Website never dies “Long live the content”

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ช่วงเวลาสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นมีข่าวหนึ่งนั้นสะดุดตาผมพอดีในเรื่องการทำเว็บไซต์นั้นจะตาย หรือสื่อเว็บไซต์นั้นจะหมดไป เพราะคนหมดความสนใจและหันมาใช้สื่ออย่าง social network มาขึ้นโดยอ้างอิงแบรนด์ ๆ หนึ่งในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์แทน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพื่อให้แบรนด์นั้นสามารถสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Millenials มากขึ้น ซึ่งวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันว่า Website นั้นจะตายลงจริงไหม

the-web-is-dead

เมื่อปี 2010 มีบทความหนึ่งที่ออกมาจาก Chris Anderson ในชื่อบทความว่า The Web Is Dead. Long Live the Internet ตีพิมพ์ลงนิตยสาร Wired US ในเดือนกันยายน 2010 ซึ่ง Chris Anderson นั้นถือได้ว่าเป็นคนดังในโลกของ It, Technology และ Digital  เป็นผู้ประกอบการและเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Long Tail นอกจากนี้ยังเป็น VC ชื่อดังที่อยู่ใน Silicon Valley ที่ลงในบริษัทต่าง ๆ มากมายอีกด้วย ซึ่งเมื่อ Chris ออกมาให้ความเห็นนั้นก็ต้องรับฟังและให้ความสนใจ ซึ่งเมื่อคราวนั้นเป็นประเด็นไปทั้งโลกที่ Social network กำลังบูมเต็มที่ และปริมาณการใช้อินเทอร์เนตสูงขึ้นอย่างมากมาย ทำให้การใช้เว็บไซต์หรือสื่อเว็บไซต์นั้นปรับตัวลดลง ปริมาณการใช้งานอื่น ๆ เช่นการดูวิดีโอนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และการใช้งานเพื่อการอื่น ๆ ก็เพิ่มอย่างเช่นกัน

Screen Shot 2558-11-07 at 3.32.11 PM

ด้วยยุคนั้นการมาถึงโลกของ Application กลายมามีความสำคัญทำให้กิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นผ่าน Application หรือ Social network ที่กำลังบูมอย่างมากมาย ทำให้กิจกรรมทางเว็บไซต์นั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด และกิจกรรมผ่านมือถือเหล่านี้แซงหน้ากิจกรรมที่ทำผ่านคอมพิวเตอร์อย่างเห็นได้ชัด (ซึ่งปัจจุบันก็เป็นอยู่) ทำให้ในยุคนั้นหลาย ๆ คน รวมทั้งผมเองนั้นก็คิดว่า เว็บไซต์นั้นจะหมดความนิยมลงและคนนั้นจะหันไปใช้ Application หรือสื่ออื่น ๆ แทนเว็บไซต์มากขึ้น จากวันนั้น ถึงวันนี้เว็บไซต์ไม่เคยตายและไม่เคยจากไป แต่รูปแบบการใช้เว็บไซต์นั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดและเป็นสื่อหนึ่งที่ใช้ควบคู่กับสื่ออื่น ๆ

ff_webrip5_f

ผ่านมา 5 ปี การพูดถึงเรื่องเว็บไซต์ตายนั้นกลับมาอีกครั้ง เพราะด้วย Nescafe นั้นย้ายเว็บไซต์ของตัวเองที่เป็นรูปแบบ orginal website ย้ายไปอยู่บน platform ที่เรียกว่า tumblr ซึ่งนักการตลาดที่ไม่เคยใช้ Tumblr หรือไม่เคยทำการเขียน blog นั้นจะไม่คุ้นชิน แต่รูปแบบการใช้ tumblr นั้นมีส่วนผสมของ social network ที่ผสมกับการเขียน blog และสามารถเชื่อมโยง blog ต่าง ๆ ได้เป็นเครือข่าย ดังเช่นการใช้งานใน wordpress ซึ่งเมื่อใช้ tumblr นั้นสามารถแก้ไขหน้าตา หรือระบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมต่อการแสดงผลได้ และสามารถทำให้กลายเป็นเว็บไซต์ย่อม ๆ ได้เลย และดังเช่น WordPress เรื่องราวที่ติด hashtag หรือมี topic เดียวกันจะถูกจัดมาแสดงผลให้คนอ่านได้ติดตามได้ง่ายขึ้น และข้อดีของ tumblr ที่เหนือกว่า wordpress คือการที่คิดแบบ social network ที่สามารถกระจายเรื่องราวหรือทำตัวแบบ facebook ได้เช่นกันไม่ว่าจะ reblog (คล้าย ๆ กับการ retweet) หรืออื่น ๆ

Screen Shot 2558-11-07 at 3.39.30 PM

กิจกรรมที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่การที่เรียกว่าสื่อเว็บไซต์นั้นตาย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้งานรูปแบบเว็บไซต์แบบหนึ่ง สิ่งที่ตายจริง ๆ นั้นคือระบบการทำการสื่อสารทางการตลาดแบบเดิมหรือแบบความคิดเดิม ๆที่ใช้กันมา และทำ content หรือเนื้อหาแบบเดิมนั้นต่างหาก จากการที่ใช้เว็บไซต์ในรูปแบบที่ตั้งรับเพื่อให้คนที่สนใจเข้ามา หรือการทำเนื้อหาที่สื่อสารสิ่งที่แบรนด์อยากจะสื่อสารโดยไม่สนใจว่าใครจะอ่านใครจะสนใจนั้นจะหมดลง เพราะยุคนี้ผู้บริโภคนั้นไม่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์อยู่แล้ว และสามารถเปลี่ยนแบรนด์หรือความสนใจได้ทันที ถ้าแบรนด์นั้นไม่ตอบโจทย์หรือไม่ได้เล่าสิ่งที่ผู้บริโภคอยากได้ เพราะฉะนั้นรูปแบบไม่ว่าเว็บไซต์นั้นจะอยู่ที่ไหน หรืออยู่ใน Platform ใดการทำ Content นั้นจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่จะเล่าให้เกิดความสนใจได้

Screen Shot 2558-11-07 at 3.38.38 PM

นอกจากนี้รูปแบบการทำ Content Platform นั้นกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และเว็บไซต์นั้นก็ยังคงความสำคัญอยู่ และแบรนด์หรือนักการตลาดนั้นต้องคิดในความเสี่ยงที่ว่าวันหนึ่งที่ Social Network หรือ platfrom นั้นหายไปจะทำเช่นไร เพราะนี่มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งจากในอดีตที่ผ่านมา ที่นักการตลาดหลาย ๆ คนเกือบตกเหวหรือล้มเหลวทางการตลาดดิจิทัล เพราะไปทุ่มสุดตัวกับ platform ใด platform หนึ่ง เช่น Hi5 หรืออื่น ๆ ซึ่งการมีสินทรัพย์อย่างเช่น Website เป็นของตัวเองนั้นเป็นรูปแบบการการันตีอย่างหนึ่งว่า แม้ระบบใด ระบบหนึ่งล้มไป อย่างน้อยแบรนด์นั้นก็ยังแหล่งที่อยู่ของแบรนด์นั้นอยู่กับตัวเอง และสามารถควบคุมและดูแลเองได้ โดยไม่ต้องง้อ Platfrom ต่าง ๆ (ใครที่เคยทำธุรกิจกับ facebook จะรู้ดีว่าต้องง้อในการ support แค่ไหน)

Screen Shot 2558-11-07 at 3.44.09 PM

ทั้งนี้การทำ Content และการวางกลยุทธ์ Content ให้เกิดการแพร่ขยายตัวไปตาม Platform ต่าง ๆ นั้นมีความสำคัญขึ้นมา นักการตลาดต้องคิดในรูปแบบใหม่ว่า จะทำการตลาดเชิงรุกไปสู่กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ได้อย่างไร และทำให้กลุ่มเป้าหมายกลับมาปฏิสัมพันธ์กับตัวเองอได้อย่างไร เพราะลำพังการย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ ใน Platform ที่กลุ่มวัยรุ่นเล่นนั้นไม่ช่วยอะไร ถ้า Content นั้นไม่โดนจริง ๆ


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