ปฏิวัติวิถีการทำงาน New to Next Normal ผ่านมุมมอง LINE ประเทศไทย บนแนวคิด  Work – Life Revolution

  • 76
  •  
  •  
  •  
  •  

จะเห็นว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เราอยู่กับโควิด-19 และรูปแบบการทำงาน ที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เราได้รู้จักกับ Work From Home การทำงานที่บ้าน ซึ่งกลายเป็นวิถีการทำงานของคนส่วนใหญ่ไปแล้ว หรือแม้แต่ Remote work การทำงานทางไกล และ Workation ทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เทรนด์การทำงานล่าสุดที่กำลังมาแรง Hybrid workplace หรือ Hybrid work  ซึ่งแม้จะช่วงที่สถาการณ์การทำงานเริ่มกลับมาปกติแล้ว แต่ก็พบว่าหลายบริษัทหลายองค์กร ได้นำแนวทางนี้มาใช้เป็นแนวทางในการทำงานระยะยาวต่อไป

ดังเช่น LINE ประเทศไทย เทคคอมพานีชั้นนำระดับโลก ซึ่งมองเห็นว่าการทำงานแบบบ Hybrid workplace เป็นรูปแบบการทำงาน New Normal ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่สำคัญยังสามารถทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย พร้อมกับมีการปรับพื้นที่ภายในออฟฟิศให้สอดคล้องกับแนวทางรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นด้วย พร้อมกับที่เปิดโอกาให้ Marketing Oops! เป็นเจ้าแรกที่ได้ได้เดินทางไปเยี่ยมชมออฟฟิศโฉมใหม่หลังการปรับปรุงทั้งสถานที่ทำงานและรูปแบบการทำงานใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Work – Life Revolution โดยมี 2 ไกด์พิเศษจำเป็น ได้แก่ คุณป๊อก – ฮองซอค คิม Culture Communications Team และ คุณไอซ์ – พสุธิดา วรรดี Employee Care Team LINE ประเทศไทย โดยผ่านการตอบคำถามแบบ 10 คำถามกับ Marketing Oops!

 

#1 เล่าอินไซต์คนทำงานในปัจจุบันว่า พบ pain point หรือพฤติกรรมการทำงานของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

คุณป๊อก – สิ่งที่เราไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ Hybrid workplace จริงๆ หลายบริษัทรวมถึง LINE ประเทศไทย ก็มีการทำงานในลักษณะ Hybrid workplace ซึ่งถือว่ามีจุดแข็งหลายอย่างเลย พนักงานสามารถจัดการเวลาได้เอง เช่น การดูแลครอบครัวอย่างใกล้ชิดได้ และก็ยังสามารถทำงานได้ด้วย และยังช่วย Work-life Balance ของพนักงานได้ดีด้วย

“แต่ถ้าทุกๆ บริษัทอยากจะปรับรูปแบบการทำงานเป็น Hybrid workplace คิดว่าสิ่งที่พนักงานและหัวหน้างานต้องมีก็คือเรื่องของ mind set โดยเฉพาะเรื่องของความเชื่อมั่นกันและเคารพซึ่งกันและกัน แต่ละฝ่ายไว้วางใจกันและไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจ ซึ่งรวมไปถึงเรื่อง working environment ซึ่งไม่ได้หมายถึงเพียงแค่สิ่งแวดล้อมรอบตัวหรือรอบโต๊ะเท่านั้น แต่หมายถึงสภาพแวดล้อมที่ทำให้เรารู้สึกสะดวกสบายในการทำงาน ซึ่งสำคัญมากที่จะต้องปรับให้เข้ากับ Hybrid workplace ด้วย”

#2 องค์กรหรือบริษัทต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านพฤติกรรม และความต้องการของคนทำงานรุ่นใหม่ได้อย่างไร

คุณไอซ์ – บริษัท LINE ประเทศไทย ใช้รูปแบบ Hybrid workplace มาประมาณ 2 ปีแล้ว จากที่เราเคยทำกันมาในช่วงโควิด เราก็ได้รู้แล้วว่าจริงๆ แล้วพนักงานของเราเอง มี working style ที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็จะเน้นไปที่การ concentrate กับงาน กับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง แต่บางคนก็อยากที่จะมีการ co-operate กับเพื่อนร่วมงาน แต่บางคนชอบที่อยู่ในห้องคนเดียว สะท้อนว่ามีความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้น ออฟฟิศของเราจึงปรับให้เป็น LINERS Connecting Space คือเป็นศูนย์รวมของพนักงานทุกคนในออฟฟิศ อยากให้เป็นที่ๆ ทุกคนคอนเนคหากันได้ ดังนั้น จึงมีการรีโนเวชั่นออฟฟิศกันขึ้นมา พร้อมกับสร้าง facilities ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Focus Room, Meeting Room อะไรที่มันมากขึ้น โดยยึดเอาความต้องการของพนักงานเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คุณป๊อก – สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือเราพยายามจะรีโนเวทฟีเจอร์ต่างๆ ให้อยู่ในอันเดอร์ฟีเจอร์ของ LINE TH เรายังมี LINE Official Account สำหรับพนักงานโดยเฉพาะ เพื่อให้พนักงานของเราได้ใช้ โดยพนักงานอยากจะไปนั่งที่ไหนก็สามารถจองโต๊ะนั้นล่วงหน้าได้เลย หรือวันไหนที่มีมีทติ้งมีงานที่ต้องประสานกับทีมอื่นก็สามารถจองโต๊ะร่วมกับทีมอื่นได้ หรือเวลาที่ผมต้องการทำงานคนเดียว ก็อาจจะจองในพื้นที่เงียบสงบได้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้ environment ของ LINE เลย

คุณป๊อก – ฮองซอค คิม Culture Communications Team

#3 มีการเปลี่ยนแปลง Workplace ตรงไหนบ้าง และการออกแบบออฟฟิศใหม่ มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างไร

คุณป๊อก – LINE ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับเรื่องของ Work – Life Revolution เราก็จะมีการคำนึงถึงเรื่องการทำงานของพนักงาน รวมถึงไลฟ์สไตล์ สุขภาพจิตใจ และสุขภาพร่างกายของพนักงานด้วย ก่อนที่เราจะทำความเข้าใจกับพนักงาน เราก็ได้มีการทำเซอร์เวย์ รวบรวมความต้องการต่างๆ ของพนักงาน แล้วก็นำมาพัฒนาปรับปรุงใช้งาน นอกจากนี้ เพื่อที่จะให้ธุรกิจเติบโตมากขึ้น เราก็ได้มีการทำห้องสำหรับการ LIVE ด้วย ที่ตอบโจทย์กับทีมที่ต้องการทำ LIVE Studio ด้วย

คุณไอซ์ – พนักงานต้องการพื้นที่ในการทำงานที่เหมาะสม อย่าง Meeting Room ตอนนี้เราเพิ่มจำนวนขึ้นมาอีกหลายห้องมาก รวมไปถึง Focus Room ด้วย ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับพนักงานที่ต้องการสมาธิในการทำงานมากๆ หรือจะใช้เป็น Phone Booth ก็ได้เช่นกัน แล้วเรายังมี Mother Room พนักงานแม่ลูกอ่อน ไว้สำหรับปั๊มเก็บน้ำนมได้เช่นกัน รวมไปถึงมุม Nap spot ห้องนอนเพื่อการพักผ่อน และ Massage Room ก็มีเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกเหนือจากสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานแล้ว ก็ยังมีประโยชน์สำหรับพนักงานกรณีต้องการการพักผ่อน หรือว่าต้องการคลายเครียด พนักงานก็สามารถไปรับบริการได้ รวมไปถึงตอนนี้เรามีรูปแบบการทำงานแบบ Hot seat ที่มีรูปแบบการจองที่นั่งกรณีพนักงานต้องการเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ หรืออยากจะ Work from home ก็เข้ามาจองผ่านระบบหรือเข้ามาทำงานได้เลย

“เพราะสำหรับเราแล้วเมื่อพนักงานมีความสุขพวกเราเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จ”

 

#4 โครงการ LINE Rookies คืออะไร และจะช่วยยกระดับเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร

คุณป๊อก – หลายคนอาจจะคิดเพียงแค่ว่า LINE Rookies คือโครงการของการฝึกงาน แต่จริงๆ แล้ว เราไม่ได้มองเป็นเพียงแค่การฝึกงาน แต่เรามองว่ามันคือ Experience Exchanging Program ทั้งในมุมของน้อง LINE Rookies และในมุมของ LINERS (พนักงาน LINE) ทางบริษัทต้องการให้น้องๆ ที่มาเข้าโปรแกรมได้รับประสบการณ์จริง (Real work experience) จากทำงานซึ่งงานที่น้องๆ ทำจะถูกนำไปพัฒนาจริงบนพื้นที่ของ LINE เลย และนอกจากนี้ในส่วนของสวัสดิการต่างๆ ที่พนักงานได้รับ น้องๆ Rookies ก็จะได้รับไม่แตกต่างจากพนักงานของเราเลย

ในขณะที่ มุมของพนักงาน LINERS ในส่วน Experience Exchanging Program เราถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ทำงานร่วมกับคนเจเนเรชั่นใหม่ๆ ทำให้ได้ไอเดียใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์กับผู้ใช้งานที่เป็นคนในเจนฯ เดียวกันได้ด้วย ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างมาก

#5 ทาง LINE มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานอย่างไร เพื่อให้สอดรับกับวิถีการทำงานแบบ New Normal และก้าวไปสู่ Next Normal

คุณป๊อก – เราจะต้องมีการปรับตัวให้กับเข้าสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม สิ่งที่ทีม HR ต้องทำ คือเราต้องมีการวางแผนล่วงหน้าหรือรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อให้พนักงานของเรามีความสุขมากที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามวิชั่นของบริษัทนั่นคือ Close LINERS Distance เพราะเรามองว่า พนักงานของเราจะต้องสร้างความใกล้ชิดกัน ดังนั้น ก็จะต้องมีการปรับวิธีการทำงานของเราด้วย เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีโปรแกรมที่เรียกว่า Employee Engagement

คุณไอซ์ – ในส่วนของ Employee Engagement ก็จะมีกิจกรรมทั้งที่เป็นออฟไลน์และออนไลน์ เช่น กิจกรรม Connect Day เป็นกิจกรรมที่จะจัดที่ออฟฟิศโดยจะเชิญชวนพนักงานทั้งหมดของเราที่สามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมได้ เช่น งานปาร์ตี้ สังสรรค์กัน ส่วนกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ เราก็จะมีเวิร์คช้อปต่างๆ ให้พนักงานทำ เช่น คุกกิ้งคลาส หรือทาเลนต์ดีเวลลอปเมนต์ต่างๆ ที่ช่วยพัฒนาพนักงาน ก็จะถือว่าเป็นกิจกรรทางออนไลน์เหมือนกัน ซึ่งจะสร้างคอนเนคการเชื่อมต่อถึงกันได้ ไม่แตกต่างกับการมาทำงานที่ออฟไลน์เลย

 

#6 คิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้การปฏิวัติการทำงาน ตอบโจทย์พนักงานรุ่นใหม่ๆ คืออะไรบ้าง

คุณไอซ์ – สิ่งสำคัญที่สุดคือองค์กรต้องมีการปรับตัวไปตามสาถนการณ์ต่างๆ หนึ่งในนั้นก็คือการปรับเป็น Hybrid workplace ทุกวันนี้ ซึ่งตอนนี้บอกได้เลยว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่คนรุ่นใหม่ใช้เป็นวิธีในการเลือกงานอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ การสร้าง Environment ในทีมหรือสถานที่ทำงานก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขาพิจารณาในการที่จะเลือกมาร่วมงานด้วย การทำให้ออฟฟิศเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ก็เป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

คุณป๊อก – สำหรับทาง LINE ประเทศไทยเอง เราก็จะคิดว่าจะรักษารูปแบบของการทำงานแบบ Hybrid workplace ต่อไปเรื่อยๆ รวมไปถึงยังให้พนักงานสามารถทำงานแบบ Work from anywhere ต่อไปเช่นกัน เนื่องจากว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็พิสูจน์การทำงานในรูปแบบ Hybrid workplace ธุรกิจก็เดินไปได้ดี ตัวพนักงานเองก็แฮปปี้มากๆ ด้วย ดังนั้น เราคิดว่าเราเลือกถูกทางแล้วและก็จะน่าจะใช้โมเดลนี้ต่อไปเรื่อยๆ ด้วย

#7 คิดว่าทิศทางหรือรูปแบบการทำงานในอนาคตคิดว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร

คุณป๊อก – มีบทความหนึ่งที่ผมเคยอ่าน เขาบอกว่ารูปแบบการทำงานในอนาคตคือ จะทำงานที่สถานที่ไหน ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณทำงานอะไร เราทำอะไร นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผมชอบที่สุดคือ คือมันใช่มากๆ กับ ณ วันนี้ที่เราเป็นอยู่ มันทำให้ผมเห็นว่า คุณจะทำงานที่ไหนก็ได้ ทำงานที่บ้าน หรือทำงานต่างจังหวัด ทำงานที่ออฟฟิศ หรือจะเป็นคาเฟ่ ที่ไหนก็ตาม มันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญแล้ว แต่เราต้องมาดูว่า ในการทำงานของเขา สามารถเดลีเวอร์ tasks ได้มากขนาดไหน และเขาสามารถทำงานให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร อันนี้คือสิ่งสำคัญมากกว่า โลเคชั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไปแล้ว

 

#8 สิ่งที่ต้องระวังหรือข้อควรคำนึงในการทำงานรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Hybrid working หรือ Work from anywhere คืออะไร

คุณป๊อก – เมื่อบริษัทต้องการที่จะทำงานแบบ Hybrid working หรือ Work from anywhere ปัจจัยที่พนักงาน คือทั้งหัวหน้าและลูกทีมต้องคำนึงถึงมากที่สุดก็คือ Trust and Respect ซึ่งเราต้องมีความเชื่อใจในบุคคลากรอีกฝ่ายหรือคนที่เราร่วมงานด้วย ว่าพวกเขาเป็นคนมีความสามารถและเก่งในทาเลนต์ที่ตัวเองมีจริงๆ ดังนั้น จะต้องไม่มีความสงสัยแต่ให้เชื่อมั่นในความสามารถและความรับผิดชอบที่พวกเขามี ส่วนเรื่องของ Respect คือบริษัทเราค่อนข้างให้ความสำคัญเรื่องการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ซึ่งพวกเรา LINERS ทุกคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกันในเวลาทำงาน ดังนั้น ผมว่าคิดว่าปัจจัยนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด

#9 การดูแลด้าน Mental Health ทั้งสุขภาพกายและใจ ทาง LINE มีวิธีในการดูแลเรื่องนี้อย่างไร

ไอซ์ – ทางเรามีการดูแลพนักงานทั้งในส่วนของ Physical Health และ Mental Health ด้วย ขอยกตัวอย่างเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพง่ายขึ้น อย่างในเรื่องของ Physical ในช่วงโควิดที่ผ่านมา เราก็มีการดูแลเรื่องวัคซีนให้พนักงานและครอบครัวพนักงานด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของ Mental Health เราก็มีระบบ Telemed ที่คอยซัพพอร์ตพนักงาน ก็คือถ้าพนักงานรู้สึกไม่สบายใจหรือรู้สึกเครียด หรือกังวลเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว สามารถปรึกษาจิตแพทย์หรือหมอ Telemed ของบริษัทได้เลย แต่ว่าทุกอย่างเป็นความลับแน่นอน รวมถึงตอนนี้เรามีโปรเจ็คต์ที่ชื่อว่า Happy Work Place

ป๊อก – ตัว Happy Work Place วัตถุประสงค์ของเราคือ นอกจากที่เราจะช่วยพนักงานแล้ว เราเองก็อยากที่จะ เข้าไปรับฟังความคิดเห็นต่างๆ ของพนักงานด้วย ว่ามีความเห็นอย่างไรกับมาตรการ นโยบาย หรือเบเนฟิตต่างๆ ที่บริษัทมี เพื่อให้ได้มีโอกาสเสนอหรือแสดงความเห็นกับพวกเราโดยตรง ก็จะนำไปทำต่อ เป็นลักษณะโฟกัสกรุ๊ปอินเทอร์วิว ฟีดแบคของพนักงานกับโปรเจ็คต์นี้ก็ดีมากๆ เลย

#10 สุดท้าย ถ้าคนที่อยากเป็นครอบครัว LINE ประเทศไทย คุณสมบัติที่สำคัญหนึ่งข้อคืออะไร

คุณไอซ์ – สิ่งที่บริษัทต้องการจากพนักงานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Work-Life Balance และ  Work hard play hard ในคนเดียวกัน เพราะงานขององค์กรเราก็หนักพอสมควร ดังนั้น ถ้าหลังเลิกงานก็มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย ดังนั้น ก็จำเป็นที่ต้องการพนักงานที่สามารถร่วมงานกับคนอื่นได้ สานสัมพันธ์กับคนอื่นได้ ส่วนตัวคิดว่านี่คือสิ่งสำคัญที่ LINERS ต้องมี

คุณป๊อก – ในมุมเชิงธุรกิจผมมองว่า ธุรกิจของ LINE ค่อนข้างที่จะ fast moving มากๆ เช่นเดียวกับ Tech Company ส่วนใหญ่ ดังนั้น ลักษณะแบบนี้ก็จะมีชาเลนจ์ใหม่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น คุณสมบัติที่คิดว่าเหมาะคือ จะต้องเป็นคนที่ Enjoy กับ Challenge ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และมี Positive Thinking ที่ดีรวมถึงมี Energy ที่ดีในการทำงานไปด้วยกันได้

 

 


  • 76
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!