ทำไม “Niantic” จึงต้องสร้าง “Harry Potter : Wizard Unite” AR เกมใหม่ ออกมาขยี้ความสำเร็จ “Pokemon Go”

  • 90
  •  
  •  
  •  
  •  

Harry Potter Wizard Unite

เคยปั้นเกม Pokemon Go ให้ฟีเวอร์ไปทั่วโลกมาแล้ว ถึงตอนนี้ ผู้พัฒนาอย่าง Niantic ก็เดินแต้มต่อด้วยการเปิด Harry Potter : Wizard Unite” เกมใหม่ที่หยิบเรื่องราวและคาแรกเตอร์จากภาพยนตร์ที่โด่งดังและมีแฟน ๆ ทั่วโลก อย่าง Harry Potter มาเป็นความบันเทิงแบบ AR บนมือถือ

นอกจากความใหม่! ที่ผู้พัฒนาได้หยิบเอาภาพยนตร์อย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ มาลงจอมือถือ แท็บเล็ต เพื่อเสิร์ฟความบันเทิงแก่ผู้คนทั่วโลกแล้ว ยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจและ Marketing Oops! ก็อยากชวนทุกท่านวิเคราะห์ไปด้วยกัน ว่า “อะไร…จะทำให้ Harry Potter : Wizard Unite สามารถเดินตามเส้นทางความสำเร็จ ได้เหมือนที่ Pokemon Go เคยทำไว้”

“Niantic” เป็นเจ้าของเดียวกัน ทั้ง 2 เกม!

อย่างที่บอกไปแล้วว่า ทั้งเกม Harry Potter : Wizard Unite และ Pokemon Go นั้น พัฒนาโดย Niantic ซึ่งต้องยอมรับว่าเกม Pokemon Go สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ของการเล่นเกมก็ว่าได้ กับภาพผู้คนทั้งยืน นั่ง เดิน รวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อจับเหล่าโปเกมอนที่ออกมาโลดแล่นในโลเคชั่นหลากหลายด้วยเทคโนโลยี Location Based ใช้สถานที่จริงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเล่นเกม จำได้ว่าทั่วโลกต่างเกิดสถานการณ์แปลก! มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุบัติเหตุและผลกระทบอันเกิดจากการเล่นเกมดังกล่าว หากถามว่าทำไม Pokemon Go จึงส่งผลกระทบในวงกว้างได้มากมายขนาดนั้น คำตอบที่ดีที่สุดก็คือ “ยอดดาวน์โหลดมากกว่า 500 ล้านครั้ง” ทั้งบน iOS และ Android โดยเปิดให้บริการมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงผู้เล่นจำนวนมหาศาล และยังเป็นเครื่องการันตีชั้นยอดว่า Pokemon Go คือเกมที่ฮอตฮิตสุด ๆ ในยุคนึง แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ในประเทศไทยก็ยังมีกลุ่มแฟน ๆ ที่เล่นเกมนี้อยู่ ยกตัวอย่างสถานที่ที่เห็นอยู่เป็นประจำก็คือ “สวนลุมพินี” ซึ่งนอกจากจะมีผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายแล้ว เราก็จะเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก้มหน้าก้มตากดมือถืออย่างตั้งใจเพื่อเล่นเกม Pokemon Go ด้วย

Harry Potter Wizard Unite 01
หน้าตาภายในเกม Harry Potter Wizard Unite
Harry Potter Wizard Unite 02
ออกไปเล่นเกม Harry Potter Wizard Unite กันเถอะ

กลับมาที่เกม Harry Potter แน่นอนว่านอกจากจะพัฒนาโดยบริษัทเดียวกันแล้ว ลักษณะของเกมใหม่นี้ก็มีความคล้ายคลึงกันอีกด้วย โดยเป็นเกม AR แนว Location Based เหมือนกัน ผู้เล่นจึงต้องออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ (สถานที่จริง) เพื่อทำภารกิจภายใต้การสวมบทบาทจัดการความวุ่นวายต่าง ๆ ซึ่งก่อนหน้าจะเปิดให้ชาวไทยดาวน์โหลดได้ทั้งบน iOS และ Android (ตั้งแต่ 23 มิ.ย.) ก็มีการเปิดให้บริการล่วงหน้าในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ เป็นต้น แน่นอนว่า…อนาคตต้องขยายการให้บริการไปในอีกหลายประเทศ ซึ่งตามตัวเลขที่สื่อต่างประเทศอ้างอิง ระบุว่าเกมใหม่นี้เปิดให้บริการแล้วเกือบ 150 ประเทศ

