Next Bank Bangkok สร้าง Community FinTech ในไทย

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

166081_1134528209913307_1395658730354986944_n

คำว่า Next Bank ถ้าเป็นคนในวงการการเงินการธนาคารต้องเคยได้ยินกันมาบ้าง ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของคน Wall Street ที่ทำงานด้านการเงินการธนาคาร ทั้งจาก ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ หน่วยงานกำกับดูแล (เช่น กลต.,) หน่วยงานวางนโยบาย (เช่น ธปท.) และปิดท้ายด้วยกลุ่ม FinTech โดยมีการจัดเสวนาไปแล้วที่ อเมริกาและฮ่องกง แต่คราวนี้ มีการดึงการเสวนา Next Bank มาที่ประเทศไทย โดยกลุ่ม FinTech เชื้อสายไทย

เพราะต้องการบอกให้โลกรับรู้ว่า FinTech ในไทยแข็งแกร่งและเอาจริง และพร้อมจะร่วมมือกับกลุ่มสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน และขยายบริการออกไปต่างประเทศ โดยหัวใจสำคัญคือ ต้องสร้างการเชื่อมต่อ (Integration) ให้เกิด ซึ่งในการเสวนา Next Bank Bangkok ครั้งแรก มีการพูดคุยถึงกฎระเบียบและการกำกับดูแล ซึ่งยังเป็นข้อจำกัดอยู่มากสำหรับ FinTech ในไทย ขณะที่ในต่างประเทศมีการปรับปรุงแก้ไขไปมากแล้ว

ยิ่งกลุ่ม FinTech เห็นตรงกันว่าอนาคตของอุตสาหกรรมการเงิน จะแข่งขันกันที่ Technology นั่นก็คือ FinTech ถือเป็นการเปลี่ยนโลกทางการเงินจากเดิมโดยสิ้นเชิง มีความเรียบง่าย สะดวก รวดเร็ว ต่างจากโลกแบบเดิมที่มีความซับซ้อน ยุ่งยาก ซึ่งทุกฝ่ายต้องผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน

12919545_10154921953113018_594560829_o

ในงานครั้งนี้ ยังมี Guest Speaker เป็น ธนา เธียรอัจฉริยะ ที่ปรึกษาจาก SCB บอกว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ธนาคารทุกแห่งในประเทศไทยจะกระโดดเข้ามาร่วมวง FinTech ด้วยแน่นอน เพราะเห็นชัดเจนว่า FinTech จะมา Disrupt กลุ่มธนาคาร ดังนั้นทางเลือกคือ ต้องก้าวเข้ามาทำด้วย

สำหรับ SCB เริ่มต้นจาก การรู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญ และยัง ไม่รู้ด้วยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงตั้งยูนิตใหม่ขึ้นมาทำงานเหมือน R&D โดยมีงบประมาณเบื้องต้น 50 ล้านเหรียญในการคิดค้นและทดลองตลาด โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ

1. Fund of Fund ลงทุนร่วมกับ VC ต่างๆ เพื่อเรียนรู้ด้านการลงทุนใน Startup ให้มากขึ้น เน้นทั้งการทำกำไรจากการลงทุน และดูบริการใหม่ๆ ที่สามารถทำงานร่วมกับ SCB ได้

2. Lab FinTech คิดค้นหาไอเดียใหม่ๆ สร้างผลงาน หรือสร้าง Startup ขึ้นมาเอง

12941110_10154921953183018_828140231_o

นอกจาก SCB ที่มีแผนชัดเจนแล้ว ยังมี Kbank ที่เริ่มต้นแล้วเช่นกัน รวมถึงธนาคารอื่นๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดี เพราะจะมีเม็ดเงินก้อนใหญ่จากธนาคารเข้ามาเป็นเจ้าภาพ งานนี้ถ้า FinTech เชื้อสายไทย จะแข่งกับตลาดการเงินระดับภูมิภาคอย่างสิงคโปร์และฮ่องกง ก็ต้องเรียนรู้ สร้างสรรค์ และเตรียมพร้อมให้ดี ใช้การรวมกลุ่มของคนในอุตสาหกรรมเดียวกันให้เกิดประโยชน์

เหมือนแนวคิดที่ว่าถ้าจะแข่ง Olympic ก็ต้องฝึกฝนและเรียนรู้แบบ Olympic แต่ถ้าจะสู้กับ FinTech ในระดับโลก ก็ต้องเรียนรู้ระดับโลกเช่นกัน


  •  
  •  
  •  
  •  
  •