เคยปั้นเกม Pokemon Go ให้ฟีเวอร์ไปทั่วโลกมาแล้ว ถึงตอนนี้ ผู้พัฒนาอย่าง Niantic ก็เดินแต้มต่อด้วยการเปิด “Harry Potter : Wizard Unite” เกมใหม่ที่หยิบเรื่องราวและคาแรกเตอร์จากภาพยนตร์ที่โด่งดังและมีแฟน ๆ ทั่วโลก อย่าง Harry Potter มาเป็นความบันเทิงแบบ AR บนมือถือ
นอกจากความใหม่! ที่ผู้พัฒนาได้หยิบเอาภาพยนตร์อย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ มาลงจอมือถือ แท็บเล็ต เพื่อเสิร์ฟความบันเทิงแก่ผู้คนทั่วโลกแล้ว ยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจและ Marketing Oops! ก็อยากชวนทุกท่านวิเคราะห์ไปด้วยกัน ว่า “อะไร…จะทำให้ Harry Potter : Wizard Unite สามารถเดินตามเส้นทางความสำเร็จ ได้เหมือนที่ Pokemon Go เคยทำไว้”
“Niantic” เป็นเจ้าของเดียวกัน ทั้ง 2 เกม!
อย่างที่บอกไปแล้วว่า ทั้งเกม Harry Potter : Wizard Unite และ Pokemon Go นั้น พัฒนาโดย Niantic ซึ่งต้องยอมรับว่าเกม Pokemon Go สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ของการเล่นเกมก็ว่าได้ กับภาพผู้คนทั้งยืน นั่ง เดิน รวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อจับเหล่าโปเกมอนที่ออกมาโลดแล่นในโลเคชั่นหลากหลายด้วยเทคโนโลยี Location Based ใช้สถานที่จริงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเล่นเกม จำได้ว่าทั่วโลกต่างเกิดสถานการณ์แปลก! มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุบัติเหตุและผลกระทบอันเกิดจากการเล่นเกมดังกล่าว หากถามว่าทำไม Pokemon Go จึงส่งผลกระทบในวงกว้างได้มากมายขนาดนั้น คำตอบที่ดีที่สุดก็คือ “ยอดดาวน์โหลดมากกว่า 500 ล้านครั้ง” ทั้งบน iOS และ Android โดยเปิดให้บริการมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงผู้เล่นจำนวนมหาศาล และยังเป็นเครื่องการันตีชั้นยอดว่า Pokemon Go คือเกมที่ฮอตฮิตสุด ๆ ในยุคนึง แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ในประเทศไทยก็ยังมีกลุ่มแฟน ๆ ที่เล่นเกมนี้อยู่ ยกตัวอย่างสถานที่ที่เห็นอยู่เป็นประจำก็คือ “สวนลุมพินี” ซึ่งนอกจากจะมีผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายแล้ว เราก็จะเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก้มหน้าก้มตากดมือถืออย่างตั้งใจเพื่อเล่นเกม Pokemon Go ด้วย
กลับมาที่เกม Harry Potter แน่นอนว่านอกจากจะพัฒนาโดยบริษัทเดียวกันแล้ว ลักษณะของเกมใหม่นี้ก็มีความคล้ายคลึงกันอีกด้วย โดยเป็นเกม AR แนว Location Based เหมือนกัน ผู้เล่นจึงต้องออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ (สถานที่จริง) เพื่อทำภารกิจภายใต้การสวมบทบาทจัดการความวุ่นวายต่าง ๆ ซึ่งก่อนหน้าจะเปิดให้ชาวไทยดาวน์โหลดได้ทั้งบน iOS และ Android (ตั้งแต่ 23 มิ.ย.) ก็มีการเปิดให้บริการล่วงหน้าในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ เป็นต้น แน่นอนว่า…อนาคตต้องขยายการให้บริการไปในอีกหลายประเทศ ซึ่งตามตัวเลขที่สื่อต่างประเทศอ้างอิง ระบุว่าเกมใหม่นี้เปิดให้บริการแล้วเกือบ 150 ประเทศ
เพราะ “ไทยแลนด์” เป็นดินแดนแห่ง “เกมเมอร์”