เพราะ “ไทยแลนด์” เป็นดินแดนแห่ง “เกมเมอร์”

เป็นที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง กับการที่ “ไทย” ถือเป็นกลุ่มประเทศแรก ๆ ของโลกที่ผู้พัฒนาเลือกเปิดให้บริการ เชื่อว่าสาเหตุหนึ่งอาจมาจากการที่คนไทยนิยมเล่นเกมอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะเกมบนมือถือ และกระแสความนิยมในกีฬาอีสปอร์ตก็มากขึ้นเรื่อย ๆ สอดคล้องกับสถิติช่วงปลายปี 2018 ซึ่งพบว่า “จากจำนวนผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตของไทยราว 45 ล้านคนนั้น มีจำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดยกว่า 42 ล้านคน และในกลุ่มดังกล่าวก็เป็น “เกมเมอร์” ถึง 19 ล้านคน” โดยตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมถึงคอมมูนิตี้ด้านเกมและอีสปอร์ตอื่น ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้คนในแวดวงนี้มากถึง 30 ล้านคน

และแม้ว่าเกมดังกล่าว จะเป็นเกมออนไลน์ที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือและ GPS พร้อม ๆ กัน ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้มือถือแน่นอน เพราะอีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ “พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยนั้น สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกซะอีก” นั่นหมายความว่า ถึงจะเป็นเกมที่จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตประกอบการเล่นอยู่ตลอด คนไทยก็พร้อมเพื่อความบันเทิง!

ดึงความสำเร็จจาก “Pokemon Go” ต่อยอดกับ “แฟน Harry Potter”

ถึงแม้รูปแบบของทั้ง 2 เกม จะมีความคล้ายคลึงกันในหลายส่วน ทั้งการเป็น AR การใช้เทคโนโลยี Location Based รวมถึงรูปแบบการเล่นเกมที่มีพื้นฐานลักษณะเดียวกัน นั่นชวนให้คิดไปในแนวทางเดียวว่า…Niantic ต้องการใช้ฐานความสำเร็จจากเกมก่อนหน้า ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายมาต่อยอดเข้ากับฐานแฟนภาพยนตร์ Harry Potter ที่มีอยู่ทั่วโลกเช่นกัน เพราะทั้ง Pokemon Go และ Harry Potter ล้วนเป็นต้นแบบความสำเร็จที่สามารถสร้างฐานผู้ติดตามและมีผู้ชื่นชอบกระจายอยู่ทั่วโลกอย่างแท้จริง นี่จึงเป็นเสมือนหนึ่งใน “เส้นทางกอบกู้ความฮิต” ให้กลับมาอยู่กับเกมภายใต้การพัฒนาของ Niantic อีกครั้ง

รวมถึงการ “ต่อยอด รายได้” จากการขายไอเทมต่าง ๆ ภายในเกม โดย Pokemon Go เคยสร้างโมเดลความสำเร็จเอาไว้ ในฐานะ “แอปที่ทำรายได้สูงสุด” หลังจากเปิดใช้งานเพียง 74 วัน กับตัวเลข 440 ล้านเหรียญสหรัฐ (จากทั้ง App Store และ Google Play) ขณะที่ ความสำเร็จของ Harry Potter : Wizard Unite ก็เริ่มฉายแววแล้วเช่นกัน! โดยเราพบข้อมูล (ณ วันที่ 24 มิ.ย.) ว่า “ยอดดาวน์โหลดผ่าน Google Play มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านครั้งแล้ว” นี่ยังไม่รวมถึงการรายงานความสำเร็จของสื่อต่างประเทศ ที่ระบุว่าเกมใหม่นี้สามารถทำรายได้ไปแล้ว 300,000 เหรียญสหรัฐ ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงที่เริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ ส่วนสถิติที่ Pokemon Go เคยทำไว้ใน 24 ชั่วโมงแรก นั้นสูงถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว!!!


  • 90
  •  
  •  
  •  
  •  
Ms.นกยูง
เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน เราก็ไม่ควรหยุดเรียนรู้... ชวนคุณมาทำความรู้จักหลากหลายเรื่องราว ทั้งสาระและสีสันบนโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน