Better Starts Now แบบ “ศรินญา มหาดำรงค์กุล” เพราะทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่จะใช้อย่างไรให้คุ้มค่า

  • 14.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

เป็นเรื่องที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับคนเก่งๆ ในวงการธุรกิจและเทคโนโลยี และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้รับโอกาสจาก คุณริน-ศรินญา มหาดำรงค์กุล ทายาทคนโตของ กฤษฎา-วิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล และหลานสาวของ ดิลก มหาดำรงค์กุล เจ้าของบริษัท ศรีทองพาณิชย์ ผู้นำเข้านาฬิกาแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศและธุรกิจโรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด

ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดศรีทองพาณิชย์ และผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดนาฬิกา Citizen และทราบมาว่านอกจากเป็นผู้บริหารหญิงเก่งที่อายุยังน้อยแล้ว เธอยังมีไลฟ์สไตล์ที่โลดโผนเกินกว่าความสวยและกิริยาที่อ่อนหวานของเธอเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราทราบว่าเมื่อเช้าก่อนช่วงเวลานัดสัมภาษณ์ เธอเพิ่งเสร็จจากการฝึกขับเครื่องบินมาหมาดๆ ก่อนที่จะมานั่งพูดคุยกับเราอย่างกระฉับกระเฉง ทำให้อดที่อยากจะรู้เรื่องราวของเธอไม่ได้ จึงเริ่มเข้าสู่บทสนทนาอย่างรวดเร็ว

c1

เรียนปรัชญา แต่ต้องมาทำงานด้านธุรกิจ

คุณรินเล่าว่า ตอนนี้เธอเข้ามาช่วยที่บริษัทศรีทองพาณิชย์อย่างเต็มตัว ดูแลด้านการตลาดให้กับนาฬิกาทุกแบรนด์ของศรีทองพาณิชย์

สำหรับการศึกษานั้น คุณริน จบคณะศิลปศาสตร์ (เอกปรัชญา) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับสายงานธุรกิจเลย แต่ได้มาเรียนด้านการตลาดในระดับชั้นปริญญาโท ที่ Les Roches International School of Hotel Management ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นในด้านการบริหารโรงแรม

“จริงๆ รินจบการโรงแรมมาจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งที่ไปเรียนที่สวิสก็เพราะเห็นประเทศนี้มาตั้งแต่ตอนเด็กๆ ไปงานบาเซิลเวิลด์ (จัดที่เมืองบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์) อยู่บ่อยๆ เพราะที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับนาฬิกามาตั้งแต่ต้น พอเริ่มมาจับธุรกิจโรงแรมก็เลยไปต่อปริญญาโทด้านนั้นแล้วก็เริ่มงานด้านมาร์เก็ตติ้งของโรงแรมก่อน ซึ่งไม่ได้ทำงานธุรกิจของที่บ้านแต่เป็นการไปทำงานที่โรงแรมอื่นก่อน 5 ปี”

c2

ความเป็นผู้หญิงและอายุน้อย คือความท้าทาย

ในการทำงานย่อมมีอุปสรรคเสมอ ยิ่งด้วยความเป็นผู้หญิงที่อายุยังน้อยแต่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหาร แต่คุณรินกลับมองว่า เรื่องอายุไม่ใช่อุปสรรคเลย แต่เป็นเพียงความท้าทายอย่างหนึ่งที่จะได้พิสูจน์ตัวเอง ให้ผู้อาวุโสในบริษัทยอมรับในความสามารถ แต่โชคดีที่ว่าที่ศรีทองพาณิชย์ทำงานกันแบบครอบครัว คือหลายๆ ท่านเคยทำงานมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ พี่ๆ พนักงานหลายคนก็จะเห็นรินตั้งแต่ยังเล็กๆ จนกระทั่งโต

“ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดรินคิดว่าคือ การทำความเข้าใจและอธิบายให้กับคนที่ทำงานในองค์กรโดยเฉพาะคนที่อายุเยอะแล้วเข้าใจในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสิ่งที่รินทำก็คือใช้วิธีการอย่างที่คุณพ่อคุณแม่สอนเรามา คือการทำงานแบบครอบครัว เหมือนเราเป็นพี่น้องกัน ใช้ความอ่อนน้อมเข้าไปหาผู้ใหญ่ นั่นคือเคล็ดลับที่สำคัญ”

