ความท้าทายของ โออิชิ รักษาผู้นำตลาดชาเขียว เพิ่มรายได้ธุรกิจอาหารญี่ปุ่น

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

oishi1

โออิชิ กรุ๊ป เปิดเผยตัวเลขรายได้ปีที่ผ่านมา ทำรายได้รวม 12,879 ล้านบาท เติบโต 4% โดยเป็นกำไร 712 ล้านบาท เติบโต 36% แต่ปีนี้ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เติบโต 9% แบ่งเป็นธุรกิจอาหาร (เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นโออิชิ) 7,000 ล้านบาท และธุรกิจน้ำเครื่องดื่ม (เช่น ชาเขียวพร้อมดื่ม) 7,000 ล้านบาท ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของประเทศไทย อะไรที่จะทำให้ โออิชิ กรุ๊ป พาธุรกิจเติบโตได้ตามที่วางไว้ เป็นประเด็นที่น่าสนใจ

มารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัการโออิชิ กรุ๊ป นำทีมผู้บริหาร เปิดเผยถึงการตลาดตามแผนวิสัยทัศน์ 2020 ของกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ ซึ่ง โออิชิ เป็นหนึ่งในเรือธงสำคัญในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ โดยมีกลยุทธ์หลัก ได้แก่

IMG_2483

1) การเติบโต (Growth) โดยใช้นวัตกรรมสินค้าเป็นตัวขับเคลื่อน ขยายกำลังผลิตไลน์ที่ 4 เพื่อรองรับความต้องการตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในภูมิภาคอาเซียน

2) ความหลากหลาย (Diversity) มีความหลากหลายทั้งผลิตภัณฑ์ ทั้งธุรกิจอาหารและธุรกิจเครื่องดื่ม เพื่อสร้างทางเลืกอให้กับผู้บริโภค มีการทำตลาดที่แตกต่างสร้างความแปลกใหม่ และคืนกำไรให้ประชาชน และบุคลากรที่มีความสามารถทำตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ

3) แบรนด์ (Brand) ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์โออิชิ รักษาความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มและอาหารญี่ปุ่น พร้อมทั้งร่วมมือกับบริษัทในเครือไทยเบฟทั้งหมดเพื่อขยายตลาดในระดับภูมิภาคอาเซียน

4) การขายและกระจายสินค้า (Reach) ด้วยเครือข่ายพันธมิตรไทยเบฟ จะช่วยให้การกระจายสินค้าในไทยและประเทศอาเซียน เช่น มาเลเซีย, สิงคโปร์, พม่า, ลาว และกัมพูชา เพื่อเป็นผู้นำในทุกประเทศ ซึ่งปัจจุบันขึ้นอันดับ 1 ในลาวและกัมพูชา

5) ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism) การทำงานอย่างมืออาชีพทั้งในไทยและต่างประเทศ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด

oishi2

ชาผลไม้ พระเอกรับปี 2016

เจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม โออิช กรุ๊ป บอกว่า ธุรกิจเครื่องดื่ม ภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตติดลบ -2.5% แต่โออิชิ มีการเติบโต 9% โดยพระเอกในธุรกิจนี้คือ ชาผลไม้พร้อมดื่ม ที่มีการเติบโตประมาณ 16% ขณะที่ชาประเภทอื่นๆ เช่น ชาเขียว,ชาพรีเมียม, ชาน และชาสมุนไพร มีการเติบโตติดลบทั้งหมด โดย โออิชิ เชื่อว่าในปี 2016 ชาผลไม้จะยังคงได้รับความนิยม อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มวัยรุ่นตอนต้น

นอกจากนี้ ในภาพรวมตลอดทั้งปี 2015 ที่ผ่านมา เห็นได้ว่า โออิชิ สามารถรักษาการทำตลาดได้อย่างดีตลอดทั้งปี จึงยังคงเป็นชาเขียวพร้อมดื่มที่ผู้บริโภคนิยมเลือกบริโภคเป็นอันดับ 1 มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ขณะที่คู่แข่งหลักมีการเติบโตที่โดดเด่น ประมาณเดือน มี.ค. – เม.ย. ซึ่งมีการจัดแคมเปญใหญ่เท่านั้น

IMG_2589

ดังนั้นในปี 2016 ภารกิจหลักของธุรกิจเครื่องดื่ม จะมุ่งเน้น

1) รุกตลาดต่อเนื่องเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดชาเขียว จัดโปรโมชั่นแบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้น

2) ขยายกลุ่มเป้าหมาย ต้องหาชาผลไม้รสใหม่เพื่อสร้างยอดขาย และขยายฐานลูกค้าให้เติบโตขึ้น

3) เพิ่มการถึงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการทำตลาดออนไลน์ ใช้งบประมาณ 25% ของงบการตลาดรวม จากเดิม 15%   ในปีก่อน จัดกิจกรรมออนไลน์จับกลุ่มวัยรุ่น ฃ

4) ปรับกลุ่มสินค้าให้ชัดเจน  ด้วยชาเขียว 3 รส ชาผลไม้ 2 รส และมี ฟรุตโตะ 3 รส

5) สร้างตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียน ขยายตลาดลาวและกัมพูชา รวมถึงมาเลเซีย และสิงคโปร์ ผ่านพันธมิตร ทั้งไทยเบฟ, เสริมสุข, F&N และ BJC

เป้าหมายประการหนึ่ง โดยเฉพาะชาผลไม้ ในปี 2016 จะต้องขยับขึ้นมาเป็น Top Brand ที่ผู้บริโภคนึกถึงให้ได้ นั่นคือ ถ้านึกถึงชาเขียว หรือชาผลไม้ ก็ต้องนึกถึง โออิชิ เป็นแบรนด์แรก

oishi6

เสริมแบรนด์ร้านอาหาร กระตุ้นยอด

ไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร โออิชิ กรุ๊ป บอกว่า ธุรกิจอาหารปีที่ผ่านมาเจอปัญหาเศรษฐกิจและความใช้จ่ายที่ระมัดระวังของผู้บริโภค ทำให้การเติบโตติดลบเล็กน้อย แต่มั่นใจว่า อาหารญี่ปุ่น ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคชาวไทย โดยตลาดรวมร้านอาหารเชน มีประมาณ 110,000 ล้านบาท  คิดเป็น 30% ของตลาดรวมร้านอาหารทั้งหมด ขณะที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิ มีรายได้ประมาณ 6,572 ล้านบาทในปี 2015 และตั้งเป้า 7,000 ล้านบาทในปี 2016 ถือว่ามีส่วนแบ่งน้อยมาก ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก

โดยกลยุทธ์หลักของธุรกิจร้านอาหาร ได้แก่

1) มุ่งสร้างสรรค์งานวิจัยและปรับปรุงแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่ง มีคุณค่าทั้งสินค้าและบริการ

2) พัฒนาและสร้างสรรค์สินค้าใหม่ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่มีความต้องการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

3) นำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ คุ้มค่า คุ้มราคา

IMG_2568

การสร้างรายได้ธุรกิจอาหาร ยังคงเน้นการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น พร้อมกับพัฒนาอาหารรูปแบบใหม่ ผ่านทาง Package Food รวมถึงการส่งออกอาหารไปต่างประเทศ และหาโอกาสทางธุรกิจอาหารใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตเฉลี่ย 7-10% และเพิ่มรายได้ให้ถึง 10,000 ล้านบาทภายในปี 2020

โออิชิ กรุ๊ป ระบุว่า ปัจจุบัน โออิชิ คือ King of Japanese Food เรียกว่าเป็นราชาและเป็นผู้นำในตลาดอย่างชัดเจน แต่จากปี 2016 เป็นต้นไป โออิชิ จะเป็นมากกว่าราชา นั่นคือ Expert of Japanese Food หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่รู้ลึก รู้จริงในด้านอาหารญี่ปุ่น และเครื่องดื่มชาเขียว

ฟังวิสัยทัศน์และกลยุทธ์จาก โออิชิ กรุ๊ปแล้ว มองเห็นภาพการแข่งขันในตลาดชาเขียวพร้อมดื่มปี 2016 รับรองว่าดุเดือด และร้อนระอุรับซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน เมื่อโออิชิ เริ่มปล่อยหมัดแล้ว ต้องรอดูว่า อิชิตัน ในฐานะแบรนด์คู่แข่ง จะสวนกลับอย่างไร

oishi3

Copyright © MarketingOops.com


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •