ไม่ว่าข้อความโฆษณา วีดีโอ รูปภาพ เสียง ฯลฯ จะฟังดูโน้มน้าวใจคนได้ดี แต่ถ้าข้อความไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ตอบโจทย์ให้คนดู คนฟังมีชีวิตที่ดีขึ้น คอนเทนต์นั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไร นั้นเป็นสาเหตุง่ายๆว่าทำไม Personalization ถึงแนวคิดที่นิยมในการทำธุรกิจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ชอบสินค้า บริการ ข้อเสนอและข้อความที่เราส่งออกไป
วันนี้เลยจะมาลิสต์ให้ดูกันว่าไอเดียในการทำ Personalization นั้นมีอะไรบ้าง
- ส่งโปรโมชั่นลดราคาให้ลูกค้าที่อ่อนไหวในเรื่องของราคาสินค้าและบริการ
- ส่งอีเมลโฆษณาไปหาสำหรับลูกค้าที่ค้นหาสินค้า เปิดดูรายละเอียดสินค้า หรือใส่ของลงตะกร้าออนไลน์แต่ไม่ชำระเงิน
- ส่งข้อความโฆษณา พร้อมข้อเสนอไปให้ลูกค้าเพื่อเตือนว่าสินค้าที่กำลังได้รับความนิยมนั้น มีของเข้ามาในสต็อกสินค้าแล้ว รวมถึงสินค้าที่กำลังจะหมดสต็อก
- ทำแคมเปญโฆษณาสำหรับวันหยุดพิเศษ หรือเทศกาลสำคัญๆ
- เริ่มบทสนทนากับลูกค้าตัวต่อตัว อย่าคิดว่าการเริ่มคุยตัวต่อตัวเป็นเรื่องที่ “ทำก็ดี ไม่ทำก็ไม่เสียหาย”
- ออกแบบคอนเทนต์และประสบการณ์ที่ปรากฎตามสื่อต่างๆ ให้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละคน โดยเฉพาะลูกค้าขาประจำ
- ทำคอนเทนต์ หรือโฆษณาส่งให้ลูกค้าแต่ละคน โดยดูจากของที่เคยซื้อ พฤติกรรมการเยี่ยมชมสินค้าบนเว็บไซต์ และปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์
- ตรวจสอบข้อมูลสินค้าที่ลูกค้าเข้าไปดูในเว็บไซต์บ่อยๆ แล้วดูว่าของพวกนั้นมีอะไรที่เหมือนกัน
- ทำนายสิ่งที่ลูกค้ามักจะทำก่อนสั่งซื้อสินค้า รวมถึงทำนายเวลาที่เหมาะสมในการติดต่อหาลูกค้า
- ทำนายหาลูกค้าที่มีแนวโน้มจะยกเลิกสมาชิก แล้วส่งข้อเสนอไปให้ลูกค้าคนนั้น
ทั้ง 10 ข้อนั้นก็เป็นไอเดียพื้นฐานสำหรับทำ Personalization ให้กับธุรกิจของเรา ซึ่งจะทำได้นั้น อย่างน้อยเราต้องเริ่มเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า (เราสามารถทำได้ตอนนี้เลย) ปรับแต่งข้อมูลให้อยู่ในสภาพที่พร้อมวิเคราะห์ แล้วถึงจะเอามาวิเคราะห์และทำนายแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้า หรือหาความเหมือนและแตกต่างของพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละรายหรือแต่ละกลุ่ม
การทำงานเกี่ยวกับข้อมูล เราต้องให้ระบบมาช่วยไม่ว่าจะเป็นซอฟท์แวร์ โปรแกรม รวมไปถึงคลาวน์ Search Engine ไปจนถึงเอา AI เข้ามาช่วยครับ
แหล่งอ้างอิงส่วนหนึ่งมาจาก How Vineyard Vines Use Analytics to WIn Over Customers โดย Dave Sutton จาก Strategic Analytics: Harvard Business Review