เปิดประเด็นร้อน ทำไม Twitter ต้องโฆษณาบน TV?

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

โฆษณาทีวีตัวแรกของ Twitter ซึ่งเริ่มเผยแพร่สู่สายตาผู้บริโภคอเมริกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องราวของการแข่งขันรถแข่งรายการ NASCAR แต่สำนัก Techcrunch มองว่าโฆษณาชุดนี้ไม่ได้หวังเรียกความสนใจจากผู้บริโภค ให้ร่วมกันเป็นผู้ติดตามหรือ follower ใน Hashtag รายการแข่งรถ NASCAR บน Twitter เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการโชว์ให้นักการตลาดทั่วโลกเห็นว่า แบรนด์จะได้รับอะไรบ้างหากเป็นพันธมิตรกับเครือข่ายสังคมอย่าง Twitter

httpv://youtu.be/1a51TozHcBU 

ในโฆษณาแสดงชัดเจนถึงคีย์เวิร์ดหรือ hashtag ที่พร้อมให้สาวก NASCAR ได้ติดตามใน Twitter สำนักข่าว Business Insider เป็นรายแรกที่ตั้งข้อสังเกตว่า เพจ Twitter.com/#NASCAR นั้นจะถูกรีไดเร็กไปที่ twitter.com/hashtag/nascar ซึ่งเป็น landing page ใหม่ล่าสุดสำหรับรายการแข่งขันรถสุดมันส์ งานนี้ Twitter ชี้แจงในบล็อกว่า แฟน NASCAR จะได้รับข่าวสารมากมายจากเพจ Twitter.com/#NASCAR ทั้งความเห็นจากตัวนักขับมือพระกาฬ ทีมงานของแต่ละทีม รวมถึงนักวิจารณ์อื่นๆ ถามยังได้สัมผัสภาพเบื้องหลังการแข่งที่หาชมได้ยากจากสื่อทั่วไป ซึ่งโฆษณานี้ถือเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Twitter และ NASCAR ในการผลักดันให้ผู้บริโภคกระโดดลงไปในบริการของ Twitter แบบตูมเดียวเพื่อเสิร์ชว่า #NASCAR แทนที่จะต้องฟังคำแนะนำเบาๆจากสื่ออื่น

แต่ทั้งหมดนี้ถูกแปลความว่า นี่คือครั้งแรกที่ Twitter เปิดตัวบริการ “brand page” อย่างเป็นทางการ โดยอิงจากคุณสมบัติ hashtag ซึ่งโฆษณาชุด NASCAR นี้ต้องการเป็นตัวสาธิตให้นักการตลาดทั่วโลกเห็นว่าเพจ hashtag นี้สามารถทำประโยชน์ได้จริงๆ

สำนัก Techcrunch เชื่อว่าพันธมิตรของ Twitter ลักษณะนี้จะมีจำนวนมากขึ้นแน่นอนในอนาคต เพราะโลกนี้ยังมีรายการแข่งขันกีฬาอีกมากนอกเหนือจาก NASCAR รวมถึงแบรนด์สินค้ารายใหญ่อื่นๆในอนาคตที่สามารถทำประโยชน์จาก hashtag page ในลักษณะนี้ โฆษณาชุดนี้มีโอกาสูงที่จะจุดประกายความคิดของนักการตลาดทั่วโลกให้สร้าง social marketing page จาก hashtag ของตัวเอง แทนที่จะใช้วิธีซื้อโฆษณาจาก hashtag หรือข้อความ tweet แบบเดิมๆ

ทั้งหมดนี้คือลางบอกเหตุว่า เพจ hashtag กำลังเป็นช่องทางใหม่ของนักการตลาดบนโลกโซเชียล (social marketer) ซึ่งตอกย้ำอีกครั้งว่า การมีแต่เว็บไซต์แบรนด์นั้นไม่เพียงพอแน่นอนในโลกยุคนี้!!

Via Techcrunch 


  •  
  •  
  •  
  •  
  •