NSL Foods เบื้องหลังแซนวิชอบร้อนใน 7-ELEVEN เตรียมระดมทุนผ่านหุ้น IPO เพื่อพัฒนาธุรกิจอาหารครบวงจร

  • 280
  •  
  •  
  •  
  •  

 

“อาหารเช้า” ถือเป็นมื้อสำคัญที่สุดของทุกคน แต่ด้วยภาวะความเร่งรีบที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ส่งผลให้อาหารเช้าถูกละเลย หลายคนเลือกที่จะไม่ทานอะไรเลยช่วงเช้า และอีกหลายคนเลือกที่จะทานเพียงกาแฟและขนม แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าขนมเหล่านั้นสะอาด ถูกสุขลักษณะและได้ประโยชน์ตามที่ร่างกายต้องการ

หลายคนเลือกไว้ใจขนมจากร้านสะดวกซื้อที่ได้รับมาตรฐาน แต่จะมีใครรู้ถึงเบื้องหลังของการผลิตขนมที่ได้รับมาตรฐานจนสามารถเข้าไปวางอยู่ในร้านสะดวกซื้อชั้นนำทั่วประเทศ ที่สำคัญบอกเลยว่าเป้าหมายไม่ใช่แค่ขนมเท่านั้น แต่กำลังมองถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมการอาหารที่ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อให้คนไทยได้รับอาหารที่มีคุณค่าและสะดวกสบายในราคาคุ้มค่า

 

 

NSL Foods ชื่อนี้หลายคนอาจไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย แต่ถ้าบอกว่านี่คือบริษัทผู้อยู่เบื้องหลังในการผลิต “แซนวิชอบร้อน” ที่สามารถสร้างยอดขายอันดับ 1 ในร้านสะดวกซื้อชั้นนำทั่วประเทศอย่าง 7-ELEVEN ไม่เพียงเท่านั้น NSL Foods ยังเป็นผู้นำเข้าปลา อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ผักแช่แข็งและผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป

โดย คุณสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ชี้ว่า NSL Foods ประกอบไปด้วย 4 ธุรกิจหลัก ทั้งการรับผลิตเบเกอรี่อาหารรองท้อง ภายใต้แบรนด์ Ezy Taste, Ezy Sweet และ Ezy Bake ซึ่งเป็นแบรนด์ของ CPALL, การผลิตขนมขบเคี้ยวภายใต้แบรนด์ของ NSL Foods อาทิ บัตเตอร์ฟิน, ชิลี, ปังไท และเนเชอรัล ไบทส์

 

 

การนำเข้า แบ่งบรรจุและจำหน่ายปลา อาหารทะเล เนื้อสัตว์ สาหร่ายและผักต่างๆ ในรูปแบบแช่แข็งและแปรรูป โดยส่งให้กับร้านอาหาร ภัตตาคารและซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงการรับจ้างผลิตเบเกอรี่ เช่น ขนมปังโฮลวีท เบเกอรี่ ในลักษณะของ OEM โดยในกลุ่มเบเกอรี่และอาหารรองท้องจะจัดจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-ELEVEN ทุกสาขา ขณะที่สินค้าในกลุ่มอื่นจะเน้นขายผ่าน ช่องทางสำคัญอย่าง Tops Market, Family Mart, Modern Trade และกลุ่ม Traditional Trade รวมถึงร้านอาหาร, Supermarket ชั้นนำและกลุ่มโรงแรม

 

 

ขณะที่จุดสำคัญที่ NSL Foods ให้ความสำคัญ คือการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อตอบสนองการพัฒนาด้วยการเติบโตอย่างยั่งยืน และก้าวสู่มาตรฐานการผลิตระดับโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับเป้าหมายที่สำคัญของ NSL Foods คือการก้าวสู่อุตสาหกรรมการผลิตอาหารแบบครบวงจร ทั้งธุรกิจอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน (Ready Meal Frozen Food) เช่น ซุป อาหารแช่แข็ง มีทบอล และซอสต่างๆ เพื่อนำไปปรุงอาหารต่อไป, ธุรกิจอาหารพร้อมรับประทานแบบไม่ต้องแช่เย็น เช่น แกงต่างๆ กับข้าวต่างๆ เพียงนำไปอุ่นร้อนก็สามารถรับประทานได้ และ ธุรกิจอาหารแห้งกึ่งพร้อมรับประทาน เช่น โจ๊กคัพ ซุป เพียงเติมน้ำร้อนก็สามารถรับประทานได้ทันที

