แม้จะเป็นการผนึกกำลังจาก 2 ยักษ์ที่แข็งแกร่งอย่างเครือเซ็นทรัล และ JD.com แต่ ‘เจดี เซ็นทรัล’ ก็ถือเป็นน้องใหม่ในตลาดและอยู่ท่ามกลางการแข่งขันดุเดือดจากคู่แข่งที่ล้วนอยู่ระดับ Big name ไม่แพ้กัน ทำให้หลายคนสงสัยว่า น้องใหม่รายนี้วางอะไรไว้เป็นหมัดเด็ดในการสู้ศึกในสนามนี้
คำตอบที่ ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานคณะกรรมการบริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด ให้ไว้ก็คือ การสร้างความไว้วางใจ หรือ Trust เพื่อทำให้ เจดี เซ็นทรัล เป็นแพลตฟอร์มที่ลูกค้ายอมรับ เป็นภารกิจสำคัญในช่วงปีแรกของการดำเนินการ ขณะที่ยอดขายหรือรายได้ เป็นเรื่องรองลงมา
“เราเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อกันยายนปีนี้ สิ่งที่เราต้องการตอนนี้ คือ พยายามสร้างพื้นฐานให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะความไว้วางใจ เพราะถือเป็น Pain point สำคัญในธุรกิจชอปปิ้ง ออนไลน์ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค”
สำหรับการสร้าง Trust ได้มีการสื่อสารชัดเจนตั้งแต่สโลแกน ‘ชอปของดี การันตีของแท้’ โดยมีการันตีว่า สินค้าที่วางขายบนเจดี เซ็นทรัล เป็นของแท้ 100% หากพบสินค้าปลอม ยินดีคืนเงินให้ 3 เท่า หรือสินค้ามีปัญหา สามารถคืนได้ภายใน 7 วัน หรือ 15 วัน
นอกจากนี้ การสร้างความไว้วางใจ ยังเน้นในเรื่องความเร็วในการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า อีกหนึ่งเรื่องสิ่งสำคัญในธุรกิจชอปปิ้ง ออนไลน์
โดยตอนนี้ลูกค้าของ เจดี เซ็นทรัล ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล มีบริการจัดส่งสินค้าให้ได้ภายวันเดียว (Same Day Delivery) คือ หากสั่งซื้อสินค้าก่อนเวลา 11.00 น. จะได้รับสินค้าภายในเย็นหรือค่ำของวันที่สั่ง หากเกิน 11.00 น. ก็จะได้รับสินค้าในวันถัดไป
ในอนาคตบริการดังกล่าว จะขยายไปใช้ในพื้นที่ต่างจังหวัด ด้วยการใช้เงินลงทุนราว 2,000-3,000 ล้านบาท ในการขยายคลังสินค้าใหม่อีก 3 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ , พื้นที่ภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี , พื้นที่ภาคอีสานที่จังหวัดขอนแก่น , พื้นที่ภาคตะวันออกที่จังหวัดชลบุรี จากปัจจุบันมีคลังสินค้าอยู่แล้ว 2 แห่งในกรุงเทพฯ
“เราส่งสินค้าเองด้วยการใช้เครือข่ายลอจิสติกส์ของเครือ เซ็นทรัล และใช้บริการของ Third Party ทั้งเคอรี่ เอ็กเพรส , ดีเอชแอล และไปรษณีย์ไทย เราเชื่อว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เราทำ ภายใน 1 ปี แบรนด์เราต้องเป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่น รายได้หรือยอดขายก็จะตามมาเอง”
ลุยส่งออกไปจีน ดันยอดขายสู่แสนล้านในอีก 3-5 ปี
ทั้งนี้ ตามแผนที่ประกาศไว้ เจดี เซ็นทรัล จะมียอดขายแตะแสนล้านบาทภายใน 3-5 ข้างหน้า ซึ่งการไปถึงเป้าหมายดังกล่าว ประเด็นสำคัญ ก็คือ การนำสินค้าไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม SME ส่งออกไปยังประเทศจีน โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 ได้เปิดตัว JD Thailand Official Flagship Store (Thailand.jd.hk) เป็นร้านจำหน่ายสินค้าจากไทยบน JD.com
เป้าหมาย เพื่อต้องการให้เป็นช่องทางส่งออกสินค้าไทยไปยังจีน ปัจจุบันมีหมวดหมู่สินค้า 5 ประเภทที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคจีน ได้แก่ สินค้าเพื่อสุขภาพและความสวยความงาม , อาหารและเครื่องดื่ม , ของใช้ในบ้าน โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนร้านค้า ได้แก่ หมอนยางพาราและทุเรียนอบแห้ง รวมไปถึงผลไม้อย่างมะม่วง และลำไย เป็นต้น
ส่วนในอนาคต มีแผนจะขยายเพิ่มขอบเขตร้านค้าเพิ่มเติม ซึ่งตั้งเป้าว่า ภายในปี 2562 จะมีผู้ประกอบการ SME จำนวน 10,000 รายที่เข้าร่วมจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มนี้
จับตาปีหน้า เตรียมลุยโปรโมชั่นหนัก
ขณะที่แคมเปญการตลาดและโปรโมชั่นที่ชอปปิ้ง ออนไลน์ ทั้ง Lazada และ Shopee แข่งกันอย่างดุเดือด เพื่อเรียกเงินจากกระเป๋าลูกค้านั้น รวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด เจดี เซ็นทรัล บอกว่า เจดี เซ็นทรัล ก็ให้ความสำคัญ และพร้อมจะสู้เช่นเดียวกัน
อย่างในปีนี้ ก็มีออกมาหลายแคมเปญ ไม่ว่าจะเป็น INFINITE 8 นำสินค้ามาลดสูงสุดถึง 80% พร้อมส่วนลดเพิ่มอีก 8% สูงสุด 800 บาท , แคมเปญ 11.11 CRAZY HOT SALE นำสินค้ามาลดสูงสุด 90% ในทุกหมวดหมู่สินค้า , แคมเปญ FLASH SALE การนำสินค้าแบรนด์ชั้นนำมาลดราคาพิเศษ 4 รอบต่อวัน เป็นต้น ซึ่งแต่ละแคมเปญก็ได้รับผลตอบที่ดี
สำหรับในปีหน้า หรือ ปี 2562 เราจะได้เห็นเจดี เซ็นทรัล รุกหนักในเรื่องแคมเปญการตลาดและโปรโมชั่นมากขึ้น โดยจะเริ่มเห็นตั้งแต่ต้นปี
ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ทาง ประธานบริหารฝ่ายการตลาด เจดี เซ็นทรัล บอกสั้น ๆ ว่า ให้จับตา แต่จะไม่น้อยหน้าคู่แข่งแน่นอน เพราะเรื่องนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับการแข่งขันในธุรกิจชอปปิ้ง ออนไลน์
