ดูเหมือนประเด็นร้านอาหารกับเพจรีวิวอาหาร จะเกิดปมปัญหาดราม่าขึ้นค่อนข้างบ่อย ล่าสุด ก็เกิดปัญหา แอดมินเพจ “กลุ่มคนรักบุฟเฟต์ (Buffet Lovers) ขอรีวิวอาหารจากร้านอาหาร Wisdom Internation Buffet ร้านอาหารดัง ซึ่งทางร้านอ้างว่าถูกข่มขู่จากผู้อ้างตัวว่าเป็นแอดมินผู้ดูแลเพจกลุ่มดังกล่าวว่าจะแบนร้าน โดยอ้างว่ามีสมาชิกกว่าล้านคน (แต่อันที่จริงแล้วมีเพียง 6.1 แสนสมาชิกเท่านั้น) หากไม่ให้ทานฟรีเพิ่มโควตาคนตามต้องการ ก่อนไปถึงบทเรียนดราม่าที่เราจะได้เรียนรู้จากกรณีนี้ ไปไล่เรียงลำดับเหตุการณ์กันก่อน
ประเด็นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ไล่เรียงลำดับความ เกิดจากการที่ร้าน Wisdom International Buffet โพสต์ขอความเป็นธรรมว่า ถูกข่มขู่แบนออกจากกลุ่ม Facebook Group ที่มีฐานสมาชิกระดับต้นๆในประเทศไทย เกี่ยวกับผู้ชื่นชอบการรับประทานบุฟเฟ่ต์ เนื่องจากว่าไม่ยอมทำตามแอดมินผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กกลุ่มคนทานบุฟเฟ่ต์กลุ่มหนึ่ง เพราะได้มอบคูปองทานอาหารให้ 2 ใบแต่จะมาขอเพิ่มทานฟรี 2 คน รวมเป็น 4 คน ซึ่งทางร้านเห็นว่าเกินกว่าที่ตกลงไว้ หากจะทานเกินกว่าคูปองก็แนะนำให้ชำระเงินเอง แต่ทางผู้มายืนยันว่าจะเพิ่มการทานฟรีอีก 2 คน พร้อมกับคำพูดที่ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงในเน็ตว่า “การรีวิวคือทานแล้วไม่เสียเงิน” ที่สำคัญหากไม่ยินยอมจะทำการแบนร้านจากกลุ่มอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม https://www.facebook.com/101259681966070/posts/229022589189778/?d=n
ต่อมาที่โพสต์นี้ออกไปอย่างกว้างขวางก็เกิดการถกเถียงว่าสิ่งที่ผู้อ้างว่าเป็นแอดมินกรุ๊ปนั้นทำถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะการที่มองว่าการรีวิวคือไม่ต้องเสียเงิน พูดง่ายๆ ว่าคือการทานฟรีนั่นเอง ซึ่งหลายคนมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะหลายคนที่เป็นสมาชิกกลุ่มนี้ก็เคยรีวิวร้านโดยเสียเงินเองมาแล้วก็มี ซึ่งการทำอย่างนี้และผิดเงื่อนไขด้วย เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การที่แอดมินกลุ่มนี้ทำพฤติกรรมอย่างนี้ทำให้กลุ่มเสียชื่อเสียงอย่างมาก ซึ่งหลังเหตุการณ์ดราม่าโจมตีเพจจำนวนมาก ล่าสุด แอดมินคนดังกล่าวก็ถูกขับออกจากกลุ่มและพ้นการเป็นแอดมินผู้ดูแลกลุ่มแล้ว พร้อมกับโพสต์ขอโทษจากแอดมินของกลุ่ม
ใจความว่า ทางกลุ่มได้รับทราบเรื่องจากทางร้าน Wisdom International Buffet แล้ว และได้ขออภัยทางร้านแล้ว ยืนยันว่าการเปิดเพจเปิดกลุ่มนี้ เพื่อสร้างสรรค์และแบ่งปันข้อมูลร่วมกัน อย่างไรก็ตาม กับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นได้ให้แอดมินคดังกล่าวพ้นสภาพไปแล้ว
(อ่านเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/groups/1606516042945841/permalink/2914153948848704/)
กรณีที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นเคสตัวอย่างให้กับผู้ทำคอนเทนต์หรือแอดมินเพจกลุ่มรีวิวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ถึงการประสานงานและทำงานร่วมกันกับแบรนด์หรือกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะปมปัญหาการรีวิวว่าจะต้องฟรี หรือจะต้องมีส่วนลดให้เท่านั้น ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง กับเพจการรีวิวต่างๆ แต่ก็เหมือนว่าผู้ทำเพจหลายคนจะไม่เข้าใจ ซึ่งลักษณะแบบนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะกับไทย แต่ในต่างประเทศธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมก็ถูกบล็อกเกอร์ขอแลกเปลี่ยนการได้รับบริการฟรีกับการรีวิวอยู่หลายครั้ง ซึ่งบางรายก็ยอม บางรายก็ไม่ยินยอม ดังนั้น บทเรียนที่เกิดขึ้นจากกรณีล่าสุดนี้ น่าจะพอทำให้เพจต่างๆ ได้เข้าใจมากขึ้นถึงหัวใจสำคัญของการรีวิวอย่างแท้จริงว่าคือการแบ่งปันข้อมูลร่วมกัน อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งแตกต่างจากการทำ Marketing Content ที่มีค่าใช้จ่าย พูดง่ายๆ ว่าจ้างให้มารีวิวนั่นเอง
และในบางมุมเองแม้แต่การเชิญให้มารีวิวหรือชวนให้มาทานฟรีเพื่อแลกกับการรีวิว ค่าอาหารที่ทานไปนั้นก็คือค่าใช้จ่ายที่ทางร้านยินยอมที่จะแบกรับเอง ดังนั้น ในมุมของผู้เขียน การทานฟรีก็ค่อนข้างเข้าข่ายการทำ Marketing Content เช่นกัน หากอยากรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยบริสุทธิ์ใจแบบไร้เงื่อนไข และไม่เกี่ยวกับการทำคอนเทนต์ให้ ผู้รีวิวควรจะชำระเงินเองจะเป็นการดีที่สุด แต่กระนั้นก็ควรระวังเรื่องการรีวิวด้วย เพราะการรีวิวแบบเสียเงินเองก็เคยมีกรณีการฟ้องร้องเช่นกัน หากเข้าข่ายลักษณะของการมุ่งทำลายชื่อเสียงทำให้เกิดความเสียหายต่อแบรนด์หรือสินค้านั้นๆ ซึ่งจุดนี้เป็นเรืองที่ละเอียดอ่อนมากๆ ทีเดียว.