ในห้วงเวลาที่กระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดกระหน่ำไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเศรษฐกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่แปรผันอย่างรวดเร็ว บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ไม่ได้มองความท้าทายเหล่านี้เป็นอุปสรรค หากแต่เป็น “โอกาส” ครั้งสำคัญที่จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดครั้งใหม่
กางโรดแมป 3 ปี เจาะฐานลูกค้า
การประกาศแผนกลยุทธ์ระยะ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2568-2570 ของ CRC ภายใต้แคมเปญ “New Heights, Next Growth” จึงเปรียบเสมือนการเปิดบทใหม่ของ Central Retail ที่พร้อมจะพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งให้ก้าวไกลยิ่งกว่าเดิม ด้วยงบลงทุนมหาศาลกว่า 45,000 – 47,000 ล้านบาท และเป้าหมายการเติบโตของรายได้ต่อปีประมาณ 5% แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะขยายอาณาจักรธุรกิจให้ครอบคลุมทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี
นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ของ คุณสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CRC ที่เข้ามารับตำแหน่ง โดยมองว่า “การทำธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นับเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก แต่ Central Retail ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง เรามองความท้าทายเหล่านี้เป็นโอกาส และเป็นแรงขับเคลื่อนให้ Central Retail คิดใหม่และทำใหม่ (Rethink & Reset)”

โดยกลยุทธ์นี้จะมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมแกร่งให้กับการทำงานในทุกมิติขององค์กร ทั้งในแง่การเสริมศักยภาพให้บุคลากร เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงทำให้เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าได้ลึกกว่าเดิม เพราะผู้บริโภคในทุกวันนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มองหาประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุ้มค่า สะดวก ง่าย และรวดเร็ว
สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นโจทย์ให้ Central Retail มุ่งตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าให้ได้ทั้งในช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์บน Central Retail ของเราที่มีความยืดหยุ่น แข็งแกร่ง และพร้อมปรับตัว เพื่อก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการปรับตัวและการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไป
5 แกนหลักของกลยุทธ์บุกตลาด
ภายใต้กลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” จะประกอบไปด้วย 5 แกนหลักสำคัญ ที่จะพลิกโฉมศักยภาพขององค์กรไปสู่การเติบโตครั้งใหม่ เปรียบได้กับเสาหลักค้ำจุนอาคารแห่งความสำเร็จที่ Central Retail กำลังจะบุกตลาดตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีนี้
การเปิดประตูใจลูกค้า (Reinforce Customer Focus) เสาหลักแรกเป็นการมุ่งมั่นที่จะเข้าใจและเข้าถึงลูกค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เนื่องจากการสร้างความผูกพันกับลูกค้าเป็นรากฐานของความสำเร็จ นั่นทำให้ Central Retail เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งไปกับโปรแกรม The 1 Loyalty ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกผู้ภักดีกว่า 26 ล้านรายทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม
การรุกตลาดในรูปแบบดังกล่าวช่วยตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์ม Loyalty ที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่ม Young & Mainstream ซึ่งเป็นกำลังซื้อสำคัญในอนาคต และเจาะลึกไปถึงกลุ่มลูกค้า B2B เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในวงกว้าง การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งผ่านข้อมูลจาก The 1 จะช่วยให้ Central Retail สามารถนำเสนอประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ตรงใจและสร้างความภักดีในระยะยาว
รากฐานที่มั่นคงเพื่อการเติบโต (Strengthen CRC Foundation) การเติบโตที่ยั่งยืนย่อมต้องมาจากรากฐานที่แข็งแกร่ง Central Retail จึงให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจห้างสรรพสินค้า ทั้งในด้านยอดขายและกำไร ควบคู่ไปกับการขยายและปรับปรุงสาขาให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีการเพิ่มสาขาของ Tops อีก 25-30 แห่ง จากปัจจุบัน 175 สาขา และไทวัสดุอีก 13-16 แห่ง จาก 86 สาขา
ในขณะที่ Department Stores จะมีการเปิดใหม่ 1-2 สาขา และรีโนเวท 4-6 สาขา ใน่สวนของ Robinson Lifestyle ซึ่งปัจจุบันมี 28 สาขา จะเปิดเพิ่มอีก 2-3 สาขา และปรับปรุง 5-7 สาขา นอกจากนี้ในประเทศเวียดนามห้าง GO! และ mini go! ที่เน้นเข้าถึงชุมชนจะมีการเปิดสาขาใหม่รวมกันกว่า 16-21 สาขา พร้อมปรับปรุงอีก 18-23 สาขา
ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการเร่งนำ AI เข้ามาเสริมแกร่งในทุกมิติของการดำเนินงาน ตั้งแต่การรวมแพลตฟอร์มต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อมอบประสบการณ์ Omnichannel ที่ไร้รอยต่อ ไปจนถึงการผลักดันยอดขายออนไลน์ให้เติบโตแบบ Double Digit อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเท่านั้น Central Retail ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจ Food และ Mall ในเวียดนามอย่างเต็มที่ ซึ่งครอบคลุมถึง 26 จังหวัดของเวียดนามในปัจจุบัน รวมถึงการสร้างสรรค์ Store Format ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเชิงลึกในแต่ละพื้นที่
เดินหน้าเสริมสร้างการเติบโต
จุดประกายการเติบโตใหม่ (Expedite New Growth) โดย Central Retail ไม่ได้หยุดอยู่แค่ธุรกิจหลักเดิมๆ หากแต่มองหา “New Growth Engine” เพื่อสร้างการเติบโตที่ก้าวกระโดด โดยเฉพาะ GO WHOLESALE ซึ่งมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็น Top HORECA และ Food Service Destination ด้วย 5 กลยุทธ์หลัก
- การขยาย Private Labels เพื่อเพิ่มอัตรากำไร
- การเป็นผู้นำด้านสินค้าสดใหม่ (Always Fresh-Forward)
- การขยายสาขา GO WHOLESALE เพิ่มอีก 12-18 สาขาภายใน 3 ปี (2568-2570)
- การพัฒนา New Store Concept
- Fulfillment Store ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจอาหารโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ Central Retail ยังได้เร่งขยายเครือข่ายธุรกิจของ Auto1 ซึ่งถือเป็น Full Service One-Stop Car Care Destination ด้วยการเร่งเปิดสาขาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10 สาขาต่อปี เพื่อให้ครอบคลุมในทำเลศักยภาพทั่วประเทศ โดยจะเน้นบริการคุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ และช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงบริการตรวจเช็คสภาพรถฟรี บริการซ่อมบำรุงครบวงจรตั้งแต่ยางรถยนต์ไปจนถึงระบบปรับอากาศ และจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ระดับโลก
พลังแห่งความร่วมมือ (Scale Synergy) เนื่องจากในเครือเซ็นทรัลมีส่วนงานอยู่มากมาย Central Retail จึงมุ่งเน้นการสร้าง “Synergy” ทั้งในองค์กรและบริษัทในเครือเซ็นทรัลทั้งหมด โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดขาย ผลักดันการทำงานร่วมกันของพนักงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และบริหารจัดการพื้นที่ขายให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ด้วยโมเดล Mix-used และ Hybrid Retail Store
ด้วยแนวทางนี้จะช่วยให้ Central Retail สามารถใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของธุรกิจได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จากขนาดกลุ่มธุรกิจเพื่อร่วมมือกับแบรนด์หรูชั้นนำ การจัดแคมเปญการตลาดข้ามธุรกิจใน Robinson Lifestyle Malls หรือการบริการ Auto1 ถึงบ้านสำหรับลูกค้า CPN และ Robinson Lifestyle
บริหารการเงินอย่างชาญฉลาด (Disciplined Financial Management) ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การบริหารจัดการทางการเงินอย่างรอบคอบและมีวินัยคือหัวใจสำคัญ Central Retail จะมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่าย ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ปรับแผนการลงทุนให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ และบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากกลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” ของ Central Retail จะเน้นการเติบโตทางธุรกิจในระยะเวลา 3ปีแล้ว หากแต่ยังคงยึดมั่นในหลักการ “เติบโตอย่างยั่งยืน” โดยได้ผสานปรัชญาการดำเนินธุรกิจ CRC Care 7 มิติ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกแผนงาน สะท้อนความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป้นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการเติบโตระยะยาว ภายใต้เป้าหมายการก้าวสู่องค์กร Net Zero ภายในปี 2593 และสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม
โดย คุณสุทธิสาร กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “ด้วยแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ Central Retail มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งในทุกมิติภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการขยายศักยภาพองค์กร เสริมสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอกย้ำภาพผู้นำตลาดค้าปลีกและค้าส่งอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”
ถือเป็นก้าวใหม่ภายใต้การดูแลของผู้บริหารใหม่ที่ Central Retail กำลังจะสร้างขึ้นบนเส้นทางธุรกิจ ที่ไม่เพียงแต่เป็นการเติบโตขององค์กร แต่ยังรวมถึงการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคมและผู้คนด้วย