ในประเทศไทยเอง การนิยมทำ Growth Marketing นั้นยังไม่ได้รับความนิยมเท่ากับในต่างประเทศ เพราะหลาย ๆ ครั้งการทำ Growth Marketing นั้นจำเป็นต้องใช้มุมมองที่แตกต่างจากการตลาดแบบเดิม และใช้ข้อมูลกับกลยุทธ์ทางการตลาดหลาย ๆ อย่างที่ทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ ทำให้ Growth Marketing นั้นสามารถทำงานได้ผลขึ้นมาได้ ทั้งนี้ Growth Marketing นั้นมีข้อดีอย่างมากมายที่นักการตลาดควรเรียนรู้เอาไว้ใช้ในยุคนี้กัน
ด้วยการทำ Growth Marketing นั้นจะทำให้การตลาดของนักการตลาดนั้นมีประสิทธิภาพอย่างมาก ด้วยการหาช่องว่าง จุดอ่อน หรือโอกาสทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ออกมาผ่านข้อมูลและตัวเลขที่เก็บมา เพื่อนำมาสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นด้วยทรัพยากรที่เท่าเดิม ซึ่งทำให้วิธีการทำ Growth Marketing นั้นเหมาะกับในยุคนี้ที่เศรษฐกิจถดถอย และนักการตลาดหลาย ๆ คนที่ถูกตัดงบประมาณ แต่ยังต้องการประสิทธิผลที่เท่าเดิม หรือมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ Growth Marketing นั้นถูกพิสูจน์มาแล้วว่าใช้ได้จากการเติบโตของบริษัทดัง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Dropbox ที่ใช้ Social Sharing ในการเพิ่มยอดผู้ใช้ หรือ Airbnb ที่ใช้ Craiglist ในการสร้างยอดผู้มาพัก ทั้งนี้ในบทความนี้จะพานักการตลาดไปรู้จักประโยชน์ 5 ข้อของการทำ Growth Marketing
1. SEO : ด้วยการทำ Growth Marketing นี้ทำให้นักการตลาดที่กำลังทำ social media marketing และจ่ายเงินในการทำ PPC ขึ้นมา ด้วยข้อมูลที่เก็บมาได้เหล่านี้ จะทำให้เห็นว่าผู้คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายนั้นมีการตอบสนองต่อ Keyword ต่าง ๆ อย่างไร ด้วยการเข้าใจเช่นนี้ทำให้นักการตลาดนั้นสามารถนำ Keyword ที่สร้างประสิทธิภาพสูงสุดนั้นมาทำการต่อยอดต่อได้
ด้วยการใช้ Keyword เหล่านี้มาสร้าง SEO ต่อมาใน social media เพราะเป็นไปได้ว่าคนที่กำลังค้นหาอยู่ ก็น่าจะใช้ Keyword เดียวกันในการค้นหาผ่าน social media ทำให้เมื่อ Keyword ดังกล่าวมีการค้นหาที่เยอะบน Social media แล้วก็จะมีผลกลับมายังผลการค้นหาทั้งหมดโดยรวมด้วย ทำให้การทำเช่นนี้จะทำให้การทำ Content ของคุณนั้นมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
2. การจดจำแบรนด์ : ด้วยการทำแบรนด์ที่ดี ในการที่เข้าไปหาว่ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นั้นกำลังมีความต้องการอะไรอยู่ หรือกำลังมีปัญหาอะไร ย่อมทำให้แบรนด์ของคุณเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้ขึ้นมา ซึ่งเพื่อที่จะสามารถสร้างการจดจำนี้ได้ การเก็บข้อมูลของผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ในการที่เข้าไปดู Facebook หรือ Twitter ของผู้ที่ติดตามแบรนด์ว่ามีปัญหาหรือความต้องการอย่างไร มีไลฟ์สไตล์อย่างไร จนกระทั่งเข้าไปดูว่าคู่แข่งทำอะไรดีหรือไม่ดี
ด้วยการทำเช่นนี้จะทำให้คุณสามารถสร้างทางแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้ผู้บริโภคได้ หรือเข้าใจได้ว่าจะเข้าหาผู้บริโภคต่าง ๆ ที่เป็นเป้าหมายนี้ด้วยวิธีการอย่างไรขึ้นมา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Dollar Shave Club ที่สามารถเข้าไปแทรกตลาดมีดโกนหนวด และแก้ปัญหาของผู้บริโภคขึ้นมาได้
3. ทำแคมเปญเดิมให้ขยายผลใหญ่ขึ้น : การทำแคมเปญปกตินั้นมักจะจบลงโดยที่ไม่ได้ Data ผู้บริโภคอะไรกลับมามากมาย แต่ด้วยการทำ Growth Marketing นี้จะสามารถสร้างความแตกต่างต่าง ๆ ขึ้นมาได้มากมาย ด้วยการใช้ข้อมูลที่เก็บมาจากการทำ Leads เหล่านี้ มาหาว่าคนที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์นั้นมีพฤติกรรมอย่างไร มีการซื้อแบบไหน เพื่อที่จะนำมาวางแผนขยายผลต่อไปได้ว่าจะทำอย่างไรให้คนซื้อนั้นซื้อได้ง่ายมากขึ้น
ด้วยพลังของ data และการวิเคราะห์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาเป็นลูกค้านั้น จะสามารถเอา Data ที่เก็บมาจากการทำ Campaign นั้นสามารถนำมาหาผลประโยชน์สูงสุดได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถเอามาวัดว่าแคมเปญแบบไหนที่สร้างประสิทธิภาพสูงสุดกันนี้

4. ลดค่าใช้จ่ายโฆษณา : ด้วยการทำ Growth Marketing ที่นักการตลาดนั้นจะลงเงินไปกับ PPC อย่างมาก ยิ่งมือใหม่ในด้านการตลาด ยิ่งจะมีการใช้งบประมาณที่เยอะเกินไปใน PPC แต่ด้วยการทำ Growth Marketing ที่ดีนั้นจะสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านการทำ PPC ขึ้นมาได้ เพราะสามารถหาได้ว่า การทำ Campaign PPC แบบไหนที่จะได้ผลมากที่สุด และ Campaign แบบไหนที่ไม่จำเป็นต้องทำ ทำให้คุณจะมี ROI ที่ดีได้จาก Data เหล่านี้
5. ดึงดูดลูกค้าใหม่เข้ามา : Growth Marketing นั้นเป็นการใช้ข้อมูลต่าง ๆ จากลูกค้าที่เคยมีมา เพื่อมาหาลูกค้าใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ หรือจะใช้วิธีการที่คิดนอกกรอบออกไป ก็สามารถสร้างกลุ่มลูกค้าขึ้นมาใหม่ได้ทันที ทำให้ประหยัดทั้งแรงกายและงบประมาณในการที่ต้องไปแย่งชิงเค้กก้อนเดิมในตลาด มาหาเค้กก้อนใหม่แทน ด้วยการมีข้อมูลใหม่ ๆ ที่จะทำให้คุณวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้เหนือมากขึ้นไปอีก