แล้วในส่วนของความเป็นผู้หญิง เธอกลับใช้มันเป็นอาวุธลับเสียมากกว่า โดยคุณรินบอกว่าผู้หญิงเดี๋ยวนี้ทำเกือบทุกอย่างที่ผู้ชายทำได้แล้ว แต่ผู้หญิงมีสิ่งที่มากกว่าผู้ชาย คือเรามีความอ่อนหวาน เป็นคนที่ละเอียดอ่อนมีดีเทลมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นสายงานบริการที่เคยทำมาด้านโรงแรมหรือแม้แต่งานมาร์เก็ตติ้งขายโปรดักส์ ซึ่งธรรมชาติของการใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ มันช่วยในเรื่องงานได้

c3

Better Starts Now คิดแล้วลงมือทำเลย อย่าปล่อยให้มีคำว่า ‘ถ้า’

เห็นความมุ่งมั่นในการทำงานแบบนี้ ทราบมาว่าคุณรินมีสิ่งที่ยึดในการทำงานและใช้ชีวิตแบบนั้นเสมอ นั่นคือคำว่า Better Starts Now คุณริน อธิบายว่า มันคือแนวคิดที่บอกว่า เราควรที่จะเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้ อย่ารอ คิดว่ายังมีหลายคนมากที่อยากทำโน่นอยากทำนี่แต่พูดมาเป็นปีหรือพูดทุกๆ ปีใหม่ แต่ไม่เคยทำสักที ส่วนใหญ่เราจะพูดแต่ไม่เคยลงมือทำ

“ดังนั้น Better Starts Now มันคือการลงมือทำ ไม่ว่าเราอยากจะทำอะไรก็ตาม เริ่มตอนนี้มันดีกว่าอยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยคือมันได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่คิดเฉยๆ แต่ลงมือทำเลย เพราะ ‘เวลา’ คือสิ่งที่ผ่านไปเร็วมาก ดังนั้นคำๆ นี้ก็เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจเราว่า ถ้าเราคิดจะทำอะไร เราต้องลงมือทำเลย”

และสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหาร Young Exec คุณรินบอกว่า เหมาะมากกับ Better Starts Now เพราะสำหรับคนที่วัยเดียวกันนั้น หากมันไม่เกินกำลังเราก็อยากให้เริ่มลงมือเลย ทำตามความฝันทำตามแพสชั่นของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันนี้คนรุ่นใหม่เราจะเห็นเทรนด์ของการเปิด SME และ Startup กันค่อนข้างเยอะ อย่าปล่อยให้เวลามันผ่านไปแล้วเรามารู้สึกเสียดายทีหลัง เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ อย่าให้ชีวิตมีแต่คำว่าถ้าๆๆ อยู่ตลอดเวลา

c4

สลัดภาพคุณหนู กับไลฟ์สไตล์สุดเอ็กซ์ตรีม

โดยส่วนใหญ่เรามักจะเห็นภาพของคุณรินในลุคส์ของผู้บริหารหญิงคนเก่ง เป็นคุณหนูที่พรั่งพร้อม แต่แท้จริงแล้วเธอกลับมีไลฟ์สไตล์ที่เอ็กซ์ตรีมสุดๆ ทั้งดำน้ำ ปีนเขา ขับเครื่องบิน เธอเหมาหมด

คุณรินเล่าว่า เหตุที่ชอบดำน้ำเพราะเป็นคนที่ชอบทะเล ชอบว่ายน้ำ ก็เลยไปเริ่มเรียนดำน้ำ เรียนจนกระทั่งตอนนี้ได้เป็น Master Scuba diver ซึ่งสามารถดำน้ำในระดับที่ลึกมากๆ ได้ เช่นดำไปสำรวจเรือจมใต้น้ำได้ ดำน้ำในเวลากลางคืนได้ Night Dive ได้ ซึ่งเป็นระดับเลเวลที่ค่อนข้างสูงทีเดียว

“มีวันหนึ่งไปเห็นภาพใต้น้ำที่ทะเลบาหลีบนแม็กกาซีน ก็เกิดความคิดว่าเอาเลยไปเรียนดีกว่าเราจะได้เห็นภาพแบบนี้บ้าง พอคิดได้เราก็เริ่มเลยตัดสินใจไปสมัครเรียนเลย มันก็คือส่วนหนึ่งเหมือนกันของ Better Starts Now ที่อยากทำต้องลงมือ พูดปุ๊บก็ไปเรียนเลยภายในอาทิตย์นั้น”

ส่วนเรื่องการปีนเขาจะเป็นแบบ Trekking มากกว่าไม่ใช่แบบปีนผา เริ่มต้นมาจากมีเพื่อนชวนไปเที่ยวดูถ้ำ Hang En Cave ถ้ำใหญ่อันดับ 3 ของโลกที่เวียดนาม ซึ่งตอนแรกที่เพื่อนชวนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนมารู้ว่าต้องเดินเข้าป่าถึง 20 กิโลเมตร และนั่นคือครั้งแรกที่เข้าป่าปีนเขา แล้วยังต้องไปนอนค้างคืนในถ้ำอีก 1 วันเต็มๆ เป็นทริปที่ทรหดที่สุดเพราะไร้ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ไม่มีทั้งน้ำทั้งไฟ ต้องเดินลุยน้ำประมาณเอวได้ แล้วใช้เวลาเดินทั้งหมด 1 วันเต็มๆ หยุดพักก็ได้ไม่นานเพราะต้องไปถึงถ้ำก่อนมืด เรียกว่าทั้งเหนื่อยทั้งสนุกจนตอนนี้ติดใจจะจัดทริปอีก

c5

เรียนขับเครื่องบิน อีกหนึ่งบททดสอบของชีวิต

ส่วนเรื่องการขับเครื่องบิน คุณรินเล่าว่า มาจากช่วยเพื่อนหาข้อมูลเกี่ยวกับการไปเรียนขับเครื่องบิน หาไปหามาเกิดชอบอยากจะเรียนขึ้นมาเอง ก็เลยตัดสินใจตอนนั้นเลย

แต่ความท้าทายไม่ใช่เรียนขับเครื่องบินเท่านั้น ปรากฏว่ามันมากับบททดสอบมากมาย ทั้งสอบเรื่องเครื่องยนต์และสอบ Aptitude Test ซึ่งยากมากต้องคิดเลขให้ไวแบบไม่ผิดเลยโดยตัวเองเป็นคนที่คิดเลขช้าอยู่แล้วด้วย แต่สุดท้ายก็สามารถเอาชนะตัวเองสอบผ่านจนได้มาฝึกบิน แต่แค่นั้นก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งเธอยังต้องพบกับความท้าทายใหม่อีก โดยการเรียนขับเครื่องบินนั้นเริ่มจากศูนย์ทั้งหมดเลย

“ทุกคนส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าไปขับเครื่องบินอันตรายนะ แต่จริงๆ แล้วทั้งขับเครื่องบิน ทั้งดำน้ำ เป็นกิจกรรมที่เราใช้อุปกรณ์อยู่กับเครื่องยนต์ ดังนั้น ถ้าเรารู้จักฟังก์ชั่นการทำงานของมันดี เรียนรู้ทฤษฎีให้แน่นอย่างเข้าใจ จะรู้เลยว่ามันปลอดภัยที่สุดเลย”

c6

ชีวิตคลุกฝุ่น ร่อนซีวีหางานเอง

อีกหนึ่งเรื่องที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าคุณรินคือผู้หญิงที่มีบุคลิกลุยๆ แตกต่างจากภาพลักษณ์ภายนอกที่ถูกมองว่าเป็นคุณหนู ก็คือการเดินหน้าหางานด้วยตัวเอง แม้ว่าที่บ้านจะมีกิจการใหญ่อยู่แล้ว

คุณรินเล่าว่า เรียนจบจากปริญญาโทก็เดินหางานเองเลย ไปเดินสมัครงานเองเลย ร่อน CV ไปทุกที่ และก็ถูกปฏิเสธมาก็มาก เพราะเป็นคนที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่า อาจจะเป็นเพราะเป็นพี่คนโต ชอบทำอะไรเองตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะสอบเข้าหรือทำอะไรก็ไม่ได้ต้องการให้คุณแม่มายุ่งเลย อยากจะทำเอง ทีนี้พอเรียนจบกลับมา ก็เห็นเพื่อนๆ เริ่มหางานทำกันก็คิดว่าถึงเวลาของเราแล้ว

“ช่วงแรกๆ ก็ถูกปฏิเสธบ้าง ซึ่งเราก็เสียใจร้องไห้ แต่จริงๆ คิดว่าสิ่งที่ทำให้ผ่านตรงนั้นมาได้ แล้วรินก็เอาข้อนี้มาใช้กับทุกอย่างคือเรื่องของการ หนึ่ง ‘ไม่ยอมแพ้’ และ ‘ความพยายาม’ อันนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ข้อที่สองคือต้อง ‘รู้จุดอ่อนของตัวเอง’ หรือ รู้จักตัวเราเองก่อน คือถ้าเรารู้ว่าจุดอ่อนของเราคือตรงนี้ แล้วเราก็พยายามมากกว่าคนอื่น 2 เท่าเราก็จะฝ่าฝันอุปสรรคไปได้ เช่นเดียวกับการทำงาน ถ้าเรารู้ว่าตรงนี้เราตามคนอื่นไม่ทันนะ เราไม่รู้เรื่องนี้นะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราก็ต้องพยายามเรียนรู้ให้มากขึ้น ให้พยายามมากกว่าคนอื่น อันนี้น่าจะเป็นจุดที่ทำให้รินก้าวข้ามอุปสรรคไปได้”

c7

‘ทุกคนมีเวลาเท่ากัน’ แต่จะจัดการอย่างไรให้คุ้มค่า

ทั้งการทำงานที่ท้าทายและไลฟ์สไตล์ที่เอ็กซ์ตรีม คุณรินได้แง่คิดจากสิ่งเหล่านี้ว่า มันทำให้เห็นชัดเจนเลยคือเรื่องของ “เวลา” โดยมองว่าทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่เราจะบริหารจัดการอย่างไรให้มันคุ้มค่าที่สุด

“ทุกคนมีเวลาเท่ากัน คนชอบบอกว่าไม่มีเวลาเลย แต่คนเราทุกคนมีเวลา 1 วันเท่ากัน รินเองก็มีเวลาเท่ากับทุกคน คืออย่างวันนี้เมื่อเช้าก็ไปขับเครื่องบินมา เสร็จก็มาตรงนี้ต่อ คือรินตื่นตั้งแต่ตี 5 แล้วก็ไปบินตอน 6 โมง บิน 1 ชั่วโมงแล้วก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้ามาเจอพี่ เป็นคนแบบต้องทำอะไรอยู่ตลอดเวลา พอตื่นเช้าแล้ว มันทำให้เรารู้เลยนะว่า 24 ชั่วโมงมันเยอะมากนะ เราทำอะไรได้เยอะมาก”

ดังนั้น การทำกิจกรรมหลายๆ อย่างไม่ได้ทำให้รินเป็นคนไม่มีเวลา แต่กลายเป็นว่าทำให้รินเป็นคนที่ใช้เวลาคุ้มค่ามากขึ้น อย่างเรื่อง Better Starts Now นี่ใช่เลย เหมือนกับที่ได้พูดไว้ คือเวลาที่เรานึกอยากจะทำอะไร เราตัดสินใจปั๊บคือลงมือทำเลย อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปเพราะไม่อย่างนั้นก็จะมานั่งนึกเสียดาย

c8

คำแนะนำเลือกใส่นาฬิกาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ดีกว่า

แม้จะเป็นผู้บริหารเก่งและมีไลฟ์สไตล์ที่ผาดโผน อย่างไรเสียผู้หญิงก็หนีไม่พ้นการมีเครื่องประดับติดประจำกาย แน่นอนว่าสิ่งที่คุณรินเลือกก็คือ “นาฬิกา” คุณรินบอกว่า สำหรับนาฬิกานอกจากจะเป็นเครื่องบอกเวลาแล้ว ยังสวมใส่เป็นเครื่องประดับได้ด้วย แล้วยังมีฟังก์ชั่นหลายอย่างที่มันไม่ใช่เป็นแค่เครื่องประดับ

“รินยังจำได้เลยว่าพอเรียนจบ สิ่งที่คุณแม่ให้เป็นของขวัญอย่างแรกเลยคือ นาฬิกา มันเหมือนกับบอกเราเป็นนัยว่า เราเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เราต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ที่สำคัญคืออยากให้เตือนใจในเรื่องของความเป็นคนตรงต่อเวลา เป็นคนที่เห็นค่าของเวลา ใส่นาฬิกาเอาไว้เราจะได้รู้ว่าเราต้องทำอะไรอย่างไร แม่จะสอนอยู่ตลอดเวลาว่าเรื่องการตรงต่อเวลาสำคัญมาก” 

แต่ถ้าให้คำแนะนำสำหรับการเลือกนาฬิกา คุณรินบอกว่า ไม่จำเป็นเลยที่ผู้หญิงจะต้องใส่นาฬิกาสไตล์หวาน จริงๆ เราควรใส่นาฬิกาตามไลฟ์สไตล์ของเราดีกว่า เอาที่ใส่แล้วรู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์กับเรา ใส่แล้วใช้งานมันจริงๆ

“อย่างตัวเองเป็นคนหน้าหวานคนอาจจะคิดว่าใส่อะไรที่หวานๆ แต่จริงๆ เราใส่อะไรที่เข้ากับไลฟ์สไตล์เรามากกว่า เพราะเรารู้สึกว่าเราใส่แล้วเราได้ใช้งาน เช่น ดำน้ำได้ แข็งแรง อดทน เพราะว่าเราต้องเข้าป่า ขึ้นเครื่องบิน เจอความดัน เป็นนาฬิกาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรามากกว่า นี่คือการเลือกใส่นาฬิกาของริน”

c9

Promaster ความครบเครื่องของนาฬิกาคนรุ่นใหม่

ดังนั้น นาฬิกาที่คุณรินเลือกได้แก่ Promaster ของ CITIZEN เพราะว่ามีครบหมดทั้ง Sea Land Sky เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเธอมาก ไม่ว่าจะเป็นดำน้ำ ปีนเขา หรือขับเครื่งบิน รวมไปถึงการมานั่งออฟฟิศเข้าประชุมในมาดผู้บริหารคนเก่ง Young Exec ก็ยังได้

“นอกจากนี้ สิ่งที่รินประทับใจใน Promaster คือฟังก์ชั่นการใช้งาน นอกเหนือจากตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แล้ว ตัวดีไซน์ก็สามารถใส่ทำงานได้ด้วย คือเรายังมีช่วงเวลาที่เราทำงานเป็นผู้บริหาร ก็ไม่ได้เที่ยวเล่น Sea Land Sky อยู่ตลอด (หัวเราะ) เราก็ทำงานด้วย โดยดีไซน์ก็เหมาะกับการใส่ไปทำงานมีความเป็นโปรเฟสชั่นนัล สามารถใส่เพื่อไปเข้าประชุมได้ มีความทะมัดทะแมงเวลาทำงาน รู้สึกว่า Promaster ตอบโจทย์สำหรับคนที่เวิร์คฮาร์ด และมีไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ แม้แต่ผู้หญิงก็ใส่ได้”

คุณรินย้ำว่า คนอาจจะคิดว่า Promaster ผู้ชายต้องใส่เท่านั้น แต่จริงๆ ผู้หญิงก็ใส่ได้ เพราะอย่างที่กล่าวไปว่านาฬิกาควรเลือกใส่ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากกว่า นอกจากนี้ ยังพบผู้หญิงเดี๋ยวนี้จะนิยมใส่นาฬิกาที่ดู Boyish ใส่แล้วดูเท่ เก๋ เสริมบุคลิกให้สตรองขึ้นไปอีก ดังนั้น Promaster จึงเหมาะกับคนทุกเพศจริงๆ

c10

การจัดการความล้มเหลว

ภายนอกชีวิตของคุณรินดูจะเป็นหญิงที่เพียบพร้อม แต่จริงๆ แล้วเช่นเดียวกับคนทั่วไปเธอก็เคยเผชิญกับความล้มเหลวมาก่อน คุณริน เล่าว่า มันเกิดขึ้นตอนสมัยเรียนปริญญาโทที่สวิส จากคนที่เรียนสายศิลป์ก็ต้องมาเรียนสายเลข เรียนบัญชี เรียนสแตท แล้วยิ่งต้องมาเรียนในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษด้วยก็ไปกันใหญ่ กับการที่มีเวลาเตรียมตัวแค่ 2 อาทิตย์ วันนั้นเลยเครียดมากกลัวสอบพรีเทสท์ไม่ผ่านและถ้าไม่ผ่านก็ไม่ได้เข้าเรียน เลยโทรไปขอคุณแม่ไม่เรียนแล้วจะกลับบ้าน คุณแม่ก็ใช้กุศโลบายกับเราว่าโอเค. เดี๋ยวส่งตั๋วให้กลับพรุ่งนี้เลย ปรากฏว่าเราช็อคกับคำตอบมาก เพราะแม่ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนที่จะให้เรายอมแพ้กับอะไรง่ายๆ คืนนั้นกลับไปนอนคิดทั้งคืน แล้วตอนเช้าโทรไปบอกแม่ว่า “ไม่กลับแล้วค่ะจะสู้ต่อ”

“กลับไปนอนคิดว่า ชั้นจะยอมแพ้จริงๆ เหรอ ด้วยความเป็นเราในตอนนั้นก็คิดว่าเอาเว้ยสู้ต่อ ไม่กลับล่ะ ตัดสินใจเดินหน้าต่อ จนขอให้เพื่อนติวหนังสือให้ผ่านทางสไกป์ กางหนังสือสอนกันเลย ถ่ายภาพด้วยเครื่องบีบีส่งไปให้เพื่อนบ้าง ติวกันทุกวัน จนกระทั่งประกาศผลสอบ จากคนที่ทำไม่ได้เลย ปรากฏว่าได้ท็อปของห้องไปเลย มันทำให้เราเห็นว่าการที่เราไม่ยอมแพ้อะไร การที่เราพยายามมากกว่าคนอื่นถึง 2 เท่า ผลลัพธ์มันเห็นได้แน่นอน และด้วยเหตุการณ์นี้เองที่ให้เรามั่นใจในความเป็นเราแบบนี้”

c11

คุณริน ฝากบอก ด.ญ.ศรินญา

ตอนท้ายของบทสนทนา เรามีคำถามสนุกๆ ถามคุณรินว่า ถ้าย้อนเวลานั่งไทม์แมชชีนกลับไปได้ จะไปเจอตัวเองตอนไหน และจะบอกว่าอะไร คุณริน คิดอย่างไม่ลังเลที่จะตอบว่า อยากย้อนกลับไปตอนที่เรียนที่ยุโรป แต่ไม่ได้เป็นการกลับไปแก้ไขอะไรใดๆ แต่จะไปขอบคุณตัวเองในตอนนั้นมากกว่า

“เพราะรู้สึกว่าการที่ไปเรียนเมืองนอกในช่วงนั้น ทำให้เป็นคนที่กล้าคิดกล้าแสดงออก เป็นคนที่กล้าตัดสินใจ เรารักแอทติจูดตัวเองตอนนั้นมาก แล้วมันทำให้เรากลายเป็นคนที่แบบโลกไม่แคบเราชอบไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งตรงนี้มันมาปรับใช้ในการทำงานได้ ตอนนี้กลายเป็นคนที่แบบเปิดรับอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา อย่างที่บอกว่าการแข่งขันทางธุรกิจมันสูงมาก ถ้าเราหยุดนิ่งเมื่อไหร่เราก็จะตามเขาไม่ทัน”

ถ้าเราเป็นคนไม่หยุดนิ่งตลอดเวลา ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน หรือไม่ว่าเราจะอยู่ในยุคไหนก็ตาม รินเชื่อว่ามันทำให้เราผ่านการเปลี่ยนแปลงตรงจุดนั้นไปได้

และด้วยแนวความคิด Better stars Now ของเธอ ก็ตรงกับวิดีโอชิ้นนี้ของ Citizen อย่างมาก อีกทั้งยังสะท้อนถึงการไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาและนำสิ่งใหม่สู่โปรดักส์ชั้นเยี่ยม

httpv://www.youtube.com/watch?v=j_cLIkAaTCg

และเร็วๆ  นี้เชื่อว่าเราจะได้พบกับแคมเปญดีๆ จาก Citizen อีกอย่างแน่นอน ขอให้อดใจรอชม.

Copyright © MarketingOops.com


  • 14.9K
  •  
  •  
  •  
  •