ขอแนะนำ AirPods เจเนอเรชั่นใหม่ หูฟังไร้สายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกที่ดีขึ้นอีกในวันนี้

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

 

AirPods ใหม่มาพร้อมระบบเสียงตามตำแหน่งและเสียงระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น และดีไซน์แบบใหม่หมด

วันนี้ Apple® ประกาศเปิดตัว AirPods® รุ่นที่ 3 พร้อมระบบเสียงตามตำแหน่ง คุณสมบัติขั้นสูงและประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ในดีไซน์ใหม่แบบโค้งมน การผสมผสานระหว่างพลังของชิป H1 เข้ากับดีไซน์อะคูสติกที่ออกแบบโดย Apple ทำให้ AirPods ใหม่สามารถมอบประสบการณ์การฟังสุดล้ำพร้อม EQ แบบปรับได้เองด้วยการใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะได้เพลิดเพลินกับระบบเสียงตามตำแหน่งที่มาพร้อม Dolby Atmos ใน Apple Music®, ภาพยนตร์ และรายการทีวีพร้อมด้วยการติดตามศีรษะแบบไดนามิกบนอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple AirPods ใหม่นั้นมีความสามารถในการทนเหงื่อและน้ำ ทั้งยังมาพร้อมเซ็นเซอร์แรงกดเพื่อการควบคุมเพลงและการโทรที่ง่ายดายและเป็นธรรมชาติอีกด้วย อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นทำให้สามารถฟังได้นานถึง 6 ชั่วโมง1 และฟังได้นานถึง 30 ชั่วโมงด้วยเคสชาร์จที่ใช้งานสะดวก AirPods (รุ่นที่ 3) เข้าร่วมในตระกูลหูฟังที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าวว่า “AirPods ได้เปลี่ยนแปลงหูฟังไร้สายไปตลอดกาลด้วยดีไซน์สุดล้ำ เสียงอันน่าทึ่ง และประสบการณ์ที่มหัศจรรย์” “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เปิดตัว AirPods เจเนอเรชั่นใหม่พร้อมประสบการณ์ด้านเสียงที่ไม่มีใครเทียบเท่าด้วย EQ แบบปรับได้เองและระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกรวมไปถึงการโต้ตอบอย่างราบรื่นระหว่างอุปกรณ์ Apple ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้หูฟังที่ขายดีที่สุดในโลกยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นอีก”

 

AirPods ใหม่มาพร้อมระบบเสียงตามตำแหน่งและเสียงระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น และดีไซน์แบบใหม่หมด

 

ดีไซน์ใหม่หมด

ดีไซน์ใหม่ของ AirPods นั้นมีน้ำหนักเบาและมาในรูปทรงโค้งมน แล้วยังทำมุมได้ลงตัวพอดีกับหู ทำให้ทั้งใส่สบายและเสียงเข้าสู่หูของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ก้านยังสั้นกว่ารุ่นก่อนหน้าเพื่อมอบลุคที่ดูเรียบง่ายยิ่งขึ้น และมาพร้อมเซ็นเซอร์แรงกดแบบเดียวกับ AirPods Pro® เพื่อการควบคุมที่ง่ายดาย AirPods ใหม่นั้นมีความสามารถในการทนเหงื่อและน้ำที่ระดับ IPX4 สำหรับทั้งหูฟังและเคสชาร์จ2

 

คุณสมบัติด้านเสียงสุดล้ำ

AirPods (รุ่นที่ 3) พัฒนาขึ้นจากคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยมซึ่งเป็นเรื่องที่ AirPods ขึ้นชื่ออยู่แล้ว โดยเริ่มจากไดรเวอร์แบบเฉพาะและตัวขยายสัญญาณที่มีช่วงไดนามิกสูงที่ทำงานร่วมกันเพื่อถ่ายทอดเสียงเบสอันทรงพลังพร้อมด้วยเสียงสูงที่คมชัดและใสสะอาด ไมโครโฟนหุ้มด้วยผ้าตาข่ายอะคูสติกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากลม เสียงของผู้พูดจึงดังชัดเจนระหว่างคุยโทรศัพท์ AirPods ยังมาพร้อม AAC-ELD ซึ่งเป็นตัวแปลงสัญญาณเสียงพูดที่เหนือชั้นเพื่อมอบคุณภาพเสียงระดับ Full HD การโทรแบบ FaceTime® จึงฟังชัดเจนและเป็นธรรมชาติเสมอ

AirPods ใหม่ใช้ระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อนำประสบการณ์ล้ำสมัยที่ลูกค้าชื่นชอบบน AirPods Pro และ AirPods Max™ อย่าง EQ แบบปรับได้เองและระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกมามอบให้กับผู้ใช้จำนวนมากขึ้น

AirPods ใหม่มาพร้อมคุณสมบัติ EQ แบบปรับได้เองที่จะปรับเสียงให้เข้ากับหูของคุณแบบเรียลไทม์ เพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่สมบูรณ์แบบพร้อมรายละเอียดที่เต็มอิ่ม ไมโครโฟนที่หันเข้าด้านในจะคอยตรวจสอบเสียงที่ผู้ใช้ได้ยิน จากนั้น EQ แบบปรับได้เองซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบเสียงที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์จะปรับแต่งเสียงต่ำและกลางเพื่อชดเชยรายละเอียดที่อาจหายไปจากระดับความกระชับที่ต่างกัน

ระบบเสียงตามตำแหน่งจะทำให้เสียงอยู่ล้อมรอบตัวผู้ใช้เพื่อสร้างประสบการณ์การฟังแบบสามมิติที่เหมือนในโรงภาพยนตร์ และเมื่อมาพร้อม Dolby Atmos ด้วยแล้ว บอกเลยว่า นี่จะเป็นเสียงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยได้ยินจาก AirPods ผู้ใช้ยังสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์แบบหลายมิติด้วยการติดตามศีรษะแบบไดนามิกที่จะทำให้เพลง วิดีโอ และแม้แต่การโทร FaceTime แบบกลุ่มให้ความรู้สึกสมจริงยิ่งกว่าที่เคย การใช้อัลกอริทึมระบบเสียงตามตำแหน่งขั้นสูงและการใส่ฟิลเตอร์กำหนดทิศทางเสียงเพื่อปรับความถี่ที่หูแต่ละข้างอย่างแนบเนียนทำให้ผู้ใช้ AirPods ใหม่ได้ยินเสียงแบบโอบล้อมรอบตัว

 

ผู้ใช้ AirPods สามารถเพลิดเพลินกับ Dolby Atmos ใน Apple Music และระบบเสียงตามตำแหน่งที่มาพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกบนอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple

 

ประสบการณ์อันมหัศจรรย์

ผู้ใช้สามารถตั้งค่าด้วยการแตะครั้งเดียวเพื่อจับคู่ AirPods กับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ โดยอัตโนมัติ จากนั้นก็เพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้ตลอดทั้งวัน คุณสมบัติ “การแชร์เสียง” ช่วยให้ผู้ใช้แชร์สตรีมเสียงระหว่าง AirPods, AirPods Pro หรือ AirPods Max สองคู่ได้ง่ายๆ บน iPhone®, iPad®, iPod touch® หรือ Apple TV®

เซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนังแบบใหม่จะสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างหูกับพื้นผิวอื่นๆ อย่างกระเป๋าเสื้อหรือโต๊ะได้อย่างแม่นยำ และจะหยุดเล่นชั่วคราวเมื่อ AirPods ไม่ได้อยู่ในหู นอกจากนี้ไมโครโฟนแบบบีมฟอร์มมิ่งจะช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้างออกและโฟกัสที่เสียงของผู้ใช้เพื่อช่วยให้เสียงชัดเจนขึ้น และผู้ใช้ยังเพลิดเพลินกับประสบการณ์แบบแฮนด์ฟรีได้ด้วยการพูดว่า “หวัดดี Siri” เพื่อขอให้ Siri ช่วยทำสิ่งต่างๆ

 

การตั้งค่าด้วยการแตะครั้งเดียวจะช่วยจับคู่ AirPods กับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ โดยอัตโนมัติ

 

แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น

AirPods (รุ่นที่ 3) มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้า 1 ชั่วโมง โดยสามารถใช้ฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมงและสนทนาได้นานสูงสุด 4 ชั่วโมง การชาร์จเพียง 5 นาทีจะทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง และใช้ฟังได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อชาร์จในเคสชาร์จอีก 4 รอบ3 และวันนี้ AirPods ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ MagSafe เพื่อการชาร์จแบบไร้สายที่สะดวกสบายอีกด้วย

 

AirPods พร้อมด้วย iOS และ iPadOS

AirPods มาพร้อมความสะดวกสบายและคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม และด้วย iOS 15 และ iPadOS 15 ผู้ใช้ยังสามารถเพลิดเพลินกับคุณสมบัติต่อไปนี้ได้ด้วย

  • ระบบเสียงตามตำแหน่งและการติดตามศีรษะแบบไดนามิกทำให้เสียงพูดขณะโทร FaceTime แบบกลุ่มฟังเหมือนกับว่าทิศทางของเสียงมาจากตำแหน่งที่ผู้พูดอยู่บนหน้าจอจริงๆ และเหมือนกับว่าทุกคนอยู่ในห้องเดียวกัน4
  • คุณสมบัติ “การอ่านการแจ้งเตือน” ทำให้ Siri® สามารถอ่านการแจ้งเตือนที่สำคัญได้ทันที รวมถึงการเตือนจากแอปข้อความ เตือนความจำ ปฏิทิน และการโทร รวมถึงแอปของบริษัทอื่นๆ ที่ใช้ API นี้ด้วย
  • และตอนนี้ AirPods ยังเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายค้นหาของฉันที่ประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์, iPhone, iPad และ Mac® หลายร้อยล้านเครื่องทั่วโลก ผู้ใช้จึงสามารถดูมุมมองที่บอกระยะความใกล้ในแอปค้นหาของฉันและโหมดสูญหาย ทั้งยังรับการแจ้งเตือนหาก AirPods อยู่นอกระยะหรือทำให้ AirPods ส่งเสียงได้ด้วย
AirPods (รุ่นที่ 3) มาพร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นและการชาร์จแบบไร้สายที่สะดวกสบายด้วย MagSafe

 

Apple กับสิ่งแวดล้อม

AirPods ได้รับการออกแบบด้วยวัสดุและคุณสมบัติมากมายที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการใช้โลหะหายากที่ผ่านการรีไซเคิล 100 % ในแม่เหล็กทุกชิ้น แม้แต่เคสก็ยังใช้ดีบุกรีไซเคิล 100% ในบัดกรีแผงวงจรหลัก และอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ในบานพับ นอกจากนี้ AirPods ยังปราศจากสารที่อาจเป็นอันตราย เช่น ปรอท, BFR, PVC และเบริลเลียมอีกด้วย ระบบที่ชาร์จแบตเตอรี่ของ AirPods เป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวงพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกาเพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมการลดปริมาณขยะเป็นศูนย์หรือ Zero Waste Program ของ Apple ช่วยกำจัดขยะที่ซัพพลายเออร์จะต้องส่งมายังพื้นที่ฝังกลบ และไซต์งานของซัพพลายเออร์ที่ดำเนินการประกอบขั้นสุดท้ายทั้งหมดกำลังเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในการผลิตผลิตภัณฑ์ของ Apple นอกจากนี้เยื่อไม้ใหม่ทั้งหมดในบรรจุภัณฑ์ยังมาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ

วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของลูกค้า การชาร์จ จนถึงการรีไซเคิลและการคัดแยกวัสดุ

 

ราคาและการวางจำหน่าย

  • AirPods (รุ่นที่ 3) จะวางจำหน่ายในราคา 6,790 บาท โดยจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
  • AirPods (รุ่นที่ 2) จะวางจำหน่ายในราคาใหม่ที่ 4,990 บาท
  • วันนี้ AirPods Pro มาพร้อมเคสชาร์จ MagSafe ในราคาเดิมที่ 8,992 บาท
  • สมาชิกใหม่สามารถใช้ Apple Music ได้ฟรี 6 เดือน เมื่อซื้อ AirPods, AirPods Pro หรือ AirPods Max รุ่นใดก็ได้5
  • AirPods ต้องใช้กับอุปกรณ์ Apple ที่ใช้ iOS 15.1, iPadOS 15.1, watchOS® 8.1, tvOS® 15.1 หรือ macOS® Monterey ซึ่งทั้งหมดจะพร้อมให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีในสัปดาห์หน้า
  • ลูกค้าสามารถเพิ่มการสลักข้อความส่วนตัวด้วยอิโมจิ ข้อความ และตัวเลขลงบนเคสสำหรับ AirPods Pro, AirPods (รุ่นที่ 3) และ AirPods (รุ่นที่ 2) ได้ฟรีที่ apple.com/th/store หรือในแอป Apple Store
  1. ฟังได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมงเมื่อเปิดระบบเสียงตามตำแหน่ง
  2. AirPods รุ่นที่ 3 ผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ของห้องปฏิบัติการที่ได้รับการควบคุม และมีการป้องกันอยู่ที่ระดับ IPX4
  3. ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่แตกต่างกันไปตามการใช้งาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ apple.com/th/batteries
  4. มีให้ใช้งานบน iPhone และ iPad ที่มีชิป A12 Bionic และใหม่กว่า และ Mac รุ่นต่างๆ (ปี 2018 หรือใหม่กว่า)
  5. เฉพาะสมาชิกใหม่เท่านั้น 129 บาทต่อเดือนหลังหมดช่วงทดลองใช้ฟรี แผนบริการจะมีการต่ออายุโดยอัตโนมัติจนกว่าจะยกเลิก อาจมีการใช้ข้อจำกัดและข้อกำหนดอื่นๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ apple.com/th/promo

 


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •