นักการตลาดมักเป็นกลุ่มคนที่มักจะมีความมั่นใจในความคิดของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของนักการตลาดที่ต้องทำงานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดขึ้นมา ทำให้การทำงานจำเป็นต้องมีความเชื่อมั่น แต่ความเชื่อมั่นนี้มักจะมาไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งสามารถทำให้การตลาดล้มเหลวได้
ดังนั้นเพื่อให้ผลการทำการตลาดของนักการตลาดประสบความสำเร็จ นักการตลาดควรต้องยอมรับความจริงที่สำคัญเกี่ยวกับการตลาดให้ได้ ซึ่งนี่คือ 5 ข้อความจริงที่นักการตลาดควรยอมรับให้ได้
1. ไม่ใช่ทุก Campaign จะประสบความสำเร็จ : การตลาดนั้นมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสภาวะตลาดที่ไม่คงที่การเปลี่ยนแปลงของรสนิยมของลูกค้า หรือการปรากฏตัวของคู่แข่งรายใหม่ๆ แม้คุณจะทุ่มเทแรงกายและงบประมาณไปกับแคมเปญ แคมเปญนั้นก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป แม้คุณจะทำงานให้กับแบรนด์ใหญ่ที่มีงบประมาณการตลาดมหาศาลและทีมงานที่มีความสามารถ แต่ก็ยังสามารถแพ้ให้กับคู่แข่งเล็กๆ ได้ หรือแม้แต่ทำตามวิธีการที่ประสบความสำเร็จแล้วก็อาจจะไม่ได้ผล เพราะไม่มีใครสามารถเข้าใจตลาดได้ทั้งหมดหรือมีสูตรสำเร็จที่สามารถชนะใจลูกค้าได้ทุกครั้ง แต่ที่สำคัญคือ การพยายามเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวในแต่ละครั้งจะช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
2. ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายทุกคนที่คุ้มค่าแก่เข้าไป Engagement : แม้ว่าคุณจะมีกลุ่มเป้าหมายที่ดูเหมือนว่าเหมาะกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากลุ่มเป้าหมายนี่จะกลายเป็นลูกค้าประจำ กลุ่มเป้าหมายบางคนอาจซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณครั้งหนึ่งหรือ 2 ครั้ง แล้วก็ไปหาผลิตภัณฑ์อื่นกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้คือ “กลุ่มเป้าหมายส่วนน้อย” ซึ่งมักไม่ใช่ฐานลูกค้าที่สำคัญของคุณ ดังนั้นคุณไม่ควรทุ่มเททรัพยากรไปในการพยายามดึงดูด การเน้นที่กลุ่มเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงและเป็นลูกค้าประจำจะทำให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ไม่จะนำ Revenue ที่สม่ำเสมอเข้ามา และแถมอาจจะช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ของคุณให้กับคนรอบตัวอีกด้วย
3. Social Media ไม่ใช่ตัวช่วยวิเศษ : แม้ว่า Social Media จะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักการตลาดในปัจจุบัน แต่การพึ่งพา Social Media เพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่แนวทางการตลาดที่ยั่งยืนในระยะยาว การมีกลยุทธ์การตลาดที่ดี ควรมีความหลากหลายและครอบคลุมหลายช่องทาง เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลาย Touch point เพราะกลุ่มเป้าหมายไม่ได้ตัดสินใจซื้อจากการเห็นโฆษณาบน Social Media เพียงอย่างเดียว แต่ยังค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เช่น รีวิว หรือไปยังร้านค้าเพื่อลองผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง ดังนั้น การสร้าง Touch point หลายๆ ช่องทางเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ Buying Journey ของกลุ่มเป้าหมายราบรื่น
4. แบรนด์ของคุณคือสิ่งที่ลูกค้าบอกว่าเป็น : บ่อยครั้งนักการตลาดมักติดอยู่ใน “Echo Chamber” ที่คิดว่าภาพลักษณ์แบรนด์ของตัวเองนั้นตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายคิดว่าเป็น แต่ในความจริง ภาพลักษณ์ของแบรนด์นั้นถูกสร้างขึ้นจากประสบการณ์และความประทับใจที่กลุ่มเป้าหมาย ที่เข้ามาซื้อหรือรับบริการนั้นได้รับจากการมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ในทุกๆ Touchpoint วิธีที่ดีที่สุดในการทราบว่ากลุ่มเป้าหมายมองแบรนด์ของคุณอย่างไรคือการทำ Focus Group หรือ interviws survey ขึ้นมา โดยการสอบถามความคิดเห็นที่แท้จริงจากกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ที่กลุ่มเป้าหมายมีต่อแบรนด์ได้
5. Trend ไม่ได้อยู่ยาวเสมอไป : เทรนด์คือสิ่งที่มาแล้วก็ไป การลงทุนทุกอย่างในเทรนด์ที่เป็นเพียงกระแสชั่วคราวอาจไม่ใช่การตลาดที่ยั่งยืน แม้ว่าเทรนด์จะพาความนิยมและทำให้เกิดการสนใจในระยะสั้น แต่ก็อาจไม่สร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์ ตัวอย่างเช่น กระแส NFT ที่เคยเป็นคำฮิตในช่วง COVID-19 ที่หลายแบรนด์ต่างลงทุนสร้างของสะสมดิจิทัลเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่เมื่อกระแส NFT หายไป ของสะสมเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีมูลค่าอะไรแต่การปฏิเสธเทรนด์ทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง คุณควรนำเทรนด์มาผสมผสานกับกลยุทธ์ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ เพื่อลองสิ่งใหม่ๆ แต่ยังคงยึดมั่นในวิธีการที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล
5 ความจริงเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักการตลาดควรยอมรับให้ได้ก่อนจะทำการตลาด เพราะมันจะช่วยให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว การรับรู้ถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้จะช่วยให้สามารถพัฒนากลยุทธ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาดและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน