[opinion] 5 สิ่งน่าเรียนรู้จากคนยุคมิลเลนเนียล

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

bigstock-Asian-beautiful-businesswoman

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กรุ่นมิลเลนเนียลกำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจปัจจุบันซึ่งทำให้คนรุ่นพ่อที่ตอนนี้ก้าวไปสู่ตำแหน่งบริหารสำคัญๆ ต้องปวดหัวกับการปกครองเด็กยุคมิลเลนเนียล พวกเขารั้น พวกเขาดื้อ พวกเขาเอาแต่ใจ หรือเป็นคนมีจุดยืนหนักแน่นของตัวเอง ชอบความท้าทาย และไม่ยึดติดกับความมั่นคงกันแน่นะ?

ต่อไปนี้เป็น 5 สิ่งที่เด็กชาวมิลเลนเนียลต่างจากยุคก่อนๆ ครับ

1.พวกเขาไม่เชื่อเรื่องประเพณีหรือการยึดติดกับสถานที่

เด็กยุคใหม่ไม่รู้แล้วว่าห้องแต่ล่ะห้องมีความสำคัญอย่างไร ห้องทานข้าวก็สามารถนำสมาร์ทโฟนไปดูหนังได้ ห้องสมุดก็สามารถนำแท็บเล็ตไปนั่งเล่นเกมได้ ห้องดูหนังก็สามารถเอาหนังสือเข้าไปอ่านได้ สรุปได้ว่าเด็กยุคใหม่ไม่ยึดติดกับการต้องเข้าออฟฟิศเพื่อทำงานของตนเอง ต้องขอบคุณโลกแห่ง Wi-Fi และ 3G ที่ทำให้เขาสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา

2.พวกเขาไม่เชื่อเรื่องการต้องเจอหน้ากันเพื่อปฏิสัมพันธ์อีกต่อไปแล้ว

ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ชอบเข้าสังคม พวกเขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเสียเงินค่าเดินทาง อาหารเพื่อมาพบกันตัวเป็นๆ ด้วยล่ะ นี่แหละผลกระทบของเทคโนโลยีต่อมนุษย์ของจริง อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีที่พวกเขามีอยู่ในมือบวกกับวิธีการสื่อสารที่เจ๋งเป้ง ประสิทธิภาพในการทำงานของพวกเขาสูงกว่ารุ่นก่อนพอสมควร

…ก็ไม่ต้องเสียเวลาขึ้นรถลงเรือนี่

millenial

3.พวกเขาเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่ได้อยู่ในกระดาษ

คนสมัยก่อนชอบยึดปริญญาบัตรเป็นที่ตั้ง คิดว่าพวกเขาจะได้งานหรือไม่ได้งานขึ้นอยู่กับพวกมันแต่เด็กรุ่นใหม่บอกว่าพวกเขาอยากเรียนรู้อะไรจากบริษัท ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่แคร์ปริญญาแต่พอมาในเรื่องของการทำงานพวกเขาแคร์ว่าอะไรเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากเรียนรู้มากกว่า โลกทัศน์ของคนยุคใหม่คือการเรียนรู้ไม่สิ้นสุดและพร้อมจะโดดไปเรียนคอร์สออนไลน์ ฝึกงานที่ตัวเองสนใจ

4.พวกเขาชอบเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น

คนรุ่นใหม่อยากเรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์ตรงในสิ่งที่เขาต้องการเสียมากกว่า คำว่า ‘pick the brains’ หรือการขโมยความรู้จากคนอื่นมาใส่ในหัวตัวเองเป็นสิ่งที่เด็กยุคใหม่ทำอยู่เสมอ พวกเขาเบื่อกับการต้องมานั่งเข้าห้องเรียนและฟังจากปากพวกผู้เชี่ยวชาญที่ทำธุรกิจเองก็เจ๋งนั้นแหละ

5.พวกเขาเชื่อในชีวิต ไม่ใช่การบาลานซ์ชีวิตและงาน

คนรุ่นใหม่ไม่ได้อุทิศชีวิตให้งานแล้วนะ พวกเขาดีไซน์ชีวิตตัวเองโดยมีงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตต่างหาก ในโลกของพวกเขามี ขณะที่พวกผู้ใหญ่พูดว่า “โลกในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร” แต่เด็กรุ่นใหม่พูดว่า “ชิวิตของฉันจะดีไซน์มันว่าอย่างไร” พวกเขาไม่คิดว่าต้องตามกระแสโลกแต่พวกเขาจะทำให้โลกกลายมาเป็นกระแสของตัวเอง

อีกมุมมองใหม่ของเด็กๆ ที่ผู้ใหญ่อาจละเลย อืม น่าสนใจไหมล่ะคุณ…

Source


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง