ในที่สุด Tim Cook ซีอีโอ Apple ก็ยอมรับแล้วว่า ‘ราคา’ มีผลทำให้ทั้งรายได้และยอดขาย iPhone ตก ตามการชี้แจงในรายงานผลประกอบการของ Apple ในไตรมาสแรกประจำปี 2019 ที่ปิดไตรมาสไปเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2561
ไตรมาสดังกล่าว ทาง Apple รายงานว่า มีรายได้รวม 84,310 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายของ iPhone ซึ่งเป็นตัวเอกของ Apple อยู่ที่ 51,982 ล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 15% ขณะที่ยอดขายสินค้าอื่น ๆ อาทิ iPad, Mac , อุปกรณ์สวมใส่ ฯลฯ และธุรกิจบริการเติบโตขึ้น 19%
ทั้งนี้ Tim Cook ซีอีโอ Apple ชี้แจงในรายงานผลประกอบการว่า แม้ตัวเลขจะออกมาน่าผิดหวังจากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ แต่เป็นปัญหาระยะสั้น เพราะมีตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นปัจจัยพื้นฐานที่ดีของ Apple อาทิ อุปกรณ์ที่มีการใช้งานรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,400 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียว
พร้อมกับกล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งคนอัพเกรด iPhone ช้าลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เห็นชัดในตลาดจีนและ Emerging Market หรือตลาดประเทศเกิดใหม่ จนส่งผลต่อยอดขาย iPhone , การให้ส่วนลดค่าเครื่องของผู้ให้บริการ (Subsidies) โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ที่เดิมจะมีส่วนลดค่าเครื่องขายพร้อมแพ็กเกจ แต่ปัจจุบันมีการให้ส่วนลดน้อยลง ฯลฯ
นอกจากนี้ การที่ราคา iPhone รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นiPhone XR , XS Max และ XS สูงขึ้นในหลายประเทศ อันเนื่องมาจากปัจจัยค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ก็ส่งผลต่อยอดขาย iPhone เช่นเดียวกัน ซึ่งทาง Apple เริ่มทยอยปรับราคาลงในหลายประเทศให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ส่วนผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2019 ทาง Apple ประเมินไว้ว่า
– รายได้จะอยู่ระหว่าง 55-59 พันล้านดอลลาร์
– กำไรขั้นต้นอยู่ระหว่าง 37 – 38%
– ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ระหว่าง 8.5 – 8.6 พันล้านดอลลาร์
– รายได้อื่น ๆ 300 ล้านดอลลาร์
– อัตราภาษีอยู่ที่17%
ที่มา : apple
