[ข่าวประชาสัมพันธ์]
บริษัท มอนเด นิสซิน (ประเทศไทย) จำกัด ทุ่มงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท เปิดตัว “ลัคกี้ มี” (Lucky Me!) อูด้งสดสไตล์ญี่ปุ่นครั้งแรกในไทย แบ่งงบ 50 ล้านบาท ทำการตลาดกระตุ้นยอดขายปีแรก ตั้งเป้าเติบโต 40% ต่อปี สร้างยอดขาย 1,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
นายเว็นเซสเลา วี ซานโตส (Wenceslao V. Santos) ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท มอนเด นิสซิน (ประเทศไทย) จำกัด (Monde Nissin (Thailand) Co., Ltd.) ผู้ผลิตและจำหน่ายอูด้งเส้นสดแบรนด์ “ลัคกี้ มี” (Lucky Me!) เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยมีมูลค่า 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองอยู่ที่ 70% และแบบถ้วยอยู่ที่ 30% ซึ่งอัตราการเติบโตของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซอง คงที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่แบบถ้วยยังคงมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 7-8% ต่อปี นอกจากนี้ผลสำรวจวิจัยที่เผยแพร่โดย World Instant Noodles Association (WINA) หรือสมาคมบะหมี่สำเร็จรูปโลก พบว่าอัตราการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อหัวของผู้บริโภคชาวไทยอยู่ที่ประมาณ 45 ซองต่อปี เป็นอัตราที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเกาหลีอยู่ที่ 72 ซอง หรือแม้กระทั่งเวียดนามที่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปประมาณ 55 ซองต่อปี ดังนั้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจึงยังมีโอกาสในการเติบโตอีกสูง
ในปัจจุบันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปประเภทอูด้ง ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาด ทุ่มงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงาน และไลน์การผลิตอูด้งสด เหนียวนุ่ม สไตล์ญี่ปุ่นแบรนด์ “ลัคกี้ มี” แห่งแรกในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักคือวัยทำงาน อายุ 25-35 ปี มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในเมืองด้วยความเร่งรีบและต้องการอาหารสำเร็จรูปที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม
นายเว็นเซสเลา วี ซานโตส กล่าวต่อว่า ในวันนี้บริษัทฯ พร้อมนำเสนออูด้งสดตำรับญี่ปุ่นให้กับผู้บริโภคคนไทยทั้งหมด 2 รสชาติ คือ รสเทมปุระ ซุปใส สไตส์ญี่ปุ่น และรสต้มยำกุ้ง ซุปต้มยำน้ำข้นขนานแท้ หอมเครื่องสมุนไพรไทย โดยมีจุดเด่นคือเป็นเส้นอูด้งสด เหนียวนุ่ม ซึ่งไม่ผ่านการทอด จึงไม่มีโคเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัว ลัคกี้ มี จึงเป็นทางเลือกให้กับคนรุ่นใหม่ ให้ได้รับประทานอาหารคุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึง โดยจำหน่ายลัคกี้ มี อูด้ง แบบถ้วยราคา 49 บาท และ ลัคกี้ มี อูด้ง แบบซองราคา 39 บาท
ส่วนกลยุทธ์ทางการตลาดได้เตรียมงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท เน้นจัดแคมเปญโปรโมชั่นรวมถึงการประชาสัมพันธ์ และโฆษณาในทุกช่องทาง, กิจกรรมฟู้ด ทรัค ในย่านธุรกิจทั่วกรุงเทพฯ ในวันจันทร์-ศุกร์ และป็อป อัพมาร์เก็ตต่างๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ตลอดทั้งปี
โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 200 ล้านบาท เติบโตปีละ 30-40% และมีส่วนแบ่งทางการตลาด ของบะหมี่แบบถ้วย 3.5% โดยคาดว่าภายใน 5 ปี “ลัคกี้ มี” จะมียอดขายสูงถึง 1,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาด 5%
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ “ลัคกี้ มี” มีวางจำหน่ายแล้วที่ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, เดอะมอลล์, แฟมิลี่ มาร์ท, วิลล่า ซูเปอร์มาร์เก็ต, ฟู้ดแลนด์, ยูเอฟเอ็ม, อิเซตัน, โตคิว และซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป และจะมีจำหน่ายที่ 7-11, บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส เร็วๆนี้
[ข่าวประชาสัมพันธ์]