ถอดสูตรจากคนที่ประสบความสำเร็จ active สมองด้วย 5 วิธีง่ายๆ ฝึกเป็นคนอยากรู้อยากเห็น และสร้าง passion ได้เร็ว!

  • 1.5K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

เข้าสู่ปี 2021 อย่างเต็มตัว การเตรียมความพร้อมสำหรับปีใหม่นี้นอกจากจะโฟกัสที่ร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอๆ ซึ่งจำเป็นมากสำหรับยุค COVID-19 ที่ยังต้องลุยกันต่อ การลับคมสมองให้ปราดเปรื่องสำหรับนักคิด คนทำงาน ผู้ประกอบการ หรือใครก็ตาม ก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นเดียวกัน

อย่างที่ ‘ซามูเอล จอห์นสัน’ (Samuel Johnson) นักเขียนชาวลอนดอนผู้โด่งดังของโลก เคยพูดเอาไว้ว่า “ความอยากรู้อยากเห็น เปรียบเสมือนเป็นสิ่งแรกและสิ่งสุดท้ายของ passion คนเรา” เขายังพูดถึง business environment ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ หรือแม้แต่คนที่คลุกคลีอยู่กับวงการธุรกิจ ‘never stop learning’ (การที่ไม่หยุดเรียนรู้) คือคุณสมบัติชั้นหนึ่งที่ต้องมี และควรมี

ไหนๆ ก็ปีใหม่แล้ว ‘การเปลี่ยนแปลง(ที่ดีขึ้น)’ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรลองทำ อย่างน้อยๆ ก็มีเป้าหมายชัดเจนว่าปีใหม่นี้เราจะทำอะไรบ้าง ดังนั้น เราลองมาดู 5 วิธีการที่จะทำให้สมองของเราตื่นตัวอยู่เสมอในการเริ่มต้นใหม่นี้ดีกว่า บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด!

 

Deliberately foster curiosity

คล้ายๆ กับเป็นการเพิ่มนิสัย ‘ความอยากรู้อยากเห็น’ สร้างให้เป็นนิสัยโดยธรรมชาติของเรา โดยมีผลการทดลองได้ลองแบ่งกลุ่มคนวัยทำงาน 200 คนในหลากหลายอาชีพ โดยกลุ่มแรกให้ลองฝึกตั้งคำถาม ‘ทำไม’ ทุกวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มที่ 2 ให้พิจารณางานและผลลัพธ์ของงานตัวเองทุกวัน (โดยไม่สนใจเรื่องอื่นรอบข้าง)

ผลที่ได้ก็คือ เรื่องความสร้างสรรค์ ความคิดเชิงนวัตกรรม ความคิดเชิงนอกกรอบ และแนวทางการแก้ปัญหา สำหรับกลุ่มแรกได้คะแนนประเมินสูงกว่า

ดังนั้น การพัฒนาสมองให้แอคทีฟและสร้างสรรค์อยู่บ่อยๆ จำเป็นต้องฝึกความอยากรู้อยากเห็นเข้าไปด้วย และตั้งคำถามบ่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้คำตอบทุกครั้งที่เราสงสัยก็ตาม ลองทำตามดูก็ได้ เช่น ก่อนเริ่มต้นการประชุมทุกครั้ง เราควรลองตั้งคำถามที่เริ่มต้นด้วย ‘ทำไม’ ก่อนเสมอ เป็นการเริ่มต้นฝึกตัวเองง่ายๆ

 

 

Read books — lots of them

เคยได้ยินคนพูดกันบ่อยๆ มั้ยว่า “คนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัด” พอได้ยินแบบนี้แล้วมันน่าเศร้าเหมือนกันนะ แต่มีผลวิจัยยืนยันหลายที่จริงๆ ว่าเป็นแบบนั้น ดังนั้น ไหนๆ ก็เริ่มต้นปีใหม่แล้ว ลองเปลี่ยนตัวเองดูสักหน่อยดีมั้ย

เริ่มจากการอ่านหนังสือ ลองเริ่มตั้งเป้าหมายดูว่า ใน 1 เดือนเราน่าจะอ่านหนังสือได้กี่หน้า และขยับเป็นกี่เล่ม เป็นต้น ซึ่งรู้หรือไม่ว่าคนอเมริกันที่เรามักจะเห็นว่าอยู่ที่ไหนก็ตามพวกเขาจะอ่านหนังสือได้ตลอดเวลาจริงๆ ซึ่งผลวิจัยพิสูจน์แล้วว่า เฉลี่ยแล้วคนอเมริกันอ่านหนังสือ 1 เล่ม(ใหญ่) ต่อ 1 ปี

แต่ที่น่าตกใจคือ สำหรับ CEO หลายๆ คนพวกเขาอ่านหนังสือกันเฉลี่ยแล้ว 5 เล่ม ต่อ 1 เดือน มาลองดูกันว่ามี CEO คนไหนบ้างที่ประสบความสำเร็จมากๆ จากนิสัยการชอบอ่านหนังสือของพวกเขา

Warren Buffett, Bill Gates, Mark Zuckerberg และ Mark Cuban มหาเศรษฐีคนอเมริกันที่มักจะคุ้นเคยในสื่อโทรทัศน์ของสหรัฐฯ และเป็นนักลงทุน พวกเขาเหล่านี้อ่านหนังสือมากถึง 4-7 เล่มต่อเดือน (เฉลี่ย 5 เล่มต่อเดือน)

