KCG รุกตลาดเมนูเจแบบ Western! ด้วยแคมเปญ “เจนี้ที่น่าจำ”

  • 19
  •  
  •  
  •  
  •  

 

เปิดเส้นทางล่าสุดของเจ้าพ่อตลาดเนยอันดับ 1 ของเมืองไทย “KCG Corporation” ที่หันมาต่อยอดจุดแข็งเรื่องการเป็นบริษัทแถวหน้าในธุรกิจนำเข้า ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น เนย ชีส และขนมสำเร็จรูปรายใหญ่ระดับประเทศ วันนี้ KCG เดินเกมรุกตลาดเจ รวมถึงตลาด VEGAN สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับประทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เพื่อยกระดับวงการเมนูเจแบบ Western อย่างจริงจัง เห็นได้ชัดจากแคมเปญ “เจนี้ที่น่าจำ”  ซึ่งหนุนให้ KCG มีภาพจำเป็นแบรนด์สายบุญตัวจริง

ความสดของแคมเปญ “เจนี้ที่น่าจำ” ยังอยู่ที่การเป็นครั้งแรกที่ KCG ทำ CSR ด้วยอาหารเจทั้งคาวและหวาน เปลี่ยนภาพจำของอาหารเจแบบธรรมดา ให้กลายเป็น “เจนี้ที่น่าจำ” ได้สมชื่อแคมเปญจริงๆ

ก้าวนี้ของ KCG สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดอาหารมังสวิรัติที่ส่งสัญญาณเติบโตรวดเร็ว มีการคาดการณ์ว่ากลุ่มคนในอนาคตจะรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง และเลือกรับประทานสินค้าที่เป็น plant base ทั้งโปรตีนจากพืช, อาหาร VEGAN, ธัญพืชต่างๆ ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์การบริโภคแบบใหม่ที่เห็นชัดในหลายปีที่ผ่านมา

 

 

ตอบเทรนด์ VEGAN มาแรง

ในปี 2019 มีการเผยผลสำรวจพบอัตราคนที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ (VEGAN) เพิ่มขึ้นถึง 600% ในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันก็มีการคาดการณ์ว่าผู้บริโภค 1 ใน 10 คน อาจจะกลายเป็นชาวมังสวิรัติหรือ Vegetarian ได้ภายในปี 2030 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า

บริษัท ​​เอ็นไวโร ประเทศไทย อธิบายผลการสำรวจนี้ว่า วิถีการกินการใช้ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปตามกระแส ซึ่งความน่าสนใจอยู่ตรงที่การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นใหม่ทุกปี ดังนั้น KCG จึงต้องการปฏิวัติตลาดเจ และตลาด VEGAN ของเมืองไทย สร้างสรรค์เป็นแคมเปญ “เจนี้ที่น่าจำ” ซึ่งคิดมาครบและเสริมจุดแข็งหลากหลายแง่มุม

จุดเริ่มต้นของแคมเปญมาจากเทศกาลเจและการรับประทานอาหารเจแบบเดิม ๆ ที่ซ้ำไปมาและน่าเบื่อ แต่ปีนี้ KCG อาสาลุกขึ้นมาปฏิวัติวงการเจให้เปลี่ยนไปด้วยวัตถุดิบอาหารเจมากกว่า 100 รายการ ทุกรายการสามารถทําเมนูเจได้ทั้งคาว หวาน ทำให้การรับประทานเจแบบธรรมดา ถูกดัดแปลงเป็นการกินเจที่น่าจดจำได้ ทั้งในแง่ความหลากหลาย และแปลกใหม่สไตล์ตะวันตก ความดีในส่วนนี้ต้องยกให้จุดแข็งเรื่อง KCG เป็นเจ้าแรกในตลาดที่มี Vegan Cheddar Chesse หรือชีสเจ และสินค้าประเภท Plant spread ที่สามารถใช้แทนเนย

 

 

เพื่อย้ำว่าสินค้าเจของ KCG สามารถนำไปปรุงเมนูได้หลากหลาย KCG จึงจัดประกวด “เจนี้ที่น่าจำ Contest” ในช่วงเทศกาลกินเจที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น 2 หมวดคือ อาหารคาว (Heavy) และอาหารหวาน (Light) เงินรางวัลมูลค่ารวมมากกว่า 20,000 บาท ซึ่งมีการประกาศ 2 เมนูชนะเลิศสุดอลังการที่สายบุญอาจจะต้องใช้จินตนาการล้ำลึกถึงรสชาติเมื่อได้เห็น

