้น”
