ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์โรคระบาดทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบเหมือนโดนสึนามิถล่ม รวมถึงธุรกิจ ‘มีเดีย เอเยนซี’ ที่อุตสาหกรรมเม็ดเงินโฆษณาติดลบอย่างหนัก แต่ ‘มายด์แชร์ (ประเทศไทย)’ กลับเติบโตสวนทิศทางตลาด และในปี 2021 ยังสามารถคว้า 2 รางวัล‘เหรียญทอง’ Thailand Media Agency Of The Year และ Thailand Digital Agency Of The Year จากงานเวทีประกาศรางวัลระดับภูมิภาคที่จัดโดย Campaign Brief Asia ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีเดียเอเยนซีไทยคว้าสองรางวัลได้ในคราวเดียวกัน
“ภาพรวมมายด์แชร์ดี ส่วนหนึ่งเพราะดิจิทัลโต และเราเองอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว มีเซอร์วิสหลากหลายเป็นโซลูชั่น โดยเฉพาะอีคอมเมิร์ซ , data analytics และให้คำปรึกษา อีกส่วนโตจากเม็ดเงินที่ลูกค้าใช้เพิ่มทั้งรายเดิมและรายใหม่ โดยการโตเรามองเทียบกับปี 2019 ส่วนปี 2020 เป็นปีที่อย่าไปนับ เพราะมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น แต่เราเรียนรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และนำมาใช้ในปี 2021 เราจึงไม่ panic รู้ทิศทางและวางแผนชัดเจนจะเติบโตต่ออย่างไร ปิดปี 2021 เราก็ยังโต และมีรางวัลจากผลงานต่าง ๆ เป็นตัวการันตีความสำเร็จด้วย” คุณปัทมวรรณ สถาพร ซีอีโอ มายด์แชร์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้น
ขอเป็น ‘เบอร์1’ แบบทิ้งห่างคู่แข่ง และโตแบบ Good Growth
สำหรับปี 2022 เป้าหมายของมายด์แชร์ คือ การเป็น ‘เบอร์ 1’ ที่ทิ้งห่างคู่แข่งเบอร์อื่น ๆ และการเป็นเบอร์ 1 ที่ว่า ไม่ได้วัดเฉพาะมิติของบิลลิ่ง แต่เป็นเรื่องของเซอร์วิสและโซลูชั่นในการช่วยให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ ได้แบบ Good Growth ซึ่งเป็นวิชั่นใหม่ของมายด์แชร์ที่ประกาศออกมาเมื่อปลายปีที่ผ่านมาพร้อมกับการรีแบรนด์ของตัวเอง
การรีแบรนดิ้งครั้งนี้มาพร้อมวิชั่นและโลโก้ใหม่ เกิดขึ้นภายหลังจากการกำหนดกลยุทธ์เมื่อต้นปี 2021 เพื่อสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งอนาคตและการบริหารสื่อบูรณาการให้เพิ่มพูนประสิทธิภาพมากขึ้นในยุคของการเปลี่ยนแปลง ซึ่ง Good Growth จะเป็นวิชั่นใหม่ในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องยั่งยืนเพื่อใช้ขับเคลื่อนการทำงานกับลูกค้าในยุคของการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ด้วยการมองการเติบโตของแบรนด์ระยะยาว 10 ปี ที่พิจารณาจากหลากหลายมิติ ไม่ใช่แค่ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ยังรวมถึงแบรนด์ต้องมีคุณค่า ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมและให้สังคมน่าอยู่ขึ้นด้วย
นอกจากนี้มายด์แชร์ยังให้ความสำคัญในเรื่องธรรมาภิบาล ความซื่อสัตย์และโปร่งใส รวมถึงเทรนด์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อย่างเช่น D&I (Diversity&Inclusion) , การพัฒนาศักยภาพของคนในองค์กร ทั้ง Hard skill , Soft skill และ Well being เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดถือเป็น Next Mindshare
ส่วนโลโก้ใหม่ จะสะท้อนถึงวิชั่นใหม่นี้ และคงเอกลักษณ์ของสี คือ สีม่วงไว้ พร้อมกับสะท้อนถึงธรรมชาติของการตลาดยุคใหม่ที่มีการบูรณาการผสานรวมและเชื่อมโยงมายด์แชร์กับลูกค้า ผู้คน และเนื้อหา โดยสามารถแยกคำว่า Mind กับ Share ออกจากกันได้ด้วย และไม่มีรูปพัดของโลโก้เก่าที่ใช้ตั้งแต่รีแบรนด์ไปเมื่อปี 2008 สื่อสารถึง Identity ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
แล้วนอกจากรีแบรนด์และมีโลโก้ใหม่ เส้นทางการเป็น ‘เบอร์ 1’ ที่ทิ้งห่างคู่แข่งของมายด์แชร์จะเป็นอย่างไร?
คุณปัทมวรรณ ตอบว่า จะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ โดยเฉพาะช่วง Crisis Pandemic นำไปขยายและต่อยอด ซึ่งหลัก ๆ ได้แก่ เรื่องแรก Digital transformation ที่ทำแล้วต้องตอบโจทย์ธุรกิจและยอดขายของแบรนด์ได้แบบ 100% ไม่ได้สร้างแค่การรับรู้ หรือ engage เท่านั้น
ถัดมาเป็นเรื่อง Data ที่มีการพูดถึงกันเยอะ โดยมิติของมายด์แชร์ในเรื่องนี้ โฟกัสไปที่ Quality Data ที่ต้อง Precisely human เป็น Data ที่ใช่ ที่ Personalize สำคัญสุด คือต้องเข้าถึงและเหมาะสมกับผู้คน ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้ทุกคนทราบดีว่า แพลตฟอร์มที่กำลังฮอตฮิต ก็คือ TikTok สิ่งที่มายด์แชร์ต้องตอบลูกค้าให้ได้ไม่ใช่ว่า แอปฯนี้มีคนใช้เท่าไร กลุ่มเป้าหมายคือใคร แต่ต้องตอบให้ได้ว่า ใช้ TikTok เพื่อตอบโจทย์อะไร และแต่ละกลุ่มใช้แบบไหน
“ปี 2022 เรื่อง Data จะสำคัญมากขึ้น เพราะมีเรื่องกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) เข้ามาเกี่ยวข้อง วิธีที่ใช้หรือเลือกซื้อมีเดียจะต่างไป เพราะเมื่อไม่มีคุ้กกี้จะวัดผลอย่างไร”
ทิศทางเหล่านี้ของมาย์แชร์มีความชัดเจน และจะได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งวิชั่นและมิชชั่นที่วางไว้ เช่น เรื่อง Digital transformation และ Data ที่จะเป็นทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มาดูแลและทำให้เกิดขึ้นผลจริง พร้อมกับร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ร่วมกัน
ขณะเดียวกัน ทางมายด์แชร์ก็จะเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น ควบคู่ไปกับการสร้าง New business หรือหาลูกค้าใหม่เข้ามา อย่างปีที่ผ่านมา เช่น AIA และ AIS เป็นต้น
ทั้งหมด ซีอีโอ มายด์แชร์ (ประเทศไทย) ย้ำว่า แม้อุตสาหกรรมโฆษณาจะมีการแข่งขันดุเดือด ทว่าจุดยืนของมายด์แชร์จะไม่ลงไปแข่งที่เรื่องของ ‘ราคา’ แต่จะให้ความสำคัญในเรื่อง value ที่ชัดเจน เมื่อลูกค้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ด้วยแล้ว จะได้รับ Value อะไร มีเซอร์วิสและโซลูชั่นที่หลากหลายทำให้บรรลุเป้าหมายธุรกิจได้อย่างไร
“เรามีลูกค้าที่ใช้งบตั้งแต่หลักสิบล้านไปจนถึงหลักพันล้านบาท เราพร้อมให้บริการลูกค้าทุกราย มายด์แชร์ไม่เคยหยุดนิ่ง มีผลงานการันตีมากมาย ไม่งั้นเราไม่อยู่มาถึงตอนนี้ก้าวสู่ปีที่ 25 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมามายด์แชร์เป็นเบอร์ 1 มาตลอด เพียงแค่จากนี้เราจะเป็นเบอร์ 1 ที่ทิ้งห่างคู่แข่งแบบ Good Growth”