 

Credit: creative-cartoon/Shutterstock

อย่างที่ Warren Buffett เคยพูดอยู่บ่อยๆ ว่า หนึ่งในนิสัยที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จขนาดนี้ เพราะว่าเขารักการอ่านมาก และการอ่านมากๆ ได้ความรู้เยอะๆ ทำให้เขาตัดสินใจลงทุนใน Columbia Business School จากการอ่านหนังสือเรื่องการลงทุนทุกวัน วันละ 500 หน้า

ที่สำคัญมากๆ เขาบอกด้วยว่า “การอ่านจากหนังสือดีกว่าอ่านในมือถือ เพราะอย่างน้อยๆ คุณสามารถโฟกัสกับการอ่านได้ 100% โดยไม่มีสิ่งรบกวนอื่นเข้ามา”

 

Going back to class

ไม่มีใครแก่เกินเรียน คำพูดนี้ยังเป็นเรื่องจิงเสมอ ยิ่งในสมัยนี้การเรียนการหาความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา บางทีเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปในชั้นเรียนจริงๆ ก็ได้ เพราะในปัจจุบันมีทั้ง YouTube, Podcast หรือ คอร์สความรู้ต่างๆ ทางออนไลน์ ให้เราสามารถล็อกชั่วโมงการเรียนด้วยตัวเอง แบบไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบการงาน

หรือแม้แต่งานสัมมนา หรือการประชุมร่วมหลายๆ งานที่อนุญาตให้คนข้างนอกเข้าร่วมงานได้แบบฟรีๆ ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งความรู้ที่อยู่รอบตัวเราเช่นกัน

อย่างที่ Scott Lee ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มการเรียนรู้สำหรับผู้ใหญ่ Gooroo ได้พูดว่า จุดเริ่มต่นที่ก่อตั้งบริษัทเพราะเขาหลงใหลความรู้ที่มันไม่มีวันจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เช่น JavaScript หรือ Adobe Photosho สกิลเหล่านี้ล้นจำเป็นทั้งนั้นสำหรับชีวิตการทำงาน

 

 

Find fulfillment in the mundane

นักจิตวิทยา Kou Murayama เคยใช้วิธีง่ายๆ ให้คนกลุ่มหนึ่งลองทำในสิ่งที่ไม่ถนัดมาก่อน แต่เป็นเรื่องเล็กๆ แม้แต่การเรียงตัวอักษร (ใช้ความจำและความประณีต) ผลปรากฏว่า พวกเขา 90% ที่ทดสอบสนุก และรู้สึกอยากลองทำสิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

วิธีแบบนี้แม้ว่าจะทำในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างวันก็ตาม แต่สิ่งที่ช่วยก็คือ มุมเล็กๆ ที่พวกเขาได้ลองทำด้วยตัวเอง ไม่มี ‘คำสั่ง’ มาเป็นแรงกดดัน คิดว่าเป็นเกมสนุกๆ ระหว่างวันทำงานแค่นั้น แต่ที่ต้องปรับ mindset กันก่อนก็คือ คนในกลุ่มนั้นๆ ที่อยากลองเล่นเกมเหล่านี้ต้อง ‘เต็มใจ – อยากลอง – เปิดใจ’ ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ถนัดก่อนด้วย

ที่จริงผลลัพธ์อยากการทดลองเรื่องนี้ Kou Murayama พูดว่า การพัฒนาสมอง หรือการพยายามทำให้ active อยู่เสมอ ลึกๆ แล้วคนเราต้องการมีส่วนร่วมในสังคมทั้งนั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไร เพียงแต่ทุกๆ สิ่งต้องเกิดจากความพอใจที่จะทำ สิ่งกระตุ้นภายนอกจะทำงานได้แต่ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะสิ่งกระตุ้นภายใน (ตัวเอง) ต้องทำงานก่อนเสมอ

 

Listen, listen, listen … and then keep listening

เชื่อว่าทุกคนน่าจะชอบการฟังกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเพลง ฟังรายการเฉยๆ บางทีตาก็ไม่ได้มองตลอดเวลาหรอก แต่ฟังในความหมายของ CEO หลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จ ก็คือ ฟังในสิ่งที่ได้ประโยชน์ ฟังในสิ่งใหม่ๆ ฟังให้เป็นนิสัย เช่น ฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษแม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด หรือ ฟังวิธีการเล่นหุ้นทุกวัน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม 5 นิสัยที่เราควรฝึกทำบ่อยๆ ที่พูดมาข้างบนนี้ ท้ายที่สุดแล้วมันต้องมีพื้นฐานมาจาก ‘ความอยากรู้อยากเห็น – แรงจูงใจ’ มากพอที่จะเป็นรงขับให้เราพาตัวเองไปสู่สิ่งที่ดีๆ อย่างน้อยๆ ความคล่องไว ความเร็ว ลงมือทำก่อนเสมอไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้ รวมไปถึง การสร้าง passion ใหม่ๆ ลุกขึ้นสู้ได้เร็ว เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของคนที่ประสบความสำเร็จเสมอ

 

 

ที่มา: entrepreneur

 


  • 1.5K
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม