เศรษฐกิจไทยยึดโยงกับเศรษฐกิจโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเศรษฐกิจโลกมีปัญหาทำให้กำลังซื้อลดลง ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยและกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทยเป้นเงาตามมา ดังนั้นหากเศรษฐกิจโลกคลี่คลายโอกาสที่กำลังซื้อจากต่างประเทศจะมีมากขึ้น และส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น รวมไปถึงโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็จะดีมากขึ้นตาม
ซึ่งเศรษฐกิจโลกมักจะเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจของมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และดูเหมือนจะมีข่างดี เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด (FED) เตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับสูงสุดในรอบ 23 ปี โดยนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เกือบจะลดลงและตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัว แม้ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่หรือลดลงมากแค่ไหน แต่นักวิเคราะห์คาดว่าน่าจะปรับลดลงเพียง 0.25
นายพาวเวลล์ยังย้ำว่า อัตราเงินเฟ้อดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การควบคุมเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่พุ่งสูงที่สุดในรอบ 4 ทศวรรษ โดยอัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือ 2.5% ในเดือนที่ผ่านมา จากที่เคยพุ่งสูงถึง 7.1% เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านั้น และยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ จะกลับสู่ระดับ 2% การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเพื่อการบริโภครูปแบบอื่นๆ ลดลงด้วย
นอกจากนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสจ้างงานช่วยฟื้นฟูตลาดแรงงานในสหรัฐฯ หลังอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกถึงกำลังซื้อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นตาม และหมายถึโอกาสที่ธุรกิจไทยจะสามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงนอกจากจีน
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังไม่ยืนยันแน่นอนว่า สัญญาณดังกล่าวจะกลายเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการประชุมวันที่ 18 กันยายนนี้
Source: Reuters,Japan Today