[Case Study] Into The Storm สร้างโปสเตอร์พาพายุมาถล่มกลางซิดนีย์

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

cats

ก่อนหน้านี้ Pepsi MAX เคยทำแคมเปญ virtual reality ที่ป้ายรถเมล์โดยหลอกให้ผู้โดยสารที่มารอรถคิดว่าโลกกำลังถึงกาลอวสานจากหายนะภัยตรงหน้า แคมเปญนี้เจ๋งมากและได้รับกระแสตอบรับเชิงบวกจากลูกค้าท่วมท้น ล่าสุด Into The Storm หนังฮอลลีวูดก็นำคอนเซปต์นี้มาเลียนแบบโดยใช้ virtual reality billboard หลอกให้คนในมหานครซิดนีย์คิดว่าพายุกำลังบุกเมืองของพวกเขาอยู่

แคมเปญ

เอเจนซีที่รับผิดชอบคือ Grand Visual ที่เก่งเรื่องการทำโฆษณาแบบ augmented reality พวกเขานำคอนเซปต์ของหนัง Into The Storm ที่เกี่ยวกับหายนะจากพายุมาสร้างความฮือฮาโดยติด video screen ที่ป้ายรถเมล์ซึ่งปกติจะเป็นตำแหน่งที่บริษัทใช้โฆษณาโปสเตอร์หนังปกติ แต่ครั้งนี้จู่ๆ ป้ายโปสเตอร์ก็เปลี่ยนเป็นภาพวีดีโอที่ฉายภาพรถวิ่งอยู่ข้างหลังแต่มีพายุและรถยนต์ปลิ้วลอยว่อนอยู่กลางอากาศสร้างความตื่นเต้นให้ชาวซิดนีย์อย่างมาก

httpv://youtu.be/NnuUzYcUNvE

ใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ในการโฆษณา

นักโฆษณาต้องมั่นใจว่าการสื่อสารภายในเวลาไม่กี่วินาทีจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้บริโภคได้ ภาพกราฟฟิคอลังการและรถยนต์ปลิ้วว่อนของบิลล์บอร์ดอัจฉริยะอันนี้สร้างความประทับใจและส่งสารที่นักโฆษณาต้องการได้อย่างตรงจุด

พลังแห่งความรู้สึกของผู้ชม

โฆษณานี้กระตุ้นอารมณ์ที่มีอิทธิพลต่อการจดจำมาก หนึ่งคือความกลัว สองคือความสงสัย ความกลัวจะทำให้ผู้ชมตกใจและรีบดูให้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขณะที่ความสงสัยเกิดจากความไม่รู้ว่าเทคนิคแบบนี้ทำได้อย่างไร พวกเขาจะนำไปพูดต่อและเป็นเรื่องสนทนาระหว่างชั่วโมงพักหรือหลังเลิกงาน ฟันธงได้เลยว่าแคมเปญสร้างทั้งความกลัวและความสงสัยจะกลายเป็นไวรัลได้ในไม่ช้า

มันเป็นโฆษณาชั้นยอดหรือเปล่า?

ถึงเราจะชอบเทคโนโลยีล้ำยุคและความชาญฉลาดในการใช้แต่ก็อย่างที่บอกไปตอนแรก ไอเดียนี้ไม่ใหม่อีกแล้ว หากจะว่าไปโฆษณาในโลกปัจจุบันนี้เหมือนจะเริ่มหมุนทวนเข็มกลับมายังแนวทางเดิมๆ มากขึ้นเรื่อยๆ แนวโน้มที่จะปลุกผีแคมเปญที่ประสบความสำเร็จในอดีตกลับมาทำซ้ำมีสูงขึ้นเรื่อยๆ การใช้เทคโนโลยีมาช่วยสร้างสรรค์แคมเปญเป็นเรื่องดีแต่อย่างไรก็ตาม ไอเดียสดใหม่และน่าตื่นเต้นเป็นสิ่งที่เราต้องการมากกว่า

Source


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง