พฤกษาเปิดแผนปี 61 สร้างแบรนด์ด้วย Innovation และ Digital ตั้งเป้าขาย 5.3 หมื่นล้าน จากมูลค่าตลาดรวม 4.2 แสนล้าน เดินหน้าอีก 75 โครงการใหม่มูลค่า 6.6 หมื่นล้าน

  • 196
  •  
  •  
  •  
  •  

DSCF2030

พฤกษา จากผู้เล่นตลาดรอง สู่ผู้นำตลาดหลัก

จากผู้เล่นรายเล็กทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว ราคาไม่กี่แสนบาท จับกลุ่มตลาดระดับราคากลาง ในบริเวณชานเมืองรอบนอกไม่กี่สิบปีก่อน ยุคที่ตลาดพร็อพเพอร์ตี้ของเมืองไทยบจะมีแต่ชื่อพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ศุภาลัย มั่นคงเคหะการ ธารารมณ์ ฯลฯ กระทั่งเมืองทองธานี ยักษ์ใหญ่ตระกูลกาญจนพาศน์จากฮ่องกง

พฤกษา เรียลเอสเตท ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2536 โดยคุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม 50 ล้านบาท และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเมื่อปี 2548 มียอดรายได้รวมในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 43,027 หลังจากการประกาศงบการเงินในปี 2557

มาถึงปี 2561 ภายใต้แบรนด์ Pruksa พฤกษา เรียลเอสเตท ได้ตั้งเป้ารายได้ไว้มากกว่า 50,000 ล้านบาท จากแผนการเปิดโครงการใหม่ถึง 75 โครงการ มูลค่า 66,700 ล้านบาท

ขณะเดียวกันเว็บไซต์พฤกษาที่มียอดผู้เข้าชมสูงมากๆ ท่ามกลางเว็บไซต์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย พฤกษาในปีที่ผ่านมามียอดขายที่มาจากสื่อดิจิทัลมากกว่า 16,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 98%

มาวันนี้ พฤกษา ประกาศเดินหน้าแผนปี 61 มุ่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งต่อไป และรักษาความเป็นที่หนึ่งในตลาดพร็อพเพอร์ตี้ให้ได้ ทั้งยอดขายและรายได้โต ที่ตั้งเป้าไว้ 13% และ >10% ตามลำดับ ท่ามกลางสถานการณ์แข่งขันดุเดือด ที่เป็นตลาดสำหรับรายใหญ่ พันธมิตรของคู่แข่งที่แข็งแกร่ง เทคโนโลยีนำเข้าจากต่างชาติ และการเลือกตั้งที่ยังมาไม่ถึง

โดยเน้นความเป็นอันดับ 1 ของวงการที่ดิน ด้วยความแข็งแกร่งของ strategy มุ่งรักษาความเป็นที่หนึ่งในตลาด สร้างแบรนด์ ด้วยการเน้นใช้นวัตกรรมและดิจิทัล และสิ่งสำคัญคือการร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้น

โตด้วยเทคโนโลยีสร้างบ้าน

หลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกเมื่อปลายปี 2548 พฤกษาได้นำระบบบริหารจัดการ (Business Process Improvement: B.P.I.) จากบริษัท ไอ.บี.เอ็ม. (ประเทศไทย) มาใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน เป็นการรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ปรับโครงสร้างองค์การเป็นหน่วยธุรกิจ (Strategic Business Unit: SBU) เพื่อให้สอดรับกับกลยุทธ์การเติบโตของพฤกษาในระยะยาว สะท้อน Vision ของผู้นำองค์กร

จุดเปลี่ยนที่ทำให้พฤกษาก้าวขึ้นนำคู่แข่งในตลาดเดียวกัน และสะท้อนคำตอบว่าจากพฤกษา 2-3 เป็น พฤกษา 24-25 ในแต่ละทำเลที่ทีมแลนด์แบงก์เก็บสะสมไว้ สร้างเสร็จได้อย่างไร ในระยะเวลาสั้นๆ ทำได้ยังไง

คำตอบคือ แนวคิด Precast Concrete Factory หรือโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป ที่พฤกษาสร้างขึ้นสำเร็จเป็นโรงงานแรกด้วยงบกว่า 600 ล้านบาท และป็นระบบผลิตที่ทันสมัยที่สุดของประเทศไทยในขณะนั้น

ทำให้บ้านของพฤกษาสร้างเสร็จได้ไว คนซื้ออุ่นใจ เพราะซื้อบ้านแล้วได้บ้านในระยะเวลาก่อนกำหนด สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค ชื่อเสียงไม่เสีย และได้รับการบอกต่อ ก่อนจะบุกเข้าเมือง สร้างบ้านเดี่ยวระดับหรู คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์บนทำเลแพงระยับกลางกรุง แข่งกันกับแบรนด์ระดับ luxury ได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ

ยอดรายได้รวมแตะเลย 23,000 ล้านบาท หลังการประกาศงบการเงินในปี 2554 และพฤกษาก็เดินหน้าต่อกับโรงงานพฤกษา พรีคาสท์ ลำลูกกา โรงงานที่ 6 และ 7 ก่อสร้างและเดินเครื่องผลิตทันทีในปี 2557 เพื่อรองรับการเติบโตด้วยงบอีกกว่า 2,300 ล้านบาท

ประกาศแผนปี 61 

คุณสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พฤกษาจะก้าวไปสู่แบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนไทย เป็นที่หนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเน้นทุกคุณภาพทั้งชีวิตให้ดีขึ้น ปีนี้จึงเน้นศึกษาไปที่เมกะเทรนด์ของตลาด

“เรามองว่าอีก 5 ปี มูลค่าของตลาด Smart Home จะเติบโตขึ้น 13.65% เราจึงนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้พัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อเพิ่มคุณภาพและบริการ ตอบโจทย์ลูกค้าในวันนี้และอนาคต ทั้งการเยี่ยมชมโครงการใหม่ผ่านระบบ VR เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านจะสั่งการผ่านระบบ AI นอกจากนี้เรายังจะพัฒนาสินค้าและบริการ รองรับสังคมสูงวัย การใช้แผนการตลาดแบบ Digital Marketing ให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า”

“ที่ผ่านมาก็ถือว่าสำเร็จอย่างสูง เว็บไซต์ของพฤกษามียอดผู้เข้าชมสูงสุด จนก้าวเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ปีที่ผ่านมาเรามียอดขายจากสื่อดิจิทัล 16,101 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 98%”

คุณสุพัตรามองตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ทั้งกรุงเทพและปริมณฑล ภาพรวมคาดว่า มียอดขายเติบโตจากปีก่อนราว 5% มูลค่าตลาดรวมประมาณ 4.2 แสนล้านบาท จากปัจจัยสาธารณูปโภคภาครัฐ ปีนี้พฤกษาตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 53,742ล้านบาท เติบโต 13%  รายได้อยู่ที่ 50,500 ล้านบาท เติบโต >10% จากแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 75 โครงการ มูลค่า 66,700 ล้านบาท

“เรายังจะปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ การร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้า ช่น ใช้เสาเข็มมาตรฐาน มอก. ของ GEL, ร่วมมือกับ SCG พัฒนาวัสดุก่อสร้างที่ทันสมัยมาใช้ในโครงการ หรือการพัฒนาคุณภาพสีกับ TOA ส่วนโครงการโรงพยาบาลวิมุต ขณะนี้ผ่าน EIA อยู่ระหว่างก่อสร้างด้วยงบประมาณ 650 ล้านบาท สามารถเปิดให้บริการได้ในราวปี 2020″

คุณปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) มองว่าปีนี้ภาพรวมตลาดของกลุ่มธุรกิจแวลู มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.79% ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม กลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจแวลู ยังคงเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับระดับกลาง-ล่าง เพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิม และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าระดับกลาง- บน มากขึ้น ให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์

“เราจะนำนวัตกรรม พฤกษา 4.0 มาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยทุกโครงการ จับมือกับพันธมิตรให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง เรายังมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบ บนถนนบางนา-วงแหวน อีกกว่า 8,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นโครงการเมกะโปรเจคที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้เลยทีเดียว”

ส่วนคุณประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท  จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้พฤกษาจะเดินหน้าพัฒนาตลาดพรีเมียมให้ต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้น ตั้งเป้ายอดขาย 6,800 ล้านบาท รายได้ 3,500 ล้านบาท กับแผนโครงการใหม่ 8 โครงการ มูลค่า 10,260 ล้านบาท

“ซึ่งปีนี้ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องครั้งใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และมีปัจจัยความเสี่ยงของการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เราจึงเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยยูนิตไม่เยอะ ซึ่งจะให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบใหม่เพื่อให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เป็นการสร้างความแตกต่างจากตลาดและคู่แข่ง ที่ผ่านมาถือว่าพฤกษาก็ประสบความสำเร็จในตลาดพรีเมียมมากๆ ปีนี้ก็มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายเช่นกัน”

ที่ผ่านมาเตรียมรุกตลาดพรีเมียม ด้วยการเก็บแลนด์แบงก์ราว 7 ไร่ เปลี่ยนมือจากกลุ่มโรงแรมมณเฑียร มูลค่าราว 1,700 ล้านบาท มาพัฒนาเป็น เดอะรีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61 คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ลักชัวรีทำเลใจกลางเมือง มูลค่าโครงการในเฟสแรก 2,469 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จราวปี 2563 ด้วยคอนเซ็ปต์ Reserve Your Exclusivity ให้การพักผ่อนและอยู่อาศัยเหมือนได้อยู่บ้าน ส่วนตัวสูง ออกแบบห้องพักให้มีขนาดใหญ่ หน้ากว้าง ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์หรูหราด้วยแบรนด์ดังอย่าง CHANINTR (ชนินทร์) และมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ออกแบบเป็นพิเศษ

 

 


  • 196
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE