การเลิกจ้างของบริษัทเทคฯ เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้นำมาตีแผ่ในสื่ออย่างกว้างขวางในช่วงพักหลัง โดยเฉพาะหลังกลุ่มหุ้นเทคฯ พากันกอดคอร่วงกันอย่างสนุกสนาน ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Layoffs.fyi แสดงให้เห็นว่าการเลิกจ้างแบบคลื่นใหญ่ ไม่ได้เริ่มจนกว่าครึ่งหลังของ 2022
ในช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม มี startups และบริษัทเทคฯราว ๆ 170 แห่งในสหรัฐฯ เลิกจ้างพนักงาน หากเทียบกับเพียงแค่ 20 ในช่วงครึ่งแรกของปี ซึ่งคาดว่าปัจจัยหลักมากจากค่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวอย่างรุนแรง
แบรนด์ดัง ๆ ที่เป็นที่รู้จัก เช่น Tiktok และ Twitter ในช่วงเดือนกรกฎาคมก็ได้เลิกจ้างพนักงานไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะทาง Twitter ที่มีข่าวว่านาย Elon Musk อาจซื้อกิจการเป็นอีกปัจจัยกระตุ้น จึงก่อให้เกิดคลื่นของการเลิกจ้างภายใน Twitter ไปเยอะพอควร ส่วนแบรนด์อื่น ๆ ที่เป็นที่น่าจับตามอง อย่าง Rivian แบรนด์รถไฟฟ้าคู่แข่งของ Tesla ที่แบ็คโดย Amazon ก็ได้มีการเลิกจ้างไป 840 คน โดยให้เหตุผลว่าโลกกำลัง “ปรับตัวอย่างรุนแรง”
ส่วนบริษัทใหญ่อื่น ๆ ที่เป็นที่รู้จักของหลายคนทั่วโลก เช่น Netflix เลิกจ้างไปประมาน 450 คน Paypal ประมาน 83 คน และที่น่าตกใจที่สุดคือ Snap Inc. เจ้าของแอป Snapchat ได้รีพอร์ตไว้โดย The Verge ว่ามีแผนจะเลิกจ้างประมาน 20% ของทั้งหมด เทียบเป็นประมาณ 1,300 คน
อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือที่เกี่ยวข้องกับกระแส “คริปโต” ที่ได้มีหลายโปรเจกต์โดนโจมตีโดยเหล่า Hacker ไปเยอะมาก และบริษัทดัง ๆ ในวงการคริปโต อย่าง neobroker Robinhood, OpenSea (แห่งซื้อขาย NFT) และเว็บเทรด Coinbase ได้เลิกจ้างมากกว่า 20% ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาก “คริปโตวินเทอร์” (ขาลงของคริปโต)
ทั้งหมดที่ได้กล่าวไปนั้น ได้เห็นว่าการชะลอการจ้างงานหรือเลิกจ้างไปเลย เป็นวิธีการต่อสู้กับการขยับตัวสูงขึ้นของ “เงินเฟ้อ” และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ “ค่อนข้างเป็นที่น่ากังวล”
อ้างอิง:
Statista