เป็นที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง กับการที่ “ไทย” ถือเป็นกลุ่มประเทศแรก ๆ ของโลกที่ผู้พัฒนาเลือกเปิดให้บริการ เชื่อว่าสาเหตุหนึ่งอาจมาจากการที่คนไทยนิยมเล่นเกมอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะเกมบนมือถือ และกระแสความนิยมในกีฬาอีสปอร์ตก็มากขึ้นเรื่อย ๆ สอดคล้องกับสถิติช่วงปลายปี 2018 ซึ่งพบว่า “จากจำนวนผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตของไทยราว 45 ล้านคนนั้น มีจำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดยกว่า 42 ล้านคน และในกลุ่มดังกล่าวก็เป็น “เกมเมอร์” ถึง 19 ล้านคน” โดยตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมถึงคอมมูนิตี้ด้านเกมและอีสปอร์ตอื่น ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้คนในแวดวงนี้มากถึง 30 ล้านคน
และแม้ว่าเกมดังกล่าว จะเป็นเกมออนไลน์ที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือและ GPS พร้อม ๆ กัน ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้มือถือแน่นอน เพราะอีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ “พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยนั้น สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกซะอีก” นั่นหมายความว่า ถึงจะเป็นเกมที่จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตประกอบการเล่นอยู่ตลอด คนไทยก็พร้อมเพื่อความบันเทิง!
ดึงความสำเร็จจาก “Pokemon Go” ต่อยอดกับ “แฟน Harry Potter”
ถึงแม้รูปแบบของทั้ง 2 เกม จะมีความคล้ายคลึงกันในหลายส่วน ทั้งการเป็น AR การใช้เทคโนโลยี Location Based รวมถึงรูปแบบการเล่นเกมที่มีพื้นฐานลักษณะเดียวกัน นั่นชวนให้คิดไปในแนวทางเดียวว่า…Niantic ต้องการใช้ฐานความสำเร็จจากเกมก่อนหน้า ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายมาต่อยอดเข้ากับฐานแฟนภาพยนตร์ Harry Potter ที่มีอยู่ทั่วโลกเช่นกัน เพราะทั้ง Pokemon Go และ Harry Potter ล้วนเป็นต้นแบบความสำเร็จที่สามารถสร้างฐานผู้ติดตามและมีผู้ชื่นชอบกระจายอยู่ทั่วโลกอย่างแท้จริง นี่จึงเป็นเสมือนหนึ่งใน “เส้นทางกอบกู้ความฮิต” ให้กลับมาอยู่กับเกมภายใต้การพัฒนาของ Niantic อีกครั้ง
รวมถึงการ “ต่อยอด รายได้” จากการขายไอเทมต่าง ๆ ภายในเกม โดย Pokemon Go เคยสร้างโมเดลความสำเร็จเอาไว้ ในฐานะ “แอปที่ทำรายได้สูงสุด” หลังจากเปิดใช้งานเพียง 74 วัน กับตัวเลข 440 ล้านเหรียญสหรัฐ (จากทั้ง App Store และ Google Play) ขณะที่ ความสำเร็จของ Harry Potter : Wizard Unite ก็เริ่มฉายแววแล้วเช่นกัน! โดยเราพบข้อมูล (ณ วันที่ 24 มิ.ย.) ว่า “ยอดดาวน์โหลดผ่าน Google Play มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านครั้งแล้ว” นี่ยังไม่รวมถึงการรายงานความสำเร็จของสื่อต่างประเทศ ที่ระบุว่าเกมใหม่นี้สามารถทำรายได้ไปแล้ว 300,000 เหรียญสหรัฐ ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงที่เริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ ส่วนสถิติที่ Pokemon Go เคยทำไว้ใน 24 ชั่วโมงแรก นั้นสูงถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว!!!