เปิดวิสัยทัศน์ KBTG รุกตลาดภูมิภาค ดึงศักยภาพบุคลากรพัฒนาเทคโนโลยีสู่การเป็น Bank of Regional

  • 2.4K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคของโลกที่กำลังถูกจับตามอง เนื่องจากจะกลายเป็นภูมิภาคของ Startup ระดับโลกจำนวนมาก และเมื่อพูดถึงธุรกิจที่มีการใช้เทคโนโลยีอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา คงต้องยกให้กลุ่มธุรกิจธนาคารที่เรียกว่าก้าวเข้าสู่ยุค FinTech อย่างสมบูรณ์ และถ้าพูดถึงธุรกิจ FinTech ที่ประสบความสำเร็จในแง่การสร้างประสบการณ์ที่ดีและจำนวน Transaction คงต้องยกให้ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank

ซึ่งความสำเร็จด้าน FinTech ของ KBank ต้องยกความดีความชอบให้กับ Tech Company ที่ Spin Off แยกตัวออกมาจากธนาคารอย่าง KBTG (KASIKORN Business – Technology Group) ถือเป็นพระเอกสำคัญในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของ KBank ซึ่งในช่วง 3-5 ปีข้างหน้านับจากนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ภายใต้พัฒนาธุรกิจ Startup เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของการเป็น Bank of Regional

 

KBTG ก้าวสู่ยุค Regional Tech Company

“โลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ (New Era) ซึ่งทุกคนคงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เราอยู่ที่ Right Place และ Right Time เพราะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 ศูนย์เงินลงทุนที่เข้ามาในธุรกิจ FinTech เฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวแสนล้านบาทที่เข้ามาลงทุนใน Startup FinTech นั่นเพราะภูมิภาคนี้กำลังจะ Disrupt  ทางด้านการเงิน”

 

 

นั่นเป็นข้อมูลที่ออกมาจาก คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ซึ่งคุณกระทิงย้ำชัดว่า ภูมิภาคที่น่าตื่นเต้นที่สุดในธุรกิจ FinTech คือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง KBank เล็งเห็นว่าในปี 2030 จะเป็นยุคทองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงมีการขยายธุรกิจไปในหลายประเทศทั้ง อินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นต้น ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างหนัก โดยตั้งเป้าว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะเป็นหนึ่งใน Top Regional Challenger

“KBTG เราเป็น Regional Tech Company เรียบร้อยแล้ว เรามี K – TECH ที่แต่เดิมมีไว้ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ประเทศจีนเพียงอย่างเดียว ตอนนี้เราพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพด้าน Blockchain ในประเทศจีนกลับเข้ามาที่ประเทศไทย หรือที่เวียดนามเรามีการพัฒนาแพลตฟอร์มที่นั่น ก่อนจะขยายไปสู่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งตั้งแต่ปี 2019 เราเริ่มแปลงสภาพสู่ ONE KBTG  นอกจากจะมีพัฒนาเทคโนโลยีแล้ว ยังมีการแตกบริษัทใหม่ออกไป”

 

บทพิสูจน์ความสำเร็จของ KBTG

คุณกระทิงเน้นย้ำว่า สิ่งที่ KBTG ทำต้องมีความหมายและต้องสร้างอำนาจในด้านการเงินให้กับลูกค้า โดยต้องมีประโยชน์ต่อธุรกิจ เห็นได้จากแอปฯ K PLUS ที่มียอดผู้ใช้งานเกินกว่า18.6 ล้านราย โดยมียอดธุรกรรมการเงิน (Transaction) กว่า 7,700 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ยอดธุรกรรมรวมทั้งสิ้น 29,000 ล้านบาทต่อปี คาดว่าสิ้นปีนี้ K PLUS จะมีลูกค้ารวมทั้งสิ้น20 ล้านราย ขณะที่ K PLUS SHOP มีร้านค้าใช้บริการกว่า 4 ล้านร้านค้า

 

 

“จำนวนผู้ใช้งานที่มากที่สุดใน Mobile Banking ชี้ให้เราเห็นว่าความเสถียรภาพในการใช้งานเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง นั่นจึงทำให้เรามุ่งมั่นในการพัฒนาระบบเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า นั่นทำให้ปัญหาระดับ 1 และระดับ 2 ของ KBank ลดลงถึง 60% และเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เราสามารถใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 1 นาทีในการแก้ปัญหา โดยใช้ระยะเวลาในการแก้ปัญหาลดลง 33%”

นอกจากนี้ที่ KBTG ยังพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับใครหลายคน  โดยในปีนี้มีการพัฒนาแอปฯ MAKE by KBank (เมฆ) ที่มียอดผู้ใช้งานกว่า 400,000 ราย หรืออย่าง Kubix ที่ให้บริการ ICO Portal ระบบเสนอขายเหรียญโทเคนดิจิทัล ที่ประสบความสำเร็จในการจัดจำหน่าย DESTINY TOKEN หรือเหรียญบุพเพสันนิวาส ซึ่งขายได้ 265 ล้านบาท และ Coral NFT Marketplace แพลตฟอร์มที่ช่วยเหลือศิลปินและเป็นแหล่งรวคนรักศิลปะช่วยสร้างด้วยการจำหน่ายผ่าน NFT โดยเฉพาะ โดยมียอดขายแล้วกว่า 35 ล้านบาท ขณะที่แอปฯ ขุนทองที่มีสมาชิกเข้าใช้งานมากกว่า 850,000 คน

 

บุคลากรคือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด

ทางด้านการวิจัย KBTG มีการสร้าง In-house Research ช่วยให้ KBTG สามารถวิจัยและพัฒนาด้วยตัวเองได้ ซึ่งงานวิจัยต่างๆได้รับมาตรฐานระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) หรือการให้คอมพิวเตอร์เข้าใจภาษาไทยซึ่งมีการนำไปใช้กับ Chat Bot ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลารอคุยกับพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ช่วยประหยัดเวลาได้กว่า 3 แสนชั่วโมง และการพัฒนา AI Marketing และยังมีโปรเจคพัฒนานวัตกรรมที่กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาอีกอย่างน้อย 10 โปรเจค

 

 

“เป้าหมายถัดไปของ KBTG คือการมีผู้ใช้งานอย่างน้อย 100 ล้านคน โดยมีธุรกรรมทางการเงินกว่าแสนล้านบาทต่อปี และต้องมีพนักงานรวมกว่า 3,000 คนใน 7 ประเทศ และต้องมีการพัฒนานวัตกรรมที่รวดเร็วขึ้นอย่างน้อย 10 เท่า โดยนวัตกรรมทั้งหมดจะต้องสามารถสร้างรายได้กลับมาไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท และการก้าวสู่การติดอันดับบริษัท Tech Company 100 บริษัทที่ดีที่สุดในโลก”

คุณกระทิงย้ำว่า เป้าหมายที่วางไว้ทั้งหมดจะสำเร็จไม่ได้ถ้าขาดบุคลากร โดย KBTG ได้รางวัลจาก HR Asia ในปี 2020 และปี 2021 นอกจากนี้ยังมีการวัดความผูกพันกับองค์กรของพนักงานมากขึ้น 10% เพราะหากต้องการช่วยเหลือคนอื่น KBTG ก็จะต้องดูแลพนักงานให้ดี เพราะบุคลากรคือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของธุรกิจ ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ของ KBTG ที่สามารถสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มอำนาจทางการเงิน โดยบุคลากรที่มีความมหัศจรรย์ของ KBTG

 

ผู้บริหารใหม่สู่ Vision ใหม่

สำหรับยุคใหม่ของ KBTG ภายใต้แนวคิด Human First จำเป็นต้องใช้บุคลากรในระดับยูนิคอร์น นั่นจึงทำให้ KBTG มีโอกาสต้อนรับ คุณวรนุช เดชะไกศยะ Executive Chairmanกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) โดยถือเป็นผู้ที่มีประสบการณ์อย่างมากในธุรกิจธนาคาร โดยคุณวรนุชจะเข้ามาดูแลในส่วนของการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่การเป็น Best Bank

“ภารกิจหลักของ KBTG คือ การสนับสนุนธนาคารกสิกรไทย รวมทั้งการพัฒนา Solution ร่วมกับพันธมิตรใน Ecosystem ต่างๆ ดังนั้น KBTG จึงต้องเป็นองค์กรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อพร้อมรับมือกับเทคโนโลยี พฤติกรรมลูกค้า และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อเดินหน้าสนับสนุนธุรกิจธนาคารยุคใหม่ไปสู่ภูมิภาค AEC+3 โดย KBTG มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและปรับการทำงาน”

การพัฒนานวัตกรรมจากนี้ไป KBTG จะยังคงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีศักยภาพด้านการเงินมากขึ้นไป แต่ KBTG จะก้าวไปอีกขั้นสู่การสร้างยุคใหม่ภายใต้แนวคิด Human First, Universe of Technology โดยหลังจากนี้ KBTG จะเน้นไปที่ประสิทธิภาพของตัวบุคลากรในการขับเคลื่อนคิดค้นนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบต่างๆ และขยายขีดความสามารถเพื่อรองรับความต้องการบริการด้านการเงิน

 

3 กลยุทธ์สำคัญก้าวสู่วิสัยทัศน์ใหม่

คุณวรนุชยังกล่าวถึงกลยุทธ์หลักในการก้าวสู้วิสัยทัศน์ใหม่ของ KBTG ประกอบไปด้วย การขยายระบบเพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาระบบเพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมจากลูกค้าในไทยกว่า 21 ล้านรายที่มีอยู่และธุรกรรมที่จะเพิ่มขึ้นจากธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง เช่น บริการ Digital Lending เพื่อให้บริการได้อย่างไม่สะดุด นอกจากนี้ KBTG จะพัฒนา K PLUS รองรับการขยายธุรกิจธนาคารสู่ระดับภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะมียอดผู้ใช้งานถึง 40 ล้านรายในปี 2570

การขยายทีมงานเพื่อรองรับธุรกิจธนาคารในภูมิภาค โดยทาง KBTG มีการสนับสนุนงานระบบไอทีของธนาคาร ในส่วนของ Core Banking, Product (ATM, e-Wallet, Internet Banking), โครงสร้างพื้นฐาน, IT Security ในพื้นที่เครือข่ายธุรกิจธนาคารต่างๆ ได้แก่ จีน ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม ฮ่องกง และอินโดนีเซีย พร้อมทั้งตั้งบริษัทเทคโนโลยีใน 2 ประเทศ ได้แก่ K-TECH ในจีน และ KBTG Vietnam ที่เวียดนาม เพื่อพัฒนาแอปฯ K+ Vietnam โดยตั้งเป้ารับพนักงานที่เวียดนาม 200 คนภายในปี 2565

กำหนดรูปแบบการดำเนินงานใหม่ (New Operating Model) ภายใต้แนวคิด ONEKBTG Operating Model ด้วยการส่งเสริมให้มีการประสานงานกันมากขึ้นภายในองค์กร ประกอบกับการวาง Roadmap สำหรับแอปพลิเคชันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Traditional Banking, ธุรกิจ Regional Bank, บริการ Banking as a Service (BaaS) และการทำโซลูชันร่วมกับพันธมิตร ตอบสนองธุรกิจในภูมิภาค

 

KBTG Labs แหล่งรวมต้นน้ำนวัตกรรม

หากจะแยกย่อยส่วนงานของ KBTG ออกมาทั้งหมดอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าให้แยกหน่วยงานที่มีความสำคัญอย่างมากของ KBTG คงต้องยกให้ KBTG Labs ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวมีหน้าที่ในการเริ่มโปรเจ็คไปจนถึงทดลองและส่งมอบ ดังนั้น K-Labs จึงเป็นบ่อเกิดของนวัตกรรมหลายๆ อย่าง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างอำนาจทางการเงินให้กับลูกค้าและสร้างผลประโยชน์ให้กับธุรกิจ ตามที่ คุณทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director KBTG Labs กล่าว

 

 

KBTG Labs เรามุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกและมีความยั่งยืนให้กับสังคม ประเทศผ่านนวัตกรรมทางการเงิน KBTG Labs ประกอบไปด้วยคน 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่มคนที่เข้าใจลูกค้า (UX/UI) เข้าใจ Pain Point กลุ่มต่อมาคือที่เข้าใจนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะเป็น Digital Sulution ได้ และกลุ่มคนที่เข้าใจตลาดและธุรกิจ (Research) ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มต้องทำงานร่วมกัน”

สำหรับเป้าหมายของ KBTG Labs ภายใน 3 ปีจะต้องเพิ่มความเร็วในการพัฒนานวัตกรรมให้ได้ 10 เท่า นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยี Data Analytic, Machine Learning และ AI เข้ามาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจธนาคาร ที่สำคัญ KBTG Labs ยังให้ความสำคัญกับเรื่อง Human First ซึ่ง KBTG Labs ทำหน้าที่ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อธุรกิตธนาคารและพัฒนานวัตกรรมสู่บริษัทอื่นๆ ในกลุ่ม KBTG

 

 

“เรายังมีการพัฒนาเทคโนโลยี Smart Checkout ที่ AI สามารถระบุได้ว่า มีการซื้อสินค้ากี่ชิ้นอะไรบ้างและสามารถชำระผ่าน K PLUS ได้ทันที หรือเทคโนโลยีอย่าง Smart Retails ที่ใช้ Machine Learning ในการเรียนรู้ใบหน้าคนร่วมกับเทคโนโลยี AR ที่ช่วยให้สามารถลองสินค้าได้ โดยที่ไม่ต้องลองจากสินค้าจริง ช่วยสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าได้อีกระดับ”

 

KX รุกตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลภูมิภาค

ในด้านการเงิน นอกจากเรื่องของธุรกรรมการเงินแล้ว สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset)กำลังให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น นั่นจึงทำให้ในปีที่ผ่านมา KX ถูกจัดตั้งขึ้น โดยมี คุณธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Venture Director KX หรือ คุณพอล โดยมีเป้าหมายในการสร้างความเชื่อมั่นในตัว Digital Asset ซึ่ง KX จะเน้นไปที่เรื่องของบริการทั้งที่เกี่ยวกับ Financial และ Non Financial

“Kubix ถือเป็นผลงานแรกของทาง KX นอกจากนี้ยังมี Corel ที่เป็นตลาดซื้อขายศิลปะผ่านรูปแบบ NFT Marketplace ซึ่งความพิเศษอยู่ที่ศิลปินต้องทำการยืนยันตัวตนก่อน เพื่อป้องกันการสวมรอย และเรายังสนับสนุนเรื่องลิขสิทธิ์เต็มรูปแบบ ที่สำคัญการซื้อขายจะไม่อิงกับเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) สามารถใช้ Digital Payment ปกติซื้อขายได้เลย และ Corel ยังใช้เทคโนโลยี Blockchain ระดับโลกในการซื้อขายด้วย”

โดยมีศิลปินเข้าร่วมกับ Corel มากกว่า 120 ท่านและมีศิลปะมากกว่า 1,000 ชิ้นบนแพลตฟอร์ม มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 25,000 บาทจนถึงประมาณ 3.8 ล้านบาท ช่วยให้ศิลปินมีรายได้เพิ่มขึ้น ในอนาคต Corel จะมีการขยายไปสู่ตลาดระดับโลกเพื่อให้ศิลปินไทยเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ โดยจะมีการเพิ่มจำนวนศิลปินมากขึ้น ในปี 2025 ตั้งเป้านำ Corel เข้าสู่ตลาดภูมิภาค

“นอกจากนี้เรายังมีธุรกิจใหม่อย่าง BigFin เครื่องมือสำหรับนักลงทุน ซึ่งจะมี Dashboard ช่วยให้เห็นภาพรวมการลงทุน แถมยังสมุดจดบันทึกการลงทุนที่จะช่วยให้นักลงทุนรู้ว่า ลงทุนไปวันไหน มูลค่าเท่าไหร่ และยังมีฟีเจอร์ในการค้นหาข้อมูลเก่าที่ BigFin จะแสดงออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย”

 

Kubix โอกาสของธุรกิจสู่ดิจิทัลโทเคน

Kubix เป็นหนึ่งในธุรกิจของ KX โดยมีรูปแบบธุรกิจเป็น ICO Portal ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสร้างอำนาจของนักลงทุนให้มีโอกาสมากขึ้น ไม่เพียงแค่โอกาสสร้างผลกำไร แต่ยังหมายถึงประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งประสบความสำเร็จไปแล้วกับการทำร่วมกับภาพยนยตร์ “บุพเพสันนิวาส 2” ซึ่ง Kubix สามารถนำเสนอรูปแบบการลงทุนใหม่และประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับนักลงทุน

คุณกระทิงยังทิ้งท้ายว่า KBTG จะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีบริการที่จะตอบสนองการใช้งานของลูกค้าควบคู่กับการสร้างสรรค์บริการโลกการเงินยุคใหม่ รองรับผู้ใช้งานทั้งในไทยและทั่วภูมิภาค AEC+3 ภายใต้ความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี และนวัตกรรม ควบคู่กับโมเดลการทำงานใหม่ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และธุรกิจ S-Curve ใหม่ๆ

 

 


  • 2.4K
  •  
  •  
  •  
  •