หลังจากในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา Netflix ต้องเจอกับอุปสรรคจำนวนผู้สมัครใช้งานหรือ Subscriber ลดลงอย่างมากและยังส่งผลให้หุ้นของ Netflix ร่วงลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตามล่าสุด Netflix ฟื้นตัวจากวิกฤตกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งเมื่อผลประกอบการณ์ในไตรมาสที่ 3 กลับมาดูดีขึ้นโดยเฉพาะจำนวน Subscriber ที่เพิ่มขึ้นอีกถึง 2.4 ล้านรายสูงกว่าที่ Netflix คาดการณ์เอาไว้กว่าเท่าตัว โดยการเติบโตดังกล่าวส่งผลให้หุ้น Netflix พุ่งทะยานขึ้นทันที 13% ในวันเดียวกัน
รายงานผลประกอบการณ์ในไตรมาสที่ 3 ของ Netflix เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมาพบว่าจำนวน Subscriber เพิ่มขึ้นถึง 2.4 ล้านราย สูงกว่าที่ Netflix คาดไว้ที่ 1 ล้านรายไปมาก นั่นส่งผลให้ Netflix คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 4 นี้จะมีจำนวน Subscriber เพิ่มขึ้นได้อีก 4.5 ล้านรายซึ่งสูงกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์เอาไว้ ขณะที่ยอด Subscriber รวมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 223 ล้านรายแล้ว
Netflix ระบุว่ากำไรในไตรมาสที่ 3 นั้นอยู่ที่ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามรายได้เพิ่มขึ้นราว 6% ไปยู่ที่ 7,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทั้งกำไรและรายได้นั้นเป็นการทำได้เกินกว่าที่ Netflix คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
กลยุทธ์ Subscription Plan แบบมี Ads
แน่นอนว่าแม้ Netflix จะกลับมาอยู่ในเส้นทางของการเติบโตอีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า Netflix ไม่ได้เติบโตเร็วอย่างที่เคยเป็นก่อนหน้านี้โดยเฉพาะสถานการณ์ในช่วงต้นปี 2022 ที่จำนวนผู้สมัครใช้งานลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ส่งผลให้หุ้นร่วงลงอย่างรุนแรงเพราะนักลงทุนไม่มั่นใจกับอนาคต Netflix ท่ามกลางตลาดสตรีมมิ่งที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงในปัจจุบัน
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ Netflix หันมาใช้เพื่อแสดงให้บรรดานักลงทุนเห็นว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินเพิ่มขึ้นได้ก็คือคือนโยบายการเพิ่มโฆษณาเข้าไปสำหรับ Subscription Plan ที่มีราคาย่อมเยาลงมานั่นก็คือ Basic with Ads ที่จะเพิ่มเติมขึ้นมาจาก Plan เดิมอย่าง Basic, Standard และ Premium นั่นเอง
สำหรับแพลน Basic with Ads จะมีราคาอยู่ที่ 6.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 265 บาทต่อเดือนโดยจะเปิดรับสมัครในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, บราซิล, ฝรั่งเศส , อิตาลี, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เม็กซิโก, สเปน และ สหราชอาณาจักร
สำหรับ Basic with Ads นั้น Netflix ระบุว่าจะได้รับประสบการณ์การรับชมแบบเดียวกันกับ Basic แบบไม่มี Ads แต่จะมีโฆษณาความยาว 15 หรือ 30 วินาที แทรกขึ้นมา “ก่อน” และ “ระหว่าง” การชมภาพยนตร์และซีรีย์ โดยใน 1 ชั่วโมงจะมีโฆษณาเฉลี่ย 4-5 นาทีปรากฏขึ้นให้ชม ขณะที่ Netflix ระบุว่า จะมีระบบในการทำ Targeting เพื่อให้ผู้ลงโฆษณาสื่อสารไปถึงผู้ชมได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายด้วย
กวาดล้างการแชร์ Password เริ่มปีหน้า
นอกจากการเพิ่ม Plan ที่มีราคาไม่แพงแต่มีโฆษณาแทรกเข้ามาด้วยแล้ว Netflix ยังประกาศด้วยว่าแผนในการกวาดล้างการแชร์ Password ให้กับคนที่ไม่ได้อยู่ในครัวเรือนเดียวกันนั้นจะเริ่มต้นดำเนินการอย่างจริงจังทั่วโลกในช่วงต้นปี 2023 นี้หลังจาก Netflix ทดลองมาตรการหลายๆอย่างในหลายประเทศเช่นการให้ ผู้ใช้งานหน้าจอย่อยต้องจ่ายเงินเพิ่มหาก Netflix ตรวจพบว่าผู้ใช้งานหน้าจอย่อยในบัญชีดังกล่าวรับชมอยู่นอกบ้านเจ้าของบัญชี นอกจากนี้ยังมีระบบ Profile Transfer ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถย้ายข้อมูลส่วนตัวเช่นประวัติการรับชม หนังหรือซีรีย์แนะนำ, My List หรือ Save ของเกมต่างๆไปยังบัญชีใหม่ได้ด้วย
เรียกได้ว่าเป็นทิศทางที่ดีสำหรับ Netflix และบรรดานักลงทุนที่ได้เห็นบริษัทสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่สามารถกลับมามี Subscriber เพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากมีอุปสรรคในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกระแสความชื่นชอบของซีรีย์ดัง “Stanger Things 4” ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมารวมถึงซีรีย์สยองขวัญอย่าง “Monster: The Jeffrey Dahmer Story” อย่างไรก็ตามความท้าทายสำหรับ Netflix นั้นยังคงรออยู่เนื่องจากตลาดสตรีมมิ่งที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดในยุคสมัยที่ช่องทางเสพความบันเทิงของผู้คนมีอยู่อย่างมากมายเช่นกัน
ที่มา: CNN Business, The Verge