 

 

ซึ่งคาดการณ์การลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานใหม่และการลงทุนนวัตกรรมเครื่องจักร โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 และสามารถผลิตสินค้าใหม่ใน 3 กลุ่มธุรกิจเข้าสู่ตลาดได้ตั้งเป้าสร้างรายได้เพิ่มกว่า 1,200 ล้านบาทและมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 21 ตันต่อวัน

 

 

นอกจากนี้ NSL Foods ยังสร้างนวัตกรรมขนมปังโฮลเกรนผสมโปรตีนจิ้งหรีดครั้งแรกของไทย ภายใต้แบรนด์ “Natural Bites” เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ โดยเป็นขนมปังที่อุดมไปด้วยโปรตีนถึง 7 กรัมต่อแผ่น อีกทั้งยังมีปริมาณคอเลสเตอรอลต่ำ ใช้แป้งสาลีไม่ฟอกสีและผสมโฮลเกรนเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค พร้อมวางจำหน่ายแล้วที่ร้าน Healthiful ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปในราคาถุงละ 69 บาท

ที่สำคัญยังใช้โปรตีนจากจิ้งหรีดซึ่งมีปริมาณโปรตีนถึง 60%-70% ซึ่งสูงกว่าโปรตีนจากเนื้อวัว 2 เท่า เมื่อเทียบน้ำหนักที่เท่ากัน ผลสำรวจยังพบ ฟาร์มจิ้งหรีดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีความยั่งยืนกว่าฟาร์มปศุสัตว์ทั่วไป ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าถึง 100 เท่า

 

 

จากผลประกอบการที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า NSL Foods สามารถสร้างผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีผลประกอบการอยู่ที่ 3,137.1 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2562 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 7.5% โดยมีรายได้อยู่ที่ 3,373.5 ล้านบาท

ขณะที่ในปี 2563 จากสถานการณ์โรคระบาด ส่งผลให้รายได้ลดลง 13.2% โดยยังคงมีรายได้อยู่ในระดับ 2,927.6 ล้านบาท แต่เมื่อคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิจะพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 5.2% โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 151.4 ล้านบาท และรายได้ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มสินค้าเบเกอรี่และรองท้องมากกว่า 90%

 

 

และเพื่อให้การพัฒนาธุรกิจ NSL Foods สามารถดำเนินต่อไปได้ตามแผนที่วางไว้ จึงมีการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น โดยเป้าหมายในการขายหุ้น IPO ครั้งนี้เพื่อนำไปเป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการในอนาคตตามที่วางไว้ และนำบางส่วนเพื่อการชำระคืนเงินกู้ยืม โดยที่เหลือจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ โดยเงินปันผลจะได้ไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายได้ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้

 

 

โดยมีการจัดสรรสัดส่วนการกระจายหุ้นออกเป็น 3 ส่วนหลัก ทั้งในส่วนของการจัดสรรให้กับผู้มีอุปการะคุณกับบริษัท รวมถึงซัพพลายเออร์และลูกค้า ขณะที่อีกส่วนจะเป็นการจัดสรรให้กับพนักงานของบริษัท ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะมีการจัดสรรหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 25% ของหุ้น IPO ทั้งหมด และสุดท้ายคือการจัดสรรให้กับนักลงทุนสถาบันและบุคคลทั่วไปที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา NSL Foods

ทั้งนี้การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนโปรดใช้วิจารณญาณศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 


  • 280
  •  
  •  
  •  
  •