เซ็นทารา ทุ่มกว่า 2 หมื่นล้านขยายธุรกิจ รองรับการท่องเที่ยวฟื้นตัวแรง ตั้งเป้าฟันรายได้ 10,000 ล้านปีนี้

  • 188
  •  
  •  
  •  
  •  

การท่องเที่ยวไทยคึกคักชนิดที่ไม่ต้องกางสถิติแค่เห็นด้วยตาก็ดูออก ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมที่ซบเซามานานในช่วงวิกฤตของโรคระบาด จึงเป็นโอกาสอันดีที่เครือโรงแรมใหญ่อย่าง “เซ็นทารา” ใช้โอกาสในช่วงนี้เร่ขยายการเติบโต พร้อมตั้งเป้าอย่างฮึกเหิมว่า ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท

 

ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL กล่าวถึงแผนและกลยุทธ์ในปี 2566 ว่า จากการที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้ CENTEL เดินหน้ากลับมาขยายการลงทุนโรงแรมต่อเนื่อง พร้อมกับการขยับขยายเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่อีก 6 แห่ง โดยเป็นไทย 5 แห่ง และต่างประเทศอีก 1 แห่ง ได้แก่ โรงแรมเซ็นทารา อุบลราชธานี, โรงแรมเซ็นทารา ระยอง,โรงแรมเซ็นทารา วัน (Centara One) อยุธยา, โรงแรมเซ็นทรา สมุย, โรงแรมเซ็นทรา สุราษฎร์ธานี และ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา โรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์เซ็นทาราแกรนด์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ upper upscale ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านนัมบะ มีความสูง 33 ชั้น พร้อมห้องพักจำนวน 515 ห้องเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 นี้ ซึ่งรวมไปถึงการขยายการร่วมลงทุนขยายโรงแรมในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย ขณะเดียวกัน ยังเล็งที่จะมีแผนเปิดสำนักงานในหัวเมืองสำคัญอย่างโฮจิมินห์ เซี่ยงไฮ้ และดูไบ ในปีนี้ เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงมีแผนเปิดสำนักงานเพิ่มอีกแห่งในโอซาก้าในปีหน้า เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจในภูมิภาค

ส่วนในการดำเนินธุรกิจด้านการบริหารโรงแรมก็ลุยต่อเพิ่มอีก 10 แห่งในต่างประเทศ โดยวางเป้าหมายเป็นประเทศการท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ เวียดนามและกาตาร์ และเซ็นทารายังเตรียมขยายความสำเร็จของแบรนด์เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักอื่น ๆ อาทิ ในพื้นที่หัวหิน กระบี่ และมัลดีฟส์ อีกด้วย

 

ตั้งเป้ารายได้ที่ 10,000 ล้านในปีนี้ (2566)

ในปีนี้เรามองว่าเป็นปีที่การท่องเที่ยวฟื้นตัว ดังนั้ เราตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่  10,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2562 โดยปีที่แล้วายได้อยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านบาท เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวไทยหลังโควิด เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวมีคุณภาพกระเป๋าหนักและพักอยู่นาน ทำให้เซ็นทาราปรับราคาขายห้องพักได้เพิ่มขึ้น บางโรงแรมปรับเพิ่มได้สูงกว่าปีก่อนเกิดโควิดในปี 2562 ไปแล้ว และ ในปีนี้เซ็นทาราคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ย ในปี 2566 จะอยู่ที่ 65-72% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) เติบโต 30-37% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3,250-3,400 บาท ทั้งนี้ การเติบโตของ RevPar มาจากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น และราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรงแรมต่างประเทศ เช่นที่ในมัลดีฟส์ ดูไบและญี่ปุ่นที่ราคาเฉลี่ยสูงกว่าราคาห้องพักในประเทศไทย

 

นอกจากนั้น เซ็นทารายังขยายเครือข่ายพันธมิตรทางการตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจสายการบิน ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า และบริษัทท่องเที่ยวต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบโปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวัน (CentaraThe1) ซึ่งในปัจจุบันมีฐานลูกค้าในโปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันแล้วกว่า 7 ล้านคน สำหรับในปีนี้เซ็นทาราตั้งเป้าเพิ่มฐานสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันให้ได้มากกว่า 8 ล้านคน นอกจากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราจะครบรอบ 40 ปีแล้วนั้นในปีนี้โปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันก็ครบรอบ 10 ปีในปีนี้ด้วยเช่นกัน เซ็นทารา จึงได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางการตลาดอย่างสายการบินชั้นนำระดับโลก อย่างกาตาร์ แอร์เวย์, สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส และเตอร์กิช แอร์ไลน์ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่สมาชิกเซ็นทาราเดอะวันผ่านแคมเปญแลกเปลี่ยนคะแนนกับสมาชิกได้สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ ในปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 ของเซ็นทารา เราเดินหน้าขยายธุรกิจและโรงแรมไปยังตลาดใหม่ทั่วโลก พร้อมพัฒนาคอนเซ็ปต์แบรนด์โรงแรมใหม่ ๆ โดยมี เป้าหมายเติบโตและก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายในปี 2570

 

ปีนี้นับเป็นปีที่น่าตื่นเต้นของเซ็นทารา ทั้งการฉลองครบรอบ 40 ปี ของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก แม้ต้องเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระนั้นเรายังสามารถเติบโตและขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดเซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย เซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ และเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า ที่กำลังจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้” ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าว “ในปีพ.ศ. 2566 นี้ เราพร้อมรุกขยายเครือข่ายโรงแรมและผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อพลิกฟื้นตลาดท่องเที่ยวในไทยและต่างประเทศ พร้อมมอบประสบการณ์การบริการด้วยไมตรีจิตไทยอย่างเหนือระดับของเซ็นทาราให้แก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก”

ทุ่มงบ 1.5 – 2.3 หมื่นล้าน ขยายธุรกิจโรงแรม-อาหาร

กันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และรองประธานฝ่ายการเงินและฝ่ายบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL สำหรับการขยายการลงทุนของ CENTEL ในช่วง 3 ปีนี้วางงบฯ ลงทุนอยู่ที่ 1.5-2.3 หมื่นล้านบาท ทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร โดยธุรกิจอาหารวางงบลงทุนไว้ราว 1,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนโรงแรมส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนสร้าง 3 โรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์ ใน 3 เกาะที่เราเป็นเจ้าจอง ได้แก่ เซ็นทารา  มิราจ มัลดีฟส์ ,เซ็นทาราแกรนด์มัลดีฟส์ 2เกาะนี้ลงทุนกว่า 5,000 ล้านยังไม่รวมค่าถมดิน และส่วนเกาะที่ 3 กำลังพิจารณาว่าจะเป็นโรงแรมเซ็นทารา รีเซิร์ฟ มัลดีฟส์ โดยทั้ง 3 โรงแรมที่มัลดีฟส์น่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2567 รวมไปถึงการปรับปรุงโรงแรมเซ็นทารา มิราจ พัทยา และเซ็นทารา กะรน ภูเก็ตด้วย

 

ทั้งนี้ กลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเซ็นทาราในตลาดต่างประเทศ คือการลงนามสัญญาบริหารเพื่อเปิดให้บริการโรงแรมในประเทศกลุ่มอาเซียน อาทิ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม รวมถึงการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำในจีนเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยมีกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางเป็นตลาดหลักของเซ็นทารา อย่างไรก็ดี เซ็นทารายังคงมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในหัวเมืองท่องเที่ยว เพื่อเติบโตธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ผลสำเร็จ ปี 2565 เพิ่มขึ้น 120%

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2565 CENTEL มีรายได้รวมอยู่ที่ 18,216 ล้านบาท (ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร)เพิ่มขึ้น 57% บริษัทมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA) รวมอยู่ที่ 4,411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120% เทียบปีก่อน

 

รวมถึงมีกำไรสุทธิ 398 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุนสุทธิ 1,734 ล้านบาท โดยมีภาพรวมของอัตราการเข้าพัก (OCC Rate) อยู่ที่ 52% และราคาห้องพักเฉลี่ย (ARR) อยู่ที่ 4,791 บาท ส่งผลให้รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) เพิ่มขึ้น 193% เทียบปีก่อน เป็น 2,486 บาท

 

จากข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เซ็นทารามีโรงแรมและรีสอร์ตในเครือทั้งหมด 92 แห่ง (เปิดให้บริการแล้ว 50 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนา 42 แห่ง) มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 19,348 ห้องพัก ใน 13 ประเทศ ขณะเดียวกันเซ็นทารายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมาพร้อมกับแผนระยะยาวในการลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง อาทิ การเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single used plastic) ภายในปีพ.ศ. 2568

 

ส่วนนโยบายด้านความยั่งยืน มีการให้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือทุกแห่งได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมจาก Global Sustainable Tourism Council – GSTC ภายในปีพ.ศ. 2568 และ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20% ด้วยการบริหารจัดการการใช้พลังงาน การใช้น้ำ และการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพภายในปีพ.ศ. 2572 และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปีพ.ศ. 2593


  • 188
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!