ปรากฏการณ์การแห่ปลดพนักงาน และใช้มาตรการรัดเข็มขัดอื่นๆ ร่วมด้วย ยังเกิดขึ้นตลอดเวลา ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่กระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จะถูกควบคุม แล้วผลักให้สถานการณ์โลกกลับคืนสู่ปกติ
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา มีอีก 2 บริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดี อย่าง ‘Airbnb และ Uber’ ที่ตัดสินใจเดินตามรอยบริษัทอื่นทั่วโลก ในการปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยระยะเวลาที่แพร่ระบาดมานานหลายเดือนแล้ว จึงเริ่มส่งผลกระทบเป็นวงกว้างขยายต่อไปอีก
Airbnb
โดย Airbnb ประกาศก่อนหน้า Uber เพียงวันเดียว ว่าเตรียมจะปลดพนักงานราว 25% หรือจำนวน 1,900 คนจากที่มีพนักงานทั้งหมดทั่วโลก 7,500 คน
ทั้งนี้ Brian Chesky CEO และ cofounder ของ Airbnb ได้ระบุในจดหมายเวียนถึงพนักงานว่า “เรากำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบากและเลวร้ายที่สุดด้วยกัน ซึ่งการแพร่ระจายของไวรัสทำให้การท่องเที่ยวทั่วโลกหยุดนิ่ง ขณะที่บริษัทเราได้รับผลกระทบอย่างหนัก และรายได้ของปีนี้คาดว่าจะน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ในปี 2019”
“อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคาดว่าจะกลับมาดีขึ้น แต่ต้องผ่านวิกฤตนี้ไปก่อน ดังนั้น สิ่งที่บริษัททำได้ตอนนี้ก็คือ ขอบคุณพนักงานทุกคนที่ร่วมฝ่าฟันมาด้วยกัน และมันไม่ใช่ความผิดของพนักงานแม้แต่น้อย”
Uber
อีกหนึ่งรายที่ต้านพิษ COVID-19 ไม่ไหว ก็คือ Uber ธุรกิจ Ride-sharing เจ้าใหญ่ของโลก ที่ประกาศจะใช้มาตรการประหยัดค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน โดย Uber เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ว่าจำเป็นต้องปลดพนักงานจำนวน 3,700 คน หรือราว 14% จากทั้งหมด 26,900 คนทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ‘Dara Khosrowshahi’ CEO ของ Uber ยืนยันด้วยว่า เขาจะไม่รับเงินเดือนที่เหลือจนถึงปลายปี 2020 เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทให้สามารถพยุงตัวได้จนกว่าจะพ้นวิกฤต ทั้งนี้ เงินเดือนของเขาในปี 2019 อยู่ที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 32 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม เขาจะยังได้รับค่าตอบแทนจากส่วนอื่น เช่น เงินโบนัส และหุ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลของ The Information ระบุว่า เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ยอดบุกกิ้งของ Uber ลดลงสูงถึง 80% ขณะที่ หุ้นของ Uber ลดลงถึง 4% ณ วันที่ 6 พ.ค.63
ส่วนธุรกิจบริการส่งอาหาร ‘Uber Eats’ ยอมรับว่า ในช่วงที่เกิดวิกฤตการระบาดมีการเติบโตมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทดแทนธุรกิจหลักได้ เนื่องจากธุรกิจ Ride-sharing ของ Uber มีสัดส่วนรายได้มากขึ้น 81% ส่วนบริการจัดส่งอาหารอยู่ที่ 11% ตามรายงานในไตรมาส 4/2019
ตัวอย่างบริษัทที่ปลดพนักงาน-คุมค่าใช้จ่ายก่อนหน้านี้
มีหลายๆ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบไปแล้วจากการระบาดของไวรัสชนิดนี้ ซึ่ง MarketingOops! อยากจะรวบรวมตัวอย่างจากบริษัทรายใหญ่ๆ ที่ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งแรงสะเทือนนี้ไปไกลทั่วโลกกว่า 212 ประเทศ ณ วันที่ 8 พ.ค.63 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อทั้งหมดกว่า 3,917,653 ราย
Virgin Atlantic Airway
สายการบินของรัฐ Virgin Atlantic สัญชาติอังกฤษ ได้ประกาศเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา จำเป็นต้องใช้มาตรการลด cost เท่าที่ทำได้ โดยเตรียมจะปลดพนักงานออกจำนวน 3,150 คน ต่อเนื่องจากที่ได้ปลดระวางเครื่องบิน Boeing 747-700 ตั้งแต่ต้นปี 2020 อันเป็นสัญลักษณ์ของสายการบิน โดยยอมรับว่าครั้งนี้เป็นการปลดพนักงานจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์
United Airlines
อีกหนึ่งสายการบินรายใหญ่ ‘United Airlines’ ที่มีกระแสรั่วไหลออกมาเมื่อวันที่ 4 พ.ค.63 ว่าสายการบินอาจจะเตรียมปลดพนักงานตามรอยบริษัทอื่นๆ โดยคาดกันว่าราว 30% ของพนักงานทั้งหมดจะถูก layoff หรือประมาณ 3,400 คน ส่วนหนึ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของบริษัท ทั้งยังมีแว่วๆ ว่าจะเริ่มมาตรการคุมค่าใช้จ่ายนี้ ในวันที่ 1 ต.ค. 63
Lyft
บริษัทที่ให้บริการเรียกรถ Taxi รายใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก Uber ได้ประกาศเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทจำเป็นต้องใช้มาตรการปลดพนักงานเพื่อพยุงเศรษฐกิจของบริษัท เป็นจำนวนพนักงานทั้งหมด 982 คน และพักงานชั่วคราว 288 คน คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 17% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทจะใช้มาตรการลดค่าใช้จ่ายทางอื่นเพิ่มเติม เช่น ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในช่วงนี้ และลดเงินเดือนของผู้บริหารระดับสูงด้วย
Boeing
Boeing บริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานและยุทโธปกรณ์ ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศในวันที่ 29 เม.ย.เช่นเดียวกัน ว่าบริษัทต้องลดพนักงานลงราว 10% หรือประมาณ 16,000 คน โดยเป็นวิธีการคัดคนออกทั้งแบบสมัครใจและไม่สมัครใจ หลังไตรมาส 1/2020 รายได้ร่วงไปกว่า 26% และขาดทุนราว 641 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
TripAdvisor
เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ยกย่องว่าเป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในโลก ในแง่ของจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ‘TripAdvisor’ สัญชาติอเมริกัน ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 63 ตัดสินใจปรับลดพนักงานไม่ต่างจากรายอื่น โดยคาดว่าจำนวนพนักงานที่จะถูก layoff ประมาณ 900 คน คิดเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด
โดยจำนวนพนักงานที่ถูกปลด คิดเป็น 600 ตำแหน่งในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา อีก 300 ตำแหน่งจะเฉลี่ยแต่ละสำนักงานที่ให้บริการทั่วโลก ขณะที่ Stephen Kaufer, CEO ของ TripAdvisor ยืนยันจะไม่รับเงินเดือนตลอดทั้งปี 2020 เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
Hertz
ธุรกิจบริการให้เช่ารถรายใหญ่ของสหรัฐฯ ‘Hertz’ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนต้องประกาศปลดพนักงานถึง 10,000 คน เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 63 โดยจะเป็นพนักงานจากทวีปอเมริกาเหนือ คิดเป็นสัดส่วน 26.3% ของพนักงานทั้งหมด จากประมาณ 38,000 คนทั่วโลก
Walt Disney World
พิษ COVID-19 สะเทือนแรงจริงๆ ไม่เว้นแต่ สวนสนุกระดับโลกอย่าง ‘Walt Disney World’ ที่จำเป็นต้องออกมาตรการ ‘พักงานชั่วคราว’ ต่อพนักงานกว่า 43,000 คน โดยมีผลเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 63 หลังจากประกาศอย่างเป็นทางการได้เพียง 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. สวนสนุกแห่งนี้ได้ประกาศปิดให้บริการลงชั่วคราว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแม้แต่คนเดียว
Tesla
เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา Tesla บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ส่งอีเมล์ชี้แจงพนักงาน ระบุว่า บริษัทจำเป็นต้องพักงานพนักงานชั่วคราวในฝ่าย/แผนกที่ไม่จำเป็นในช่วงนี้ อย่างน้อยจนถึง วันที่ 4 พ.ค. หรืออาจจะต้องต่อระยะเวลาออกไปอีก หากสถานการณ์ COVID-19 ไม่ดีขึ้น
รวมไปถึงบริษัทต้องลดเงินเดือนพนักงานที่ถูกพักงานลง 10% อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวไม่ได้ชี้แจงชัดเจนว่าพนักงานฝ่ายที่ต้องถูกพักงานคืออะไรบ้าง
WPP
บริษัท WPP ผู้ให้บริการด้านโฆษณา และประชาสัมพันธ์รายใหญ่ของโลกจากกรุงลอนดอน ก็ได้ประกาศมาตรการลดค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน โดยมาตรการหลักๆ ที่จะใช้กับ WPP ในกรุงลอนดอน เช่น ลดเงินเดือนในตำแหน่งระดับสูง 20% อย่างน้อย 3 เดือน, เลื่อนกำหนดขึ้นเงินเดือนพนักงาน, งดรับพนักงานใหม่ชั่วคราว, ระงับค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย, ระงับค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าร่วมงานแสดงรางวัลต่างๆ รวมถึง ลดงบประมาณสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และ IT
นี่เป็นเพียงบางส่วนของภาคธุรกิจเท่านั้นที่เราได้ยกตัวอย่างให้ดูกัน ยังมีอีกหลายๆ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้แน่ๆ ก็คือ ความน่ากลัวจากความไม่แน่นอนของการระบาด COVID-19 ที่กำลังกัดกินภาคธุรกิจ ภาคประชาชน แม้แต่รัฐบาลในแต่ละประเทศเอง ยังต้องกุมขมับ ไม่ว่าจะอย่างไรเราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับทุกคนต่อสู้ไปด้วยกัน
ที่มา : cnn, cnbc, businessinsider