เมนูชนะเลิศรุ่น Heavy คือ “Cauliflower Chicken Double Maple Syrup Waffle with Truffle Cream and Flame Grilled Cheese ไก่ทอดเจกับวาฟเฟิล ราดครีมทรัฟเฟิลและชีสย่างไฟ” จัดเต็มทั้งกลิ่นบาบีคิว ทรัฟเฟิลครีมซอส​ เมเปิ้ลวาฟเฟิล และกริลล์ชีสที่มีกลิ่นรมควัน ตัดเลี่ยนด้วยซัลซ่ามะเขือเทศ​และเอดามาเมะ​ เพิ่มความสดชื่น ขณะที่เมนูชนะเลิศรุ่น Light คือ “แพนเค้กข้าวโอ๊ตกล้วยหอม ซอสสตรอเบอร์รี่  สูตรไร้แป้ง” ซึ่งเป็นแพนเค้กเนื้อแน่นนุ่มจากกล้วยหอมและข้าวโอ๊ต ปรับใช้ทั้งแพลนท์สเปรดซันฟลาวเวอร์ แยมสตรอเบอร์รี่ ท็อปปิ้งสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และกราโนร่า

 

 

KCG ยังกระตุ้นดีมานด์สายมังฯสไตล์ Western ด้วยการโปรโมทร้านอาหารที่ร่วมแคมเปญและมีเมนูมังสวิรัติมากมายให้เลือก ทั้งกลุ่มเบเกอรี่ อาหารเพื่อสุขภาพ และขนมหวาน ตัวอย่างเช่น ร้าน Salad Factory, กัปตันสควิด, PEAR’s, Bake to Beyond, วิคตอรี่ เบเกอรี่, Land haus, Panlee Bakery, Dewang House, อั่วเซ่งฮง และเหอเฉินฟง ซึ่งให้ส่วนลดมากที่สุดถึง 100 บาท

โดยเมนูที่จำหน่ายจะเป็นเมนูประจำหรือเมนูทั่วไปของร้าน และจะไฮไลท์เมนูเจในแคมเปญนี้ ถือเป็นก้าวที่ให้ความสำคัญกับพันธมิตรธุรกิจอย่างน่านับถือ

 

มิติใหม่ CSR ด้วยอาหารจากชีสเจ

เทศกาลกินเจนั้นเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 – 14 ตุลาคม 64 แก่นหลักของการกินเจ คือการถือศีล ตั้งใจทำความดีโดยการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ KCG จึงใช้โอกาสนี้ร่วมทำความดีผ่านจุดยืน “เข้าใจและพร้อมเป็นกําลังใจ” ในสถานการณ์ของวิกฤตโรคระบาดไวรัส Covid-19 โดยการสนับสนุนอาหารเมนูเจนี้ที่น่าจำจำนวน 300 กล่องกับเพจเส้นด้าย

 

 

ทั้งหมดนี้สามารถสร้างภาพจําและการรับรู้ว่า KCG มีสินค้าเจให้เลือกสรรมากมาย ให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์เมนูเจในสไตล์ตัวเองได้อย่างอิสระ

นอกจากนี้การอัดฉีดของ KCG ยังอยู่ในรูปของการลุ้นโชคทองเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์กลุ่มเจของKCG ผ่านขั้นตอนไม่ซับซ้อน นั่นคือการซื้อ-สแกน-ลุ้นรางวัล มูลค่ารวมมากกว่า 500,000 บาท ตั้งแต่ 20 กันยายน 2564 จนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

ที่สุดแล้ว แคมเปญนี้สามารถตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ KCG Corporation ที่ต้องการเป็นบริษัทชั้นนำ ในการเสนอผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารรสเลิศ รวมทั้งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มุ่งมั่น เพื่อการดำเนินชีวิตที่ทันสมัย ซึ่งตลอดเวลา KCG พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าได้เดินหน้าสร้างสรรค์ และเลือกสินค้าที่มีคุณภาพระดับพรีเมียมจากทั่วมุมโลก ควบคู่กับการผสมผสานความรู้ความเข้าใจในรสชาติแบบต้นตำรับ กับกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และได้มาตรฐานสากล

คาดว่าตลาดอาหารเจและตลาด VEGAN จะเป็นอีกพื้นที่ซึ่ง KCG สามารถปฎิวัติวงการจนเสริมจุดยืนในแถวหน้าของตลาดวัตถุดิบอาหารมังสวิรัติเบอร์ 1 ของไทยได้ไม่ยาก.

 


  • 19
  •  
  •  
  •  
  •