นอกจากคนไทยจะใช้โซเชียลมีเดียมากจนติดอันดับต้น ๆ ของโลกแล้ว อินเทอร์เน็ตบนมือถือยังถูกใช้ไปกับ “การชมคอนเทนต์” นานหลายชั่วโมงต่อวันอีกด้วย จากสถิติล่าสุดที่ Tencent ประเทศไทย เปิดเผยพฤติกรรมการรับชมวิดีโอผ่านแพลตฟอร์ม Tencent Video ซึ่งให้บริการในประเทศจีน อาทิ…
– Tencent Video มีผู้ใช้งานสูงถึง 200 ล้านคนต่อวัน
– หากคิดเป็นการใช้งานต่อเดือน ตัวเลขผู้ใช้งานจะอยู่ที่ 550 ล้านคนต่อเดือน นั่นหมายถึงจำนวนประชากรเกือบครึ่งของจีน…กำลังใช้งานแพลตฟอร์มนี้
– ส่วนยอด Subscirbers อยู่ที่ 89 ล้านคน ใช้เวลามากกว่า 100 นาทีต่อวันเพื่อรับชม
– ความนิยมในการติดตามคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มดังกล่าว ทำให้ Tencent ตัดสินใจผลิตคอนเทนต์เองไปแล้วไม่ต่ำกว่า 80 เรื่องในปีที่ผ่านมา
จากเทรนด์ดังกล่าว ประกอบกับพฤติกรรมเสพติดการดูวิดีโอของคนไทย ทำให้ Tencent ประเทศไทย จึงต่อยอดแพลตฟอร์ม Tencent Video จากจีนมาสู่เมืองไทยอย่างเป็นทางการในชื่อ “WeTV” เพื่อให้บริการสตรีมมิ่งผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ด้วยความมั่นใจว่า “ในปีนี้จะขึ้นเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของกลุ่มผู้ให้บริการ OTT ให้ได้” จากการนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพและบริการที่ดี เพราะเห็นโอกาสจากเทรนด์ VDO Streaming ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อีกมาก
– ปี 2018 จำนวนผู้ใช้เน็ตบนมือถือมีมากถึง 4,000 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งมี 973 ล้านคน ที่ใช้งานแอปพลิเคชันดู VDO
– การใช้งานกระจายอยู่ในทวีปต่าง ๆ แต่ตัวเลขในเอเชียมีเพียง 14.6% นั่นหมายถึงโอกาสอีกมากที่ซ่อนอยู่
– คนไทยใช้เน็ต เฉลี่ย 9 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งแต่ละวันได้แบ่งเวลาราว 3.44 ชั่วโมงให้การดู VDO อีก 3.11 ชั่วโมงหมดไปกับการเล่นโซเชียลมีเดีย และการฟังเพลงอีก 1.30 ชั่วโมง
ยึดโมเดล “Freemium” มั่นใจคนดู “ยอมจ่าย” เพื่อหนัง – ซีรีย์
หลังจาก Soft Launch มาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้ ทำให้ Tencent ประเทศไทย ได้ข้อมูลจากฐานผู้ใช้งานกลุ่มแรก ว่า 80% เป็นผู้หญิง อายุเฉลี่ย 18 – 34 ปีถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่เข้ามาใช้งาน (ประมาณ 70%) และใช้เวลาอยู่ภายในแพลตฟอร์มราว 80 นาทีต่อวัน โดย 3 หมวดคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ โรแมนติกคอมเมดี้, หนังย้อนยุค, แอคชั่นแฟนตาซี
เรื่องนี้ คุณกฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผู้จัดการ Tencent ประเทศไทย ขยายความว่า แนวคิดธุรกิจของ WeTV ยังคงเป็นบริการแบบ Freemium เช่นเดียวกับธุรกิจของ JOOX เพราะเราเชื่อว่าคนยอมจ่ายค่าสมาชิก VIP เพื่อดูคอนเทนต์ที่ชอบในแบบไม่มีโฆษณา ไม่เหมือนการฟังเพลงที่สามารถฟังฟรีได้ และเมื่อรวมกับจุดเด่นจาก Tencent Video ในฐานะแพลตฟอร์มแข็งแกร่งจากจีน เชื่อว่า WeTV จะสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมจากปัจจุบันที่มากถึงหลักแสนคนต่อวันได้ เพื่อขยับสู่เป้าหมายการเป็น Top 3 ของอุตสาหกรรม ซึ่งอาจต้องมีจำนวนผู้ชมสูงถึง 500,000 คนต่อวัน
เฟ้นพาร์ทเนอร์ ประเดิม 3 รายแรก จูงมือต่อยอดความสำเร็จ
เป้าหมายการเป็นผู้นำเบอร์ 1 ใน 3 ของตลาด เป็นเกมที่ WeTV จะต้องเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง ทั้งเรื่องคอนเทนต์และพาร์ทเนอร์ โดย Tencent ประเทศไทย ประเดิมเกมแรกด้วยการคัดสรรพาร์ทเนอร์เจ้าของคอนเทนต์ที่มั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์แฟน ๆ ได้ดีอย่าง ช่อง one31 ค่าย gdh และ D insight ในการนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพและสดใหม่ด้วยการออกอากาศพร้อมกันทั้งจีนและไทย พร้อมปรับตัวรับกับพฤติกรรมการรับชมโทรทัศน์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนสู่เทรนด์ออนไลน์ ขณะเดียวกัน Tencent ประเทศไทย ก็ตั้งเป้าผลิตคอนเทนต์ละครไม่ต่ำกว่า 2 เรื่องให้ได้ในปี 2020 ส่วน gdh ก็เตรียมต่อยอดความสำเร็จจากภาพยนตร์ฉลาดเกมส์โกงสู่รูปแบบซีรีย์อีกด้วย
นอกจากก้าวแรกในการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ 3 รายแรก Tencent ประเทศไทย ยังประกาศเปิดกว้างในการเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับเจ้าของคอนเทนต์รายอื่น ๆ รวมถึงผู้ให้บริการลักษณะเดียวกัน ภายใต้แนวคิดที่ต้องการสร้างความแข็งแกร่งทางคอนเทนต์และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจจากการนำเสนอคอนเทนต์แก่ผู้ชมทั้งชาวไทยและชาวจีนบน Tencent Video
“ตอนนี้คอนเทนต์ของเรามีซีรีย์ หนัง ละคร และอนิเมะ โดยมีคอนเทนต์จีนมากที่สุดประมาณ 60% ไทย 20% เกาหลี 10% และอเมริกา 5% สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ชมในช่วงนี้ซึ่งพบว่าเป็นแฟนหนังจีน จึงสะท้อนความสำเร็จของซีรีย์เรื่องอุ่นไอในใจเธอ ซึ่งได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนชาวไทย จากการจัด Fan Meeting ของนักแสดงชื่อดัง “หยางหยาง” ก็มีแฟน ๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมนับพันคน ส่วนโมเดลธุรกิจนั้นบริษัทยังมั่นใจว่า WeTV จะเป็นบริการแบบ Freemium ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย เพราะมั่นใจว่าผู้บริโภคยินดีจ่ายเงินเพื่อรับชมคอนเทนต์ โดยราคาสมาชิกเริ่มต้นที่ 139 บาทต่อเดือน ซึ่งภายในไตรมาส 3 จะมีการออกแพ็กเกจสมาชิกโดย Bundle กับ JOOX เพื่อจูงใจการสมัครสมาชิกทั้ง 2 บริการ และในอนาคตจะมีการต่อยอดความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อุตสาหกรรมอื่น เช่น โอเปอเรเตอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค”
