จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับอิเวนต์สุดบ้า MAD Meet Up 2 ซึ่งภายในงานทั้งร้อนฉ่าและบ้าเกินพิกัดสุด ๆ ตั้งแต่ Session ความรู้ด้าน Advertising และ MarTech จัดเต็ม 3 Session ที่เราสรุปรวมมาให้ทุกคนแล้วในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น มัดรวม 10 MAD Mid-Year Trends 2024 (MarTech & Advertising) by Content Shifu & AD ADDICT
- More Martech Tools Being Used : Martech ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะกลายเป็นปัจจัยหลักในหลายธุรกิจ
- Native AI-Embedded Tools : หลายปีมานี้มีการนำ AI เข้ามา Embedded มากขึ้น ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุก ๆ Martech ต้องมี
- First-party Data Martech is Mandatory : หลังจากที่ Google ประกาศยกเลิกการใช้ Third-Party Cookie ทำให้ First-Party Data กลายเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในแวดวง Martech ดังนั้นสิ่งที่ธุรกิจต้องโฟกัสคือ ระบบหลังบ้าน หรือ CRM เพื่อเก็บ Data เหล่านั้น
- Local Martech Providers Strike Back : Martech ในไทยเติบโตและแข่งขันกันมากขึ้น ไม่ว่าจะระบบ CRM สำหรับ B2B อย่าง R-CRM, Jubili by Bulik, Wisible หรือ Venio และอีกหลายประเภทที่ส่งเสริมธุรกิจ
- P… is for Pioneer : 5Ps คือกลยุทธ์สำคัญเพื่อการใช้งาน Martech ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบด้วย Planning & Strategy, People, Preocess, Platform และ Pioneer หรือผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยกำหนดทิศทางขององค์กรในยุคดิจิทัล
- Digital Ads Still Growing : จากรายงาน Thailand Digital Spending 2024 ของ สมาคมสโฆษณาดิจิทัล (DAAT) และคันทาร์ (ประเทศไทย) คาดว่าปี 2024 จะมีการเติบโตของการลงทุนในสื่อโฆษณาดิจิทัลอยู่ที่ 31,558 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 8% จากปีที่แล้ว โดยเฉพาะ TikTok
- AI as a gimmick is outdated : Generative AI คือเครื่องมือที่เข้ามามีบทบาทมาก ๆ ในวงการโฆษณา โดยที่ผ่านมาหลายแบรนด์หยิบสิ่งนี้มาใส่ในแคมเปญ เพื่อเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ แก่ผู้บริโภค แถมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย
- Niche is the new mainstream : เทรนด์เรื่อง Niche Market กำลังมาแรงในช่วงนี้ ไม่ว่าจะแบรนด์ต่างประเทศอย่าง Coca-Cola ที่มีการใช้ Fandom Marketing ทำแคมเปญกับ K-POP รวมไปถึงอนิเมะ และภาพยนตร์เรื่องดัง ยังไม่รวมแบรนด์แฟชั่น Carnival ที่คอลแลบส์กับแบรนด์ดังฝั่งไทย ปล่อยเสื้อยืดคอลฯ พิเศษแบบลิมิเต็ด
- New Mediums are always emerging : เพราะการพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้วงการโฆษณามีการเกิดขึ้นของสื่อใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งสื่อออฟไลน์อย่าง ป้ายติดท้ายรถ และบนรถตุ๊กตุ๊ก, แบนเนอร์โฆษณาบนแอปฯ เดลิเวอรี
- Idea & Storytelling are still core : จำนวนโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น ย่อมหมายถึงปริมาณคอนเทนต์ต่อวันที่มากขึ้นตามไปด้วย หน้าที่ของนักการตลาดและโฆษณาจึงต้องดูดดึดความสนใจด้วย “Idea & Storytelling” ที่แปลกใหม่และเฉียบคมกว่าเดิม
Martech จะเปลี่ยนไปอย่างไรในยุค ‘Cookieless’ by PRIMO & ANGA
หลังจาก Google ประกาศยกเลิกการจัดเก็บ Third-Party Data ภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ คนในแวดวงเทคโนโลยีจึงต้องหันมาเก็บข้อมูลผ่าน First-Party Data กันมากขึ้น แต่ก็ติดเรื่องของ Data Privacy ดังนั้นสกิลด้าน Technical จึงจำเป็นมากขึ้นสำหรับการผสานการทำงานในโลกการตลาดเข้ากับเทคโนโลยีนั่นเอง
‘Agile Marketing’ กลยุทธ์เอาชนะด้วย 3 หัวใจหลักที่ต้องปรับตัวให้ว่อง
- Agile Marketing : การตลาดแบบคิดแคมเปญย่อย ๆ มาตอบโจทย์ตามกลุ่ม Segmentation ที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เกิด ‘Personalization at Scale’ ตามมา เพื่อเก็บข้อมูล 1st Party-Data ได้ต่อไป
- Agile Marketer : นักการตลาดต้องเพิ่มทักษะให้เป็นเหมือนลูกครึ่ง ‘นักวิทยาศาสตร์-นักวิเคราะห์’ คิดการตลาดให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม พร้อมใช้เครื่องมืออุดรอยรั่วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Agile Software Development : เสริมการพัฒนาในฝั่งของ Software ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ไม่ได้จบแค่การวางแผนโปรแกรมแค่ครั้งเดียว
วงการโฆษณาจะเปลี่ยนไปอย่างไรในยุค ‘Cookieless’ by Burger King Thailand, Youngster BKK และ I-dac Bangkok
วงการโฆษณาก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน เมื่อการเก็บ Data & Insights ยากขึ้น นักการตลาดและนักโฆษณาจึงต้องสร้างสรรค์กลยุทธ์เพื่อให้เก็บ First-Party Data เช่น
CTA : ทุก ๆ โฆษณาต้องมี Call to Action (CTA) เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าแทน Third-Party Data
Personalize Contents : เพื่อทำให้คนเฉพาะกลุ่ม Engage และเก็บข้อมูลรวมถึง Insights
Performance Measurement : ปรับการวัดผลให้สอดคล้องกับข้อมูลจาก First-Party Data
ภายในงาน Burger King, Youngster BKK และ I-dac Bangkok ยังแชร์ Case Study น่าสนใจด้วย
Burger King : แคมเปญ “ไก่ทอดหาดใหญ่ โคตรหอมเจียว” ใส่ความเป็นแบรนด์เข้าไป Local Culture เช่น รถตุ๊กตุ๊ก เพื่อสร้างภาพจำและกระแสจาก Offline สู่ Online ให้แบรนด์เก็บข้อมูลของลูกค้าได้โดยตรง
Youngster BKK : แคมเปญ “ฉัน มั่น หน้า” การตลาดแบบ Personalize ลงไปยังบุคคล รวมถึงแคมเปญ “#ขอโทษที่ชื่อมิสทิน” เพื่อแก้ไข Pain Point ว่าคนใช้มิสทินแต่ไม่กล้าบอกใครว่าใช้ ทำให้เกิดกระแสจนสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ Mistine ใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นด้วย
I-dac Bangkok : ใช้พลังของเทคโนโลยี ลงลึกในการเก็บข้อมูลระดับ Scale ผ่าน 3 องค์ประกอบ คือ Data & Audience Insights, AI-Powered Creative Tools และ Base Assets, Copy, Audio มาใช้งานร่วมกัน เพื่อประมวลออกมาเป็น Customized Ads ที่ตอบโจทย์แต่ละบุคคล ซึ่งจะทำให้วัดผลลัพธ์ได้ถูกจุดมากขึ้น
มากกว่าความรู้ดี ๆ ที่มีให้แบบจัดเต็มแล้ว ภายในงานยังมีช่วง Networking Party ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่เหล่าคนทำงานในสายดิจิทัลได้มาเจอและสานสัมพันธ์ ภายใต้ธีมชุมครอบคลุมความเป็นทะเลที่แต่งมาประชันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ดื่มด่ำกับดนตรีสด และ Mini Game สุดปั่น และกิจกรรม Lucky Draw ที่แจกของรางวัลเด็ด ๆ จาก TikTok, iQiYi, CREATIVE TALK, MITCON, Digital Tips, Major Cineplex, SUITCUBE, Eventpop และ Rolling Loud ตั้งแต่ต้นจนจบงานเลยทีเดียว
งานนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าขาดผู้ร่วมงานและผู้สนับสนุนใจดีอย่าง PRIMO, Burger King, ANGA, OneTouch, Rolling Loud, U Drink I Drive, CREATIVE TALK, MITCON, Eventpop, Major Cineplex, SUITCUBE และ Digital Tips รวมถึงผู้สนับสนุนทุก ๆ ท่าน ที่มาร่วมสร้างประสบการณ์สุดบ้าในครั้งนี้
สำหรับใครที่กดบัตรรอบนี้ไม่ทันก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะ MAD Meet Up จะกลับมาบ้าด้วยกันอีกครั้งในช่วงสิ้นปี 2024 เตรียมวอร์มนิ้วรอตั้งแต่ตอนนี้ได้เลย ส่วนจะเป็นธีมอะไรนั้น ฝากติดตามกันไว้ให้ดี ๆ งานนี้มีเซอร์ไพรส์แน่นอน !