พลังของเสียง ที่ส่งผลต่ออารมณ์และจิตวิทยาผู้บริโภค

  • 30
  •  
  •  
  •  
  •  

เสียงและท่วงทำนอง เป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างหนึ่งในการทำการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เมื่อเพลงเล่นขึ้นมาทำให้สมองของมนุษย์เกิดความสนใจและต้องหันไปดูให้ความสนใจ หรือเมื่อได้ยินแล้วก็ทำให้เกิดจินตนาการต่าง ๆ มากมาย เสียงเพลงทำให้เกิดความทรงจำต่าง ๆ มากมายขึ้นมาได้ ซึ่งวันนี้ผมจะมาเล่าถึงพลังของเสียงที่มีผลต่อการทำการสื่อสารการตลาด ที่ยุคนี้คนไม่นิยมฟังเสียง

ในภาพยนต์หรือละครต่าง ๆ เสียงนั้นมีผลอย่างมากที่จะทำให้ผู้ชมภาพยนต์หรือละครนั้นมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ในภาพนั้นตาม สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อเพลงและท่วงทำนองในภาพยนต์และละครนั้นเล่นจะส่งผลต่อสมองให้เกิดจินตนาการและมีความรู้สึกต่าง ๆ ไปกับเหตุการณ์นั้นได้อย่างมาก เช่นภาพยนต์สยองขวัญที่มีท่วงทำนองที่น่ากลัวทำให้เรารู้สึกว่ากลัวไปด้วย อย่างในภาพยนต์ที่ต้องสร้างแรงกกดดัน เพลงก็จะมีท่วงทำนองที่กดดันทำให้รู้สึกว่ากดดันไปด้วย หรือภาพยนต์ที่กำลังให้รู้สึกถึงพลัง ก็จะมีท่วงทำนองของเพลงที่ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังได้รับพลังและฮึกเหิมขึ้นมา เพลงพวกนี้ส่งผลมากมายต่อจิตใจคน และไม่เฉพาะแต่เสียงเพลง แต่เสียงการสนทนาที่ออกอารมณ์ต่าง ๆ โดยไม่เห็นภาพนั้นก็สร้างจินตนาการของคนที่ฟังให้เกิดภาพตามที่คิดได้ ซึ่งข้อดีคือคนจะเกิดจินตนาการภาพนั้นเองแล้วประทับเข้าสู่ความทรงจำ (ละครวิทยุเป็นตัวอย่างเป็นต้น) แตกต่างจากการดูภาพหรือการดูภาพยนต์และละครแบบไม่มีเสียง คุณจะไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมและรู้สึกเบื่อในการดูอย่างมาก แถมอาจจะกดผ่านไปเลย โดยไม่ได้มีความทรงจำกับละครและภาพยนต์เหล่านี้

httpv://www.youtube.com/watch?v=DhlPAj38rHc

httpv://www.youtube.com/watch?v=gCb2pKgNXd8

แต่ในทุกวันนี้เรามีโฆษณาและคลิปวิดีโอมากมายที่เล่นกัน แต่จะมีสักกี่โฆษณาที่คนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมาดู หรือไม่เปลี่ยนช่องหนีไป ลองดูตัวอย่างในรถไฟฟ้าหรือพฤติกรรมตัวเองที่บ้านได้ว่า เวลามีโฆษณาเข้ามาขั้นจะมีสักกี่คนที่เงยหน้าขึ้นดูโฆษณานั้น หรือไม่หยิบมือถือมาเล่น นี้เป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคสมัยนี้ไม่คุณค่าความสนใจกับโฆษณาที่เข้ามาในชีวิต ในยุคนี้นักการตลาดหรือคนที่คิดทำโฆษณานั้นต้องระวังอย่างมากในการใช้เสียงและเข้าใจพลังของเสียงที่จะทำให้สามารถดึงความสนใจจากผู้บริโภคมาให้ได้  นักการตลาดหรือคนทำการสื่อสารทางการตลาดต้องหาส่วนผสมของเสียงที่ดีให้ได้ว่าเสียงนั้นจะสามารถดึงอารมณ์หรือทำให้ผู้บริโภคนั้นสามารถมีอารมณ์ร่วมกับเสียงนั้นได้อย่างไร (สร้างความสนใจขึ้นมา) แล้วเสียงนั้นยังต้องส่งผลให้เกิดการซื้อต่อไปได้ด้วย ส่วนใหญ่โฆษณาหรือคลิปต่าง ๆ นั้นจะใช้เสียงเพลงหรือเสียงของมนุษย์ที่ผู้บริโภครู้สึกคุณเคยในชีวิตประจำวันเพื่อสร้างการโน้มน้าวให้เกิดความสนใจ ความรู้สึกของผู้บริโภคที่ได้ชมโฆษณาจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการจดจำของสินค้านั้นด้วย ทำให้เสียงที่มีความแตกต่างกันไปก็ส่งผลต่อการตีความหมายของสินค้านั้นกับความรู้สึกแตกต่างกันไปด้วย

screen-shot-2559-12-25-at-5-38-31-pm

จากการศึกษาของนักวิจัยที่ตีพิมพ์ลงใน American Journal of Management ระบว่า ผู้บริโภคนั้นไม่ได้ถูกโน้มน้าวให้บริโภคสินค้าจากสิ่งที่เห็น แต่จากสิ่งที่ได้ยินด้วยเช่นกัน นักวิจัยได้ใช้วิธีการดึงโฆษณาใน Superbowl 2011 ให้ผู้บริโภคฟัง แล้พบว่าโฆษณาของ Volkswagen Passat Commercial: “The Force” นั้นสามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากได้สินค้าอย่างมาก ด้วยเสียงและเนื้อเรื่องของภาพยนต์โฆษณาทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า รถนั้นมีพลัง เหมือนในภาพยนต์ Starwars แถมเสียงทำนองเพลงในโฆษณายังทำให้นึกถึงพลังของ Darth Vader ในภาพยนต์อีกด้วย แต่ในยุคนี้ที่เสียงนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะโฆษณาทีวี คลิปในช่องทางดิจิทัลมากมาย แถมผู้บริโภคคุ้นชินกับเสียงเหล่านี้จนทำให้เรียนรู้ที่จะไม่ให้ความสนใจอีกต่อไปกับเสียงที่ไม่ได้รู้สึกกระตุ้นความสนใจขึ้นมา คนที่ทำการสื่อสารทางการตลาดในยุคนี้จึงได้ทำการใช้กลยุทธ์ของเสียงแบบใหม่ที่เรียกว่าเสียงแห่งความเงียบ เช่นโฆษณาของ Chevy 4G LTE WiFi Commercial ที่ใช้พลังของความเงียบกระตุ้นให้คนนั้นมีอารมณ์ที่จะสนใจขึ้นมา แล้วใช้เสียงพากษ์ในการเล่าความหมายของเสียงที่เงียบ และตามด้วยเสียงเพลงประกอบที่ดังต่อเนืองขึ้นมา นี้เป็นการทำการสื่อสารที่ฉีกจากที่คนทั่วไปทำขึ้นมาและได้รับความสนใจอย่างมากแทน

httpv://www.youtube.com/watch?v=iyR3w9Bl9VQ

httpv://www.youtube.com/watch?v=Cq3sY_zyU8Y

ปัญหาสำคัญในยุคนี้คือนักการตลาดและคนทำการตลาดหลาย ๆ คนไปอิงกับ Platform แทนเช่น Facebook แต่ปัญหาคือคนเข้ามาใน Facebook นั้นไม่ได้ตั้งใจเข้ามาดูคลิป ทำให้คลิปหลาย ๆ คลิปนั้นถูกเล่นโดยไม่มีเสียง เมื่อไม่มีเสียงก็จะมีแต่การอ่านข้อความซึ่งไม่ได้ทำหใ้เกิดอารมณ์ร่วมหรือสามารถจดจำเพลงที่จะทรงผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์นั้นได้ นี้เป็นปัญหาที่นักการตลาดและคนทำการสื่อสารทางการตลาดต้องมาเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรให้คลิปนั้นสนใจ จนผู้บริโภคนั้นต้องเล่นแบบเปิดเสียงขึ้นมา เพื่อให้คลิปที่ทำออกมานั้นมีผลต่อความรู้สึก อารมณ์ และความทรงจำของผู้บริโภคให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

screen-shot-2559-12-25-at-5-42-07-pm

ทั้งนี้นักการตลาดหลาย ๆ คนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเสียงประกอบอย่างมาก แต่การสร้างเสียงที่เหมาะสมนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กับความสวยงามของภาพและการเล่าเรื่องเช่นกัน นักการตลาดที่ดีต้องเริ่มคิดว่าเสียงแบบไหนจะเหมาะสม จะสร้างเสียงที่ส่งผลต่อความอยากดู อยากซื้อของผู้บริโภคได้อย่างไรต่อไป


  • 30
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