7 องค์ประกอบที่ช่วยให้การกล่าวสุนทรพจน์ของคุณกลายเป็นตำนาน

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

Speech in public

หากใครจำสุนทรพจน์ระดับตำนาน “I Have a Dream” ที่ยังถูกหยิบยกขึ้นมาในภาพยนตร์ ละคร และงานวิชาการอื่นๆ ก็คงทราบดีว่านี้เป็นประโยคอมตะจากปากของ Martin Luther King Jr. นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนของอเมริกา สิ่งที่เราเรียนรู้จากบุคคลระดับตำนานผู้นี้ได้คือกลวิธีที่จะกล่าวสุนทรพจน์ให้จับใจผู้ฟังและกลายเป็นสุนทรพจน์ที่ติดตรึงใจผู้ฟังไปนานเท่านาน

วันนี้เรามีเรียนรู้องค์ประกอบ 7 องค์ประกอบที่จะทำให้สุนทรพจน์ของคุณกลายเป็นตำนานกับเขาบ้างดีกว่า

1.เหมาะสมแก่โอกาส

โอกาสเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถสร้างได้แต่ต้องปรับตัวเข้าหามัน เช่น หากคุณพูดสุนทรพจน์ในโอกาสวันภาษาไทย ก็ควรจัดหัวข้อที่เหมาะสมกับงานนี้

2.เหมาะสมแก่การเคลื่อนไหว (ลงมือทำ)

สุนทรพจน์ของคุณต้องเป็นตัวจุดประกายในผู้ฟังอยากทำอะไรสักอย่าง เช่น ลุกขึ้นมาประหยัดพลังงาน ลุกขึ้นมากินอาหารดีต่อสุขภาพ ทั้งนี้คุณก็ต้องดูโอกาสและสถานการณ์รอบข้างด้วยว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ

3.เหมาะสมแก่สถานที่

การเลือกสถานที่กล่าวสุนทรพจน์ก็มีความสำคัญ ต้องดูองค์ประกอบทั้งทางอ้อมและทางตรง ทางตรงคือความเกี่ยวพันกับเรื่องที่คุณจะพูด ทางอ้อมคือสภาพแวดล้อมและบริบทของสถานที่เหล่านั้นว่าเอื้อแก่การพูดหรือไม่

4.เหมาะแก่ตัวบุคคลที่พูด

หากคุณเป็นซีอีโอบริษัทแห่งหนึ่ง ก็ควรพูดเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ หากคุณเป็นผู้นำทางศาสนาก็ควรพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนาหรือวิถีปฏิบัติต่างๆ

5.เหมาะแก่สาร

คุณต้องทราบก่อนว่าอะไรคือ “คีย์เวิร์ดหลัก” ที่คนในสังคมจะอยากฟังเมื่อคุณพูดออกไป เมื่อใช้คีย์เวิร์ดเหล่านั้นดึงความสนใจมาได้ก็ใส่แนวคิดหรือมุมมองที่ทำให้พวกเขาทึ่งลงไปด้วย

6.ภาษาที่เหมาะสม

ในที่นี้รวมถึงการพูดถูกไวยกรณ์ การพูดอย่างไม่มีตกหล่น และการพูดที่เหมาะสมแก่กาลเทศะ วิธีง่ายๆ ก็คือการเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อต้องออกพูดต่อหน้าปะชุมชน เตรียมสคริปต์และส่งให้ฝ่ายตรวจทานดูก่อนทุกครั้ง ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยจำเป็นอย่างมากกับงานนี้

7.วิธีการส่งสาร

ไม่เพียงแต่การกล่าวสุนทรพจน์ที่สำคัญแต่การเซตติ้งสิ่งอื่นๆ ก็สำคัญเช่นกันนะ เช่น เมื่อคุณพูดไปถึงตรงนี้ สไลด์ข้างหน้าจะมีภาพหน้าจอประกอบขึ้น หรือ เมื่อพูดถึงจุดหนึ่งจะมีเสียงดนตรีคลอออกมา

Source


